รีวิว True Story (Netflix) ซีรีส์สมมุติให้เหมือนเรื่องจริงแบบดาร์คๆ ของ เควิน ฮาร์ท

True Story ลิมิเต็ดซีรีส์ 7 ตอนจบจาก เควิน ฮาร์ท นักแสดงตลกเดี่ยวไมค์โครโฟนชื่อดังที่ผันตัวมาเล่นหนังด้วย โดยเป็นเรื่องราวจำลองชีวิตของตัวเขาเองในแบบเหมือนเป็นเรื่องจริง ที่เกี่ยวพันกับการฆาตกรรมอำพรางซ่อนเร้นศพเพื่อปกป้องชื่อเสียงของเขาในวันที่กำลังโด่งดังสุดขีด

ตัวอย่าง True Story

ซีรีส์เรื่องนี้เป็นผลงานจากสตูดิโอ Hartbeat Productions ของเควิน ฮาร์ท เอง โดยเป็นการสร้างเรื่องราวเสมือนจริงซ้อนไปในชีวิตจริงของเขาอีกที ซึ่งใครที่ยังไม่รู้จักหรือเคยดูหนังของเขาก็ไม่มีปัญหากับการรับชมซีรีส์เรื่องนี้แต่อย่างใด แต่ถ้าอ่านประวัติชีวิตของเขาจากสื่อต่างๆ หรือได้รับชมสารคดีเจาะชีวิตช่วงพังของเขาใน Netflix (เควิน ฮาร์ท อย่าทำพังเชียว) ก็จะทำให้อินเข้าใจเรื่องราวของเขามากขึ้น เนื่องจากช่วงเวลาในซีรีส์เรื่องนี้ก็เป็นช่วงสมุติคาบเกี่ยวกับตอนที่เขากำลังหย่าร้างกับภรรยา และก็ถูกนำมาดัดแปลงเป็นเส้นเรื่องใหม่ในซีรีส์เรื่องนี้นั่นเอง

เนื้อเรื่องเริ่มจาก เควิน ฮาร์ท (หรือ คิด ชื่อเล่นในเรื่องนี้) เดินสายกลับมาฟิลาเดลเฟียบ้านเกิดของเขา ซึ่งพี่ชายของเขา คาร์ลตัน ก็ได้มาร่วมพักอาศัยในโรงแรมหรูด้วย ก่อนที่ทั้งคู่ไปผับและได้เจอกับสาวงามที่คิดโดนใจตั้งแต่แรก ก่อนที่จะลงเอยมีอะไรกัน แต่กลับกลายเป็นฝันร้ายเมื่อเขาถูกปลุกตื่นมากลางดึกจากพี่ชายที่พบว่าสาวรายนี้ตายเสียแล้วจากการใช้ยาเกินขนาด และพยายามช่วยน้องชายปกปิดเรื่องนี้ด้วยแผนการซ่อนศพ โดยการดึงมาเฟียกรีกมาร่วมด้วย นี่จึงเป็นที่มาของเรื่องราวสุดเครียดเบื้องหลังนักแสดงตลกชื่อดังที่สุดของอเมริกาในเวลานี้

ต้องบอกก่อนเลยว่านี่ไม่ใช่ซีรีส์ที่ตลกใดๆ ทั้งสิ้น แม้จะมาจากนักแสดงตลกชื่อดังรายนี้ก็ตาม เรื่องราวในเรื่องถูกทำให้เหมือนเป็นเรื่องจริงซ้อนทับกับตารางชีวิตของเควิน ฮาร์ทได้อย่างเนียนๆ เลยตามชื่อเรื่อง ทรู สตอรี่ แม้เราจะรู้ว่าเป็นเรื่องสมมุติขึ้นมาก็ตาม อันนี้ต้องชมเลยว่าทีมเขียนบทเรื่องนี้ใช้ชีวิตของเควินมาสร้างเรื่องราวที่เหมือนโลกคู่ขนานได้ดีในระดับหนึ่งเลย แม้อาจจะมีช่วงโอเวอร์หรือไม่เนียนแทรกมาบ้าง แต่พอรวมๆ ถ้าดูแล้วเคลิ้มๆ เชื่อไปบ้างก็จะดูสนุกได้ไม่ยากเลย แต่ถ้าใครไม่อินไม่เคลิ้มเลยก็อาจจะกลายเป็นดูเรื่องเฟคๆ จากนักแสดงตลกที่พยายามสร้างคอนเทนต์แบบใหม่ไปแทน

ตัวเรื่องพยายามใช้ความโด่งดังในชีวิตจริงของเควินมาเป็นส่วนประกอบสำคัญของเรื่อง ในลักษณะสมมุติว่าถ้าเควินฆาตกรรมใครขึ้นมาจะเป็นยังไง เพราะด้วยความดังพลุแตกของเขาในชีวิตย่อมส่งผลกับการตัดสินใจของเขาแน่นอน ซึ่งในเรื่องนี้เป็นการเดินเรื่องให้เควินเลือกกระทำอาชญากรรมจากซ่อนศพแบบจำใจยอมตามแผนของพี่ชาย ก่อนที่จะกลายเป็นอาชญากรรมต่อเนื่องตามมาเรื่อยๆ ไม่หยุดในทุกตอนที่ดำเนินไป ซึ่งผู้ชมก็เหมือนได้เห็นโลกคู่ขนานหรือด้านมืดของชายคนนี้ ที่เขาเองก็พร่ำบอกเสมอว่าเขาเป็นแค่มนุษย์ปกติธรรมดาคนหนึ่งที่ผิดพลาดได้ ซึ่งในเรื่องจริงเควินมีดราม่าใหญ่เกิดขึ้นมาและเขาก็รับมือได้ไม่ดีนักเช่นกัน อย่างในสารคดีที่แนะนำไปเบื้องต้นเขาก็นำเรื่องจริงด้านลบของตัวเองมาทำ เพื่อเป็นบทเรียนและสื่อสารไปยังแฟนๆ ของเขาว่าอย่ามองเขาในแง่บวกหรือขาวสะอาดไปหมด เพราะเขาก็เป็นมนุษย์ที่พลาดพลั้งได้แบบคนอื่นเช่นกัน ซึ่งในเรื่องนี้คือเนื้อเรื่องสมมุติให้เควินตัดสินใจผิดพลาดใหญ่แบบมหันต์กว่าชีวิตจริงซะอีก เพราะเขาได้กลายมาเป็นฆาตกรจำเป็นที่ต้องการปกปิดความเลวร้ายเพื่อรักษาชื่อเสียงของตนเอง เป็นการเห็นแก่ตัวอย่างร้ายกาจ เรื่องราวก็เข้มข้นตึงเครียดไม่มีขำ และก็หดหู่ชวนจิตตกลงเรื่อยๆ จนกระทั่งถึงตอนจบสุดท้ายเลย

แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่การฉายเดี่ยวเล่นเป็นตัวเองของเควินเพียงคนเดียว เพราะบทหลักของเขาตีคู่ไปกับ เวสลีย์ สไนปส์ ดาราผิวดำที่มีชื่อเสียงรุ่นกอ่นที่ใครๆ ก็คงรู้จักกันดีโดยเฉพาะเรื่องเบลด แต่คราวนี้เขามาเล่นในบทพี่ชายของเควินที่ชื่อคาร์ลตัน ซึ่งก็เป็นบทสมุติจากพี่ชายตัวจริงของเควินเช่นกัน แต่ไม่ใช่เรื่องราวหรือประวัติจากตัวจริง เพราะในเรื่องนี้พี่ชายของเควินคือแมงดาที่คอยเกาะน้องชายกิน จนกลายเป็นตัวถ่วงความเจริญในหน้าที่การงานที่คนในทีมงานเควินเองไม่ชอบหน้ากันทุกคน แต่ตัวเควินกลับยอมสปอยล์เอาใจพี่ชาย ใช้หนี้แทนทุกอย่าง ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องก็กลายเป็นบททดสอบความสัมพันธ์ของทั้งคู่ เมื่อพี่ชายยอมทำทุกอย่างช่วยเหลือน้องรักของเขาตอบแทนในเรื่องที่ผ่านๆ มา แม้จะก่อปัญหาเพิ่มขึ้นจากเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

ในเรื่องนี้แม้จะเป็นเรื่องราวสมมุติ แต่ตัวเควินเองก็ใช้เรื่องนี้แอบบอกเล่าความยากลำบากของการเป็นคนดังร่ำรวยว่าไม่ใช่จะดำเนินไปง่ายๆ การเป็นคนรวยก็มีปัญหาเหมือนมนุษย์ปกติเช่นกัน ด้วยความที่มีเงินทองเยอะก็กลายมาเป็นเป้าโจมตีของพวกที่จ้องจับผิดหากินกับเขา หรือการเข้าหาเขาเพื่อหลอกลวงปอกลอกเงินทอง แม้แต่ทีมงานส่วนตัวที่จ้างมานานก็ยังไว้ใจไม่ได้ มีการหักมุมเป็นระยะๆ จากความไว้ใจที่เควินหลงให้คนอื่นไป ซึ่งประเด็นปัญหาคนรวยนี้เองที่มาเป็นแกนหลักของเรื่องราวทั้งหมด อาจจะมีเรื่องอื่นทำอะไรแบบนี้ออกมาบ้าง แต่การที่ซีรีส์เรื่องนี้เลือกเล่นเรื่องราวจริงของเควินลงไปก็ทำให้ดูเรียลมากกว่าเรื่องอื่น แม้เราจะรู้ทั้งรู้ว่าสมมุติ แต่เราก็เชื่อไปพร้อมกันว่าเขามีความลำบากอย่างที่เกิดขึ้นในเรื่องจริง อาจจะเจอมาก่อนหรือเป็นอยู่ในตอนนี้ด้วยก็ได้

นอกจากนี้ในเรื่องยังมีเรื่องราวจากทีมงาน คนรอบข้าง แฟนคลับของเควินรวมเข้ามาด้วย ซึ่งก็เหมือนเราได้ตามดูการทำงานของเควินไปในตัว แต่ตัวเรื่องก็ไม่ได้แค่จะนำเสนอขายตรงนี้เพียงอย่างเดียว แต่ตัวละครเหล่านี้ได้มีบทบาทร่วมไปกับเรื่องราวหลักด้วย โดยเฉพาะแฟนคลับพันธ์แท้ในเรื่องที่กลายมาเป็นประเด็นสาธารณะแบบที่คนดังมักเจอกันเมื่อเผลอไปแสดงออกไม่ดีกับพวกเขา แต่ในเรื่องนี้หยิบเหตุการณ์ตรงนี้มาขยายให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตกว่านั้นมาก ซึ่งเป็นจุดเกือบพีคสุดของเรื่องด้วยเมื่อเควินเองต้องตัดสินใจทำอะไรบางอย่างกับแฟนคลับคนนี้ ซึ่งชวนให้คนดูลุ้นมากพอสมควรเลยว่าเควินจะตัดสินใจทำลงไปจริงหรือไม่

แม้เรื่องนี้เควินจะสร้างเองเล่นเอง แต่ต้องบอกว่าตัวเรื่องไม่ได้เขียนมาอวยเขาเลย กลับเป็นเรื่องตรงกันข้ามากกว่าเมื่อบทยัดให้เขาทำผิดซ้ำๆ ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เหมือนเผยด้านมืดของเควินให้คนดูได้รับทราบ ยิ่งตอนจบที่พาเรื่องราวหักมุมได้ดาร์คมาก ต้องขอชมเลยว่ากล้านำเสนอบทสรุปแบบนี้ออกมา แต่ก็ต้องเข้าใจว่านี่มันเรื่องสมมุตินั่นแหละครับ

สรุปแนะนำให้ดูกัน เป็นลิมิเต็ดซีรีส์ที่สั้นๆ 7 ตอน มีตอนแรกยาวหน่อยเกือบชั่วโมง นอกนั้นแค่ 30 นาที เรื่องราวกึ่งสมมุติจากบุคคลจริงแบบนี้ไม่ได้มีออกมาบ่อย ตัวเรื่องดูสนุกน่าติดตามเพลินๆ เลย เพียงแต่ต้องพยายามคล้อยตามเชื่อสักหน่อยก็จะไม่ได้รู้สึกว่าดูปลอมอย่างที่คิดในตอนแรกครับ

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่