playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Vincenzo ทนายมาเฟีย ดาร์คคอมเมดี้เข้มข้นพร้อมดราม่าสุดสะเทือนใจ (อัพเดทจบ ไม่มีสปอยล์)

สรุป

ซีรีส์แนวดาร์คคอมเมดี้ แต่เปิดเรื่องมาสองตอนแรกคือออกแนวตลกโอเวอร์แอ็กติ้งจัดเต็ม แต่ก็ไม่ได้ตลกอะไรมากจนรู้สึกผิดหวัง แต่พอเข้าเรื่องหลักที่ EP3 ไปกลายเป็นเรื่องพลิกกลับมาเข้มข้นดาร์คบีบหัวใจมาก แต่ก็ยังคงความตลกไว้อยู่ด้วย เรื่องราวมีจุดพีคหลายครั้ง แต่ก็ต้องทำใจว่านี่เป็นซีรีส์แนวตลกดาร์คคอมเมดี้ หลายอย่างจึงไม่สมเหตุผลมาก พระเอกเก่งเทพ ทั้งดวงดีครบสูตร ในขณะที่ตัวร้ายแรกๆ สูสีกับพระเอก แต่มาช่วงหลังบทอ่อนลงยวบยาบ จนทำให้ตอนจบของเรื่องนี้เล่นง่าย ไม่แปลกใหม่ ขาดความประทับใจแบบตอนแรกไปโดยสิ้นเชิง

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (11 votes)

Pros

  • พระเอกลุคมาเฟียอิตาลีสุดโหดสุดเก๊ก แต่กลายเป็นตลกจากตรงนี้นี่แหละ
  • ได้เห็นจุงกิในหลายบทบาทแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน (มีบทปลอมตัวเป็นคนอื่น)
  • เนื้อเรื่องหลักเข้มข้นมาก หลังจาก EP2 ไปเดินเรื่องเร็วแบบไม่มีกั๊ก
  • ตัวละครสมทบครบเครื่องมีบทบาทกับเรื่องมากๆ ทุกคน
  • ปมหลักในเรื่องใหญ่โตสะท้อนถึงความอยุติธรรมของคนในระบบ
  • เน้นตลกแนวโอเวอร์แอ็กติ้งกันทุกตัวละคร
  • บอสตัวร้ายสุดโรคจิตโหดมากๆ

Cons

  • นางเอกไม่ได้ออกแนวสวยเด่น จนดูไม่น่าสนใจติดตา
  • ช่วงสองตอนแรกมุกตลกมีฝืดๆ เยอะ (ไปลงตัวเอาช่วงหลัง)
  • ฉากที่มี CG ประกอบยังดูลอยๆ ไม่สมจริง
  • พอเรื่องเป็นแนวตลกทำให้ความสมจริงในคดีกับการแก้ปัญหาของพระเอกหลายครั้งดูง่ายๆ เบาสมองมากกว่าจริงจัง
  • บทตัวร้ายช่วงหลังอ่อนมากผิดกับช่วงแรกอย่างกับคนละคน
  • ฉากสโลวขายความเท่พระเอกเยอะมากในแต่ละตอนจนกินเวลามากไป
  • ฉากจบเล่นง่ายๆ ไม่มีความแปลกใหม่ ขาดเซอร์ไพรส์

Vincenzo วินเชนโซ่ ทนายมาเฟีย ซีรีส์เกาหลีแนวดาร์คคอมเมดี้ ที่เข้มข้นถึงพริกถึงขิงกับการต่อสู้กับความอยุติธรรมในสังคม โดยทนายมาเฟียสุดโหดจากอิตาลี ที่กลับใจแบบจำใจกลายมาเป็นผู้พิทักษ์ปกป้องความยุติธรรม

 Vincenzo (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Vincenzo วินเชนโซ่ ทนายมาเฟีย

เรื่องราวของ วินเชนโซ่ (รับบทโดย Song Joong-Ki) ทนายความที่ปรึกษมาเฟียชาวอิตาลีกลับไปยังบ้านเกิดของตนที่เกาหลี เพื่อค้นหาทองคำแท่งที่ฝังอยู่ใต้อาคารในโซล ทำให้เขาเข้ามาพัวพันในการต่อสู้ทางกฎหมายกับกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ และจำใจต่อสู้เพื่อความยุติธรรม โดยร่วมกับทนายสาว ฮงชายอง (รับบทโดย Jeon Yeo-Bin)

ตกลงเรื่องนี้เน้นตลกหรือดาร์คโหดๆ กันแน่? (ไม่มีสปอยล์)

Vincenzo ซีรีส์ที่ดูจากหน้าตาภายนอกคิดว่าจะโหด แต่พอเริ่มเรื่องสองตอนแรกกลับกลายเป็นแนวตลกโอเวอร์แอ็กติ้งของเหล่าตัวละคร ซึ่งทำเอาผิดคาดไปมาก หลายคนอาจจะผิดหวังที่เรื่องราวเน้นตลกเบาสมองมากกว่าซีเรียสจริงจัง (มีแค่ตอนเปิดเรื่องที่อิตาลีที่ดูโหด) แถมมุกตลกก็ไม่ค่อยตลกอะไรมาก ฝืดๆ ซะเยอะ ไปเน้นความโอเวอร์แอ็กติ้งของตัวละครต่างๆ แบบซีรีส์ญี่ปุ่นที่หลายคนก็ไม่ชอบจุดนี้เหมือนกันถึงมาดูเกาหลี โดยหลักๆ ความตลกก็มาจากพระเอกที่ติดนิสัยเนี๊ยบๆ เก๊กหล่อแบบมาเฟียอิตาลีมาใช้กับที่เกาหลี แล้วก็เจออะไรมากมายที่ขัดใจไม่เหมือนตอนอยู่อิตาลี แถมยังต้องมาแก้ปัญหาให้ผู้เช่าพลาซ่ากำลังถูกรื้อ ซึ่งเป็นที่เเขาเอาทองมาซ่อนไว้ และต้องหาทางขนออกมาโดยไม่ให้ใครรู้ ซึ่งตัวผู้เช่าแต่ละคนก็มีนิสัยบ๊องๆ แตกต่างกันไป เป็นมุกให้พระเอกต้องปวดหัวกับพฤติกรรมเพี้ยนๆ เหล่านี้ โดยที่ตัวเองก็ทำอะไรรุนแรงแบบตอนอยู่ที่อิตาลีไม่ได้

แต่ต้องบอกว่าสองตอนแรกเป็นแค่ออเดิร์ฟ เมื่อเข้าสู่ตอน 3 เรื่องราวเริ่มไต่ระดับ ตัวพระเอกเองจากที่นิสัยหยิ่งๆ ก็เริ่มเผยให้เห็นมุมดีๆ ที่ปกปิดไว้ จนถึงตอนจบ EP3 เรียกว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ของเรื่อง เชื่อว่าคนดูทุกคนก็คงช็อคที่เรื่องราวพลิกจากแนวตลกกลายมาเป็นโศกนาฎกรรมที่เกิดกับคนที่เขาเริ่มผูกพันและตัวเขาเองก็โดนหางเลขไปด้วย ซึ่งพอเรื่องราวพลิกมาดาร์คเต็มที่ ทำให้เราได้เห็นเลยว่า ซีรีส์เรื่องนี้มีของ และเรื่องราวต่อจากนี้ก็คือของจริงสมชื่อทนายมาเฟีย และยังเดินเรื่องด้วยความรวดเร็วมากๆ ถึงขนาดที่ว่าพล็อตที่ปูไว้ในตอนจบ EP3 ใหญ่โต ถูกเคลียร์ภายในตอนต่อมา EP4 ทันที ทั้งๆ ที่จะยืดเรื่องไปก็ยังทำได้ แต่ซีรีส์เคลียร์จบและเปิดตัวร้ายหลักของเรื่องทันทีตอนจบ EP4 ทำให้รู้เลยว่าเนื้อเรื่องหลังจากนี้จะยิ่งดาร์คขึ้นไปอีกแน่นอน โดยเรื่องนี้มีลำดับการเล่าเรื่องแบบเคลียร์คดีอาทิตย์และเคส ที่ถูกเปิดปมมาเรื่อยๆ แล้วมีส่วนเชื่อมโยงกับอดีตของพระเอกโดยตรง ซึ่งบางเคสก็ตลกมาก บางเคสก็ดุเดือดโหดสุดๆ แต่ทุกตอนก็ยังคงความตลกไว้เหมือนเดิม แต่ก็ดูลงตัวดีกว่าสองตอนแรกมากครับ

ได้เห็นจุงกิในหลายบทบาทสุดรั่ว

 นอกจากบททนายมาเฟียทำหน้าเข้มๆ เก๊กหล่อเนี๊ยบตลอดเวลาแล้ว ในแต่ละตอนพระเอกของเรายังได้เปลี่ยนลุคไปเรื่อยๆ ไม่ซ้ำกัน โดยเป็นแผนที่เขาคิดขึ้นเพื่อสวมบทบาทหลอกเหยื่อผู้มีอำนาจเพื่อโค่นล้มบาเบล (บริษัทตัวร้ายในเรื่อง) แม้พระเอกจะคิดแผน แต่ก็ไม่ได้ว่าจะเล่นเอง พยายามหาทางให้คนอื่นมารับบทนั้น แต่สุดท้ายก็กลายเป็นเขาต้องมารับหน้าที่นี้ทุกที ซึ่งบอกเลยฮามากๆ คนดูจะได้เห็นจุงกิในบทแปลกๆ ที่หาดูไม่ได้ง่ายๆ แน่ๆ อย่างตอนหนึ่งใน EP8 ที่ฮาสุดๆ คือต้องปลอมเป็นเกย์ไปจีบหนุ่มประธานแบงค์เพื่อหลอกล่อให้เขาตกหลุมรัก ซึ่งดาราที่มาเล่นบทสมทบพวกนี้ก็เข้าขากันดีกับพระเอก จนกลายเป็นตอนหนึ่งที่ทำให้เรื่องนี้เป็นที่พูดถึงกันมาก เพราะไม่ใช่ง่ายๆ เลยที่ซีรีส์เกาหลีจะมีบทเกย์ Y ออกมาแบบนี้ และก็ทำดีด้วย แม้คนดูจะขำขี้แตกขี้แตนก็ตามครับ

ตัวละครสมทบเสริมความตลกเยอะมว๊าก

เรื่องนี้เต็มไปด้วยตัวละครสมทบสายฮากันทั้งเรื่อง หลักๆ เลยก็คือเหล่าผู้เช่าพลาซ่าที่พระเอกต้องรับมือไปด้วยแอบหลอกไปด้วยว่าจะช่วยย้ายที่ให้ดีๆ (ซึ่งจริงๆ จะเอาทองในตึกออกมา) อย่างตัวละครพระที่มาเช่าที่ไว้และนั่งทับประตูห้องลับเข้าทองของพระเอก หรือเชฟที่เปิดร้านอาหารอิตาลี แต่ถูกพระเอกจับได้ว่าเป็นเชฟปลอม ตัวตลกไม่เว้นแม้แต่คนในหน่วยงานความมั่นคงที่จับตามองพระเอกอยู่คนเดียวตั้งแต่กลับมาเกาหลี แต่พอรายงานเบื้องบนไปกลับไม่มีใครเชื่อว่ามาเฟียตัวเอ้นี้มีปัญหา ก็เลยลงทุนมาสืบเอง แต่กลับพบว่าพระเอกดันทำดีกับคนไปทั่ว ก็เลยกลายมาเป็นอยู่ข้างพระเอกซะงั้น ซึ่งตัวละครเหล่านี้ไม่ได้ถูกใส่มาเพื่อความตลกเพียงอย่างเดียว แต่เป็นตัวละครที่มีสกิลเฉพาะตัวแตกต่างกัน และจะมาร่วมมือทำภารกิจกับพระเอกในภายหลัง (แบบฮาๆ ไปด้วย)

ทุกคนในพลาซ่ามีความลับ (มีสปอยล์บางส่วน)

ที่เซอร์ไพรซ์อีกอย่าง เหล่าผู้เช่าที่ดูต๊องๆ ในตอนแรก แทบทุกคนมีเบื้องหลังอีกด้านที่ร้ายกาจเกินคาด อย่างเถ้าแก่ร้านซักรีดก็มีสกิลต่อยตีจากการเป็นนักเลงเก่าในระดับสุดยอด และก็ไม่ได้ทำออกมาในแนวตลก เป็นแอ็กชั่นมันส์ๆ ไม่แพ้ฉากบู๊ของวินเชนโซ่เลย ซึ่งเรื่องราวจะค่อยๆ เผยความลับของผู้เช่ามาเรื่อยๆ และเป็นจุดหักมุมที่มีส่วนพลิกเรื่องทุกครั้ง ซึ่งทำให้คนดูคอยติดตามว่าต่อไปใครจะเปิดตัวออกมาอีก ซึ่งจนท้ายเรื่องก็ยังเผยออกไม่หมดเลยครับ

ทนายฮง ตัวละครที่เป็นจุดสำคัญมากของเรื่อง (ไม่มีสปอยล์)

ฮงยูซาน รับบทโดย Yoo Jae-Myung ที่คนคงจำกันได้จากเรื่องอีเทวอนคลาส รับบทประธานชางกา ตัวร้ายของเรื่องที่เล่นได้สมบทบาทมากจนคนเกลียดสุดๆ แต่มาเรื่องนี้เขาคือ ทนายผู้เที่ยงธรรม ช่วยเหลือคนตกทุกข์ได้ยากโดยไม่เห็นแก่เงิน และก็เป็นตัวละครที่เกี่ยวโยงกับอดีตของ วินเชนโซ่ โดยตรง ซึ่งเรื่องผูกกันไว้แบบดีมาก กลายเป็นปมดราม่าซึ้งๆ เล่าถึงอดีตที่เจ็บปวดของพระเอก ผ่านสายตาทนายฮงที่เห็น และก็กลายเป็นตัวละครที่ทำให้พระเอกพลิกกลับจากความเย็นชากับความอยุติธรรม มาเป็นปีศาจผู้ต่อสู้กับเหล่าปีศาจด้วยกันเองในที่สุด

เหล่าตัวร้ายของเรื่อง (มีสปอยล์บางจุด)

เนื้อเรื่องถูกวางไว้ว่าพระเอกต้องสู้กับความอยุติธรรมแบบจำใจ ซึ่งเหล่าตัวร้ายในเรื่องนี้ก็คือ กลุ่มคนชั่วทุกระดับในฝ่ายรัฐ ที่ร่วมมือกับบริษัทยาในเรื่องเพื่อหาผลประโยชน์ บทหยิบจับเอาเรื่องจริงของบริษัทยาที่ฉ้อฉล ผลิตยามาเพื่อทำให้คนเสพติดแบบถูกกฎหมาย ซึ่งก็ต้องผ่านหมอรับรอง สำนักงานทนายความใหญ่ที่ช่วยเคลียร์ทางกฎหมายให้ขายได้ และตัวบริษัทยาในเรื่องเองก็ทำตัวเหมือนมาเฟียสุดโหด ฆ่าคนเป็นผักปลา เรียกว่าเรื่องใส่จุดนี้มาแบบโหดร้ายสะเทือนใจมากจริงๆ ที่กลุ่มคนเหล่านี้รวมตัวกันทำชั่ว จนพระเอกต้องไล่จัดการเช็คบิลให้หมดไปจากสังคม ด้วยวิธีการแบบมาเฟียอิตาลีที่เขาถนัด

นอกจากนี้แล้วตัวเรื่องยังซ่อนตัวร้ายหลักบอสใหญ่ของเรื่องไว้อีกคน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเซอไพรส์เหมือนกันที่มีบทบอสระดับนี้วางไว้อีกชั้น

 

พาร์ทความรักของเรื่อง

ตัวเรื่องวางคาแรกเตอร์ให้วินเชนโซ่ค่อนข้างเป็นคนเย็นชา และก็ดูไม่ใส่ใจในเรื่องความรักเลยแม้แต่น้อย ซึ่งก็สมเหตุผลกับเรื่องที่เขาตั้งใจกลับมาเกาหลีเพื่อหอบทองคำหนีไปประเทศอื่นเท่านั้น โดยมีเวลาแค่ 1-2 เดือนต้องเคลียร์เรื่องนี้ให้ได้ และตัวทนาย ฮงชายอง ที่เป็นนางเอกก็เปิดตัวมาว่าเป็นสาวบ้างานบ้าเงิน ถึงขั้นยอมทำอะไรที่ผิดอย่างการเอาเงินจ้างพยานอีกฝ่ายให้ปรักปรำพ่อของเธอ ก่อนที่เรื่องจะพลิกมาให้ทั้งคู่ได้ร่วมงานกันในเวลาต่อมา แต่บทในช่วงแรกนี้ก็ยังไม่ได้สวีทอะไรมาก แต่เรื่องก็ปูไว้นิดๆ ว่าพระเอกก็มีความเป็นห่วงนางอยู่บ้าง ซึ่งภายหลังก็กลายเป็นส่วนที่ชวนสวีทของเรื่อง (แต่เรื่องนี้แทบไม่มีฉากจูบเลย)

 

เล่าปมในอดีตของวินเชนโซ่ผ่านเรื่องราวของแม่

เรื่องเริ่มมาก็ไม่ได้มีเอ่ยเกริ่นถึงความเป็นมาของพระเอกเลย นอกจากรู้ว่าพ่อเลี้ยงของพระเอกตายในตอนแรก ซึ่งการกลับมาเกาหลีเพื่อเอาทองที่ซ่อนอยู่ ก็ดูเหมือนว่าพระเอกจะเป็นแค่มาเฟียไร้หัวจิตหัวใจเฉยๆ แต่เรื่องจะค่อยๆ ผูกปมกลับมาที่แม่ของพระเอกที่ยกเขาให้ครอบครัวอิตาลีไป ซึ่งเราจะค่อยๆ ได้รับรู้อดีตของวินเชนโซ่กับแม่ของเขาไปเรื่อยๆ เป็นดราม่าแบบค่อยๆ ซึมลึกเกาะกินใจคนดู เพราะพระเอกไม่ยอมเอ่ยปากบอกความจริงกับแม่ แม้จะถึงช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตแล้ว (แม่พระเอกเป็นมะเร็ง) ซึ่งนี่เป็นปมสำคัญหลักของเรื่องในตอนหลัง และก็เป็นจุดอ่อนเดียวของพระเอกที่มีอยู่ด้วย

 

จุดด้อยของเรื่อง

ซีรีส์เรื่องนี้วางไว้ 20 ตอนตั้งแต่แรก ซึ่งถือว่ายาวมากกว่าปกติ 16 ตอน ทำให้บทดูยืดเยื้อในลักษณะปล่อยตัวร้ายไปเรื่อยๆ เพื่อยืดเรื่อง แรกๆ อาจจะรู้สึกว่าเป็นสไตล์ของตัวเอกที่เก็บตัวร้ายไว้ทรมาน แต่พอผ่านไปบทกลับทำซ้ำเดิมอยู่เรื่อยๆ ทำให้ตัวร้ายทุกตัวในเรื่องวนเวียนไปๆ มาๆ อยู่ตลอดจนรู้สึกน่าเบื่อกับจุดนี้ พอถึงตอนสุดท้ายพระเอกก็เก็บเรียบทีเดียวแบบง่ายๆ เพราะบทลากยาวจนหมดมุก แถมฝ่ายตัวร้ายที่วางไว้ฉลาดสูสีทันเกมในช่วงแรก พอมาช่วงหลังบทกลับกลายเป็นทำให้ดูอ่อนยวบออกแนวโง่ไม่มีไหวพริบอะไรทั้งสิ้น ส่วนพระเอกก็เป็นแบบบทเขียนให้อะไรก็เกิดขึ้นได้ เลยกลายเป็นแนวพระเอกยังไงก็ชนะทั้งดวงดีทั้งเก่ง เรียกว่าการดูซีรีส์เรื่องนี้ต้องตัดความสมเหตุผลไปทั้งหมด เพราะหลายอย่างที่พระเอกคิดและวางแผนมีความไม่สมเหตุผลปนอยู่ด้วยเสมอ

และที่น่าเบื่อในทุกตอนคือต้องมีฉากสโลวโมชั่นของพระเอกแทรกมาเรื่อยๆ จนดูเป็นการกินเวลามาก แถมพอตอนต่อมาก็ยังเอาฉากเดิมตอนท้ายมาสโลต่อ ซึ่งถ้าไม่ใช่คนดูสายกรี๊ดพระเอกคงต้องมีกดสคิปข้ามฉากสโลวกันไปบ้างเพราะเยอะและนานจริงๆ

 

บทสรุปจบของเรื่อง (ไม่มีสปอยล์)

ซีรีส์เข้มข้นมาตลอด แต่พอช่วงหลังจาก EP16 ไปเรื่องราวดูไม่สมเหตุผลหลายอย่าง บทเรียกว่างานเกือบเผาเลยก็ได้ เพราะนี่เป็นซีรีส์ที่เขียนบทกันต่ออาทิตย์ จึงทำให้เรื่องราวช่วงท้ายเริ่มดรอปลงมาทั้งความสนุกและหลายอย่างไม่สมเหตุผล การไล่ล่าตัวร้ายก็เอากันง่ายๆ ขาดชั้นเชิง พยายามรีบตัดจบจนเรื่องดูกลวงมาก ก่อนที่จะจบตามสูตรแฮปปี้เอนดิ้งง่ายๆ ไม่มีความแปลกใหม่หรือเซอร์ไพรส์อะไรทั้งสิ้น กลายเป็นซีรีส์ที่จบแบบไม่ประทับใจ ไม่ดีไม่เลวเรียกว่าเฉยๆ มากกว่าครับ


สำหรับคนที่สนใจ ซีรีส์ Vincenzo ฉายผ่าน Netflix ทุกวัน เสาร์และอาทิตย์ หลังสามทุ่มไปครับ

ขอแนะนำซีรีส์น้ำเรื่องใหม่อีกเรื่องใน Netflix Hello, Me! สวัสดีตัวเอง ซีรีส์แนวดราม่าตลกแฟนตาซี เมื่อลูซเซอร์สาววัย 37 ต้องมาพบกับตัวเธอเองในวัย 17 ปีสุดฮอต สนใจคลิกอ่านรีวิวได้ที่นี่ครับ

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!