playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Yaksha (Netflix) หนังรวมสายลับเอเชียที่ดุเดือดเลือดพล่านบนผืนแผ่นดินจีน! (ไม่สปอยล์)

สรุป

หนังสายลับเกาหลีฟอร์มใหญ่ที่อัดแอ็กชั่นยิงกันสนั่นเมืองบนพื้นที่ขัดแย้งของจีนที่แปลกตา ตัวหนังดุเดือดทั้งฉากแอ็กชั่นและการห้ำหั่นกันของเหล่าสายลับข้ามชาติ รวมถึงปมความขัดแย้งตัวเอกทั้งคู่ที่ต่างกันสุดขั้วก็ดุเดือดไม่แพ้กัน นักแสดงมีเสน่ห์ด้วยคาแรกเตอร์โหดดุเดือดไม่ปราณีใครทุกคน เป็นหนังที่เรียกว่าโปรแกรมทองห้ามพลาดของเน็ตฟลิกซ์ได้เลยครับ (เรื่องนี้เป็นหนังทำลงโรงแต่ไม่ได้ฉายเพราะติดโควิดในเกาหลี)

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • แอ็กชั่นดุเดือดตลอดทั้งเรื่อง
  • เนื้อเรื่องเข้มข้นมีปมซ้อนกันหลายชั้น
  • โลเกชั่นอยู่ในเมืองเสิ่นหยางของจีนที่รวมสายลับจริงๆ 
  • ภาษาพูดในเรื่องมีหลายภาษาสลับไปมาได้ลื่นไหล
  • ตัวละครมีเสน่ห์น่าจดจำกันทุกคน
  • มีเสียงพากย์ไทย (แต่เรื่องนี้แนะนำฟังเสียงออริจินอลอ่านซับเอาจะได้อารมณ์สายลับมากกว่า)

Cons

  • CG ช่วงหลังดูลอยๆ มากอย่างเห็นได้ชัด
  • ทีมเกาหลีเก่งเทพเกินไปมากๆ จนชาติอื่นดูกระจอกไปเลย
  • ฉากสุดท้ายทิ้งปืนมาต่อยกับบอสไม่สมเหตุผลสุดๆ

Yaksha ปฏิบัติการยักษ์ล้มยักษ์ (ชื่อเกาหลี 야차) หนัง Netflix แนวแอ็กชั่นสายลับเกาหลีฟอร์มใหญ่ ด้วยเรื่องราวการต่อสู้ห้ำหั่นกันของสายลับหลายชาติในเมืองเสิ่นหยางของจีน ที่เต็มไปด้วยการจารกรรมซับซ้อนพัวพันกับความลับระดับสูงของโลกสายลับข้ามชาติ โดยมีกลิ่นอายเสน่ห์ของเรื่องราวแตกต่างจากหนังสายลับฝรั่งอย่างสิ้นเชิง

 Yaksha: Ruthless Operations (2022) on IMDb

ตัวอย่าง

 

เรื่องย่อ Yaksha

หัวหน้าหน่วยสายลับเกาหลีในจีน ผู้ไร้ความปราณีจนได้ฉายายักษ์กินคน ต้องมาพบกับอัยการตงฉินที่ไม่ยอมอ่อนข้อให้ความอยุติธรรมใดๆ ทั้งคู่ร่วมกันสืบหาเบื้องหลังความลับสุดอันตรายที่โยงใยถึงประเด็นปัญหาข้ามชาติญี่ปุ่นและเกาหลีเหนือ ที่เต็มไปด้วยเหล่าสายลับข้ามชาติมาพบเจอร่วมมือและพร้อมหักหลังชิงไหวพริบกันตลอดเวลา

รีวิว Yaksha

หนังสายลับจากงานสร้างของผู้กำกับ นาฮยอน จากเรื่อง Prison กับ Inseparable Bros ที่คราวนี้มาในสเกลใหญ่เป็นงานที่ตั้งใจลงทำลงโรงภาพยนต์ต่อเนื่องเป็นแฟรนไชนส์วางไว้แบบพวกหนังสายลับฝรั่งดังๆ แต่ด้วยปัญหาโควิดระบาดในเกาหลีล่าสุดจึงต้องย้ายมาลง Netflix แทน ก็ถือว่าเป็นกำไรคนดูมาก เพราะนี่คือหนังฟอร์มใหญ่มากจริงๆ ที่ทางเน็ตฟลิกซ์เองก็ไม่น่าจะมีผลงานที่สร้างออกมาแบบนี้ให้กับเกาหลีได้ และผลลัพธ์ที่ออกมาคือสุดยอดมาก เรียกว่าได้เปิดศักราชแนวทางหนังสายลับใหม่ให้เกาหลีไปอีกแนวแน่ๆ 

Yaksha อ่านว่า ยักษา หรือ ยักษ์ ในความหมายไทยที่เรารู้จักกันดี ซึ่งชื่อนี้คือฉายาของตัวเอก จีคังอิน (รับบทโดย โซล คยอง กู)  เป็นหัวหน้าหน่วยสายลับในเมืองเสิ่นหยางประเทศจีน ที่มีบุคลิกนิสัยการทำงานแบบดุดันโหดเหี้ยมไม่ปราณีต่อสิ่งใดๆ ที่จะมาขวางทางเขา เรื่องราวจะโฟกัสที่ตัวเขาเป็นหลัก โดยมี พัคแฮซู นักแสดงจากซีรีส์ สควิดเกม มารับบทเป็น จีฮุน อัยการที่ได้รับคำสั่งให้ย้ายไปประจำที่เมืองเสิ่นหยาง เพื่อตรวจสอบการทำงานของหน่วยนี้หลังพบความผิดปกติต่อเนื่องส่อไปในทางมิชอบ ซึ่งเรื่องราวจะมาในแนวสายลับเต็มขั้น และลบภาพสายลับฝรั่งเท่ๆ แบบนั้นไปได้เลย เพราะนี่คือหนังสายลับระดับอินเตอร์ของทางเอเชียที่แตกต่างออกไปมากมาย

สายลับในเรื่องนี้มาเป็นทีมแฝงตัวอยู่ในเมืองเสิ่นหยาง ที่เป็นโลเกชั่นหลักและมีความสำคัญกับเรื่องราวมาก เนื่องจากเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องการจารกรรมของประเทศจีน  เป็นเมืองเอกของมณฑลเหลียวหนิง ประตูสู่เกาหลีเหนือ เป็นที่ตั้งของสถานกงสุลสหรัฐฯ รัสเซีย เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และเกาหลีเหนือ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นประเทศสำคัญในคาบสมุทรเกาหลี ดังนั้น เสิ่นหยางจึงเป็นเมืองที่รวมสายลับนานาชาติไว้ โดยที่ไม่ได้มีการเปิดเผยว่ามีจริงหรือไม่ แต่ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องจริง ซึ่งบทหนังเรื่องนี้ก็ฉลาดมากที่เลือกเอาสถานที่นี้มาเป็นแกนกลางสำคัญหนังสายลับได้อย่างลงตัวมาก ตั้งแต่พล็อตเรื่องที่ต้องไปเกี่ยวข้องกับการแย่งชิงความลับระดับชาติ ที่มีตัวละครสายลับ เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาห้ำหั่นกันภายใต้ผืนแผ่นดินจีน ซึ่งจีนเองก็ปรากฎตัวออกมาในรูปแบบตำรวจคอมมานโดที่พร้อมจัดการสายลับพวกนี้อีกที ในหนังยังมีอ้างอิงถึงรัสเซียไว้นิดๆ ด้วย 

และด้วยความที่หนังรวมสายลับหลายชาติไว้ด้วยกัน ทำให้ตัวละครในเรื่องต้องมีการใช้หลายภาษาสลับไปมา อย่าง จีนกลาง ญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ ทำให้เรื่องดูอินเตอร์เข้าไปอีกและนักแสดงเองก็พูดบทสลับภาษาไปมาได้ลื่นไหลไม่ติดขัด แนะนำเลยว่าถ้าเป็นไปได้ควรดูแบบเสียงออริจินอลอ่านซับเอาจะได้อารมณ์กว่ามาก และตัวเรื่องก็มีจุดสังเกตุเรื่องภาษาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเยอะ อย่างสำเนียงการพูดจีนของพระเอกที่ทำให้คนจีนที่นั่นรู้ว่าไม่ใช่คนท้องถิ่น หรือสำเนียงเกาหลีเหนือกับใต้ก็ต่างกันจนจับสังเกตุได้ อะไรแบบนี้ที่ตัวเรื่องใส่ใจทำให้ภาษาในเรื่องดูมีความสำคัญกับการอยู่ในโลเกชั่นต่างแดนหลากหลายเชื้อชาติแบบนี้มาก

แล้วการใช้เสิ่นหยางเป็นฉากเรื่องราวก็ทำให้เมืองนี้ดูน่าสนใจ แปลกตาดี  น้อยเรื่องมากที่เคยมาใช้โลเกชั่นที่นี่ เป็นจีนแบบไม่ทันสมัยเหมือนเมืองใหญ่ แต่ก็มีย่านเศรษฐกิจสำคัญให้ดู มีย่านเสื่อมโทรมซ่องโสเภณี ไปจนถึงตึกระฟ้า และสถานกงศุลของประเทศหลักๆ ที่เขม่นเป็นขั้วตรงข้ามมาตั้งอยู่ที่เดียวกันหมด เหมือนเป็นการมัดรวมเอาปมความขัดแย้งของจริงที่ปกติก็เหมือนระเบิดเวลามาใส่ไว้ในเรื่องราวนี้ได้อย่างสมเหตุผลมาก

แต่อย่าคิดว่าหนังเรื่องนี้ใช้การถ่ายทำในโลเกชั่นจีนแล้วแอ็กชั่นระเบิดตูมตามจะน้อย เรียกว่าตรงกันข้ามเลยดีกว่า ฉากแอ็กชั่นในเรื่องนี้ระเบิดกันตั้งแต่เปิดเรื่องด้วยฉากขับรถไล่ล่าในถนนคนเดินของเมือง หนังเต็มไปด้วยฉากยิงกันด้วยอาวุธสงครามแบบหูดับตับไหม้ต่อเนื่องยาวไปจนจบ แอ็กชั่นแต่ละฉากเป็นสเกลใหญ่แทบทุกฉาก เป็นหนังสายลับแบบที่ดูสมจริงในแบบดิบเถื่อนกับการปฏิบัติภารกิจถล่มอีกฝ่าย ชิงตัวประกันแบบไม่ไหว้หน้าความสัมพันธ์ระหว่างประเทศกันเลย มีการทำงานเป็นทีมเหมือนพวกมิชชั่นอิมพอสซิเบิ้ลในบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่ลุยดะมากกว่า แต่ละคนก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกัน ทำงานเข้าขาร่วมมือกัน ซึ่งคนดูสะใจกับฉากแอ็กชั่นระห่ำในเรื่องนี้แน่ๆ แต่ก็อาจจะดูโม้ๆ มากไปถ้ามองในมุมของสายลับตัวจริง เพราะในเรื่องนี้ทำอะไรโฉ่งฉ่งกันสุดๆ แต่นี่ก็คือจุดเด่นที่มาจากตัวเอกของเรื่องนี้ด้วย กับสไตล์การทำงานแบบไม่ไว้หน้าใคร ยิงใครก็ตามที่มาขวางทางหรือทรยศโดยไม่ลังเล จนแอบคิดว่าเป็นแนวบุคลิกเดียวกับแจ็คบราวเออร์ของซีรีส์ 24 (24 ชั่วโมงอันตราย) ยิงก่อนถามทีหลัง แต่เรื่องนี้ถามแล้วไม่ตอบยิงทิ้งเลย ซึ่งโหดสุดๆ แบบบุคลิกดูเป็นตัวร้ายมากกว่าตัวดี แต่ก็ทำให้เรื่องราวดูสมจริงมากขึ้นด้วยเพราะนี่มันคือหนังสายลับในดงสายลับที่เสี่ยงตายทุกนาทีอยู่แล้ว

ถึงหนังจะยิงกันสนั่นเมืองตลอดเรื่อง แต่สิ่งที่น่าสนใจดึงดูดกว่าคือการเซ็ทให้ตัวเอกทั้งสองคนเป็นขั้วขัดแย้งกันทางหลักการโดยตรง จีฮุน เป็นอัยการที่ตงฉินกับงานสุดๆ จนไปแตะเข้ากับกลุ่มอิทธิพลใหญ่ แล้วก็โดนย้ายไปดองไว้ในกรุ แต่แล้วเขาก็มีโอกาสได้มารับงานนี้เข้า ซึ่งเป็นโอกาสที่จะทำให้เขาได้กลับไปตำแหน่งเดิม และในหัวเขาก็ตั้งธงคิดว่าทีมที่เสิ่นหยางที่นำโดยยักษ์ จีคังอิน ต้องเป็นเจ้าหน้าที่นิสัยเลวมีเรื่องทุจริตมิชอบแน่ๆ โดยดูจากพฤติกรรมโหดต่างๆ แม้แต่การทรมานผู้หญิงก็ยังทำ ไม่มีการปราณีใดๆ ซึ่งคติของจีฮุนคือรักษาความยุติธรรมตามกฎหมาย ตัวเองต้องไม่กลายเป็นคนร้ายไปด้วย แต่ของจีคังอินกลับต่างไปออก เขามีหลักการว่ารักษาความยุติธรรมด้วยวิธีการใดก็ได้ ไม่เว้นแม้แต่จะกลายเป็นโจรซะเอง ซึ่งการจับตัวละครขั้วขัดแย้งนี้มาชนกันให้ทำงานร่วมกัน ทำให้เรื่องดูมีมิติน่าสนใจหลายอย่างมาก ตัวเรื่องทำให้เห็นมุมมองของอัยการที่ไม่ได้ลงภาคสนามเองว่าพอมาเจอของจริงสิ่งที่เขายึดถือไว้มันเป็นไปได้ในวินาทีเฉียดตายแบบนั้นหรือไม่ ในช่วงแรกจึงกลายเป็นบทเรียนให้จีฮุนเองค่อยๆ พัฒนาความคิดเปลี่ยนแปลงไป แต่ก็ไม่ได้ทิ้งหลักการดั้งเดิมของเขา และตัวเรื่องก็ไม่ได้มุ่งเป้าว่าในมุมของจีคังอินว่าจะถูกหรือดีเสมอไป ตัวเรื่องพยายามถ่วงหลักการทั้งสองด้านไว้ในจุดที่เป็นไปได้ตามเหตุผลจริง ตามสถานการณ์จริง โดยไม่ได้ต้องมีบทพูดสวยๆ มาช่วยในเรื่องนี้เลย 

นอกจากนี้แล้วปมความลับขัดแย้งระหว่างสายลับข้ามชาติก็น่าสนใจมาก คือมีการโยงความขัดแย้งเกาหลีเหนือใต้มาเป็นแบ็คกราวด์ตอนแรกที่เชื่อว่าทุกคนก็คงรู้กันดีอยู่แล้ว แต่หนังก็สอดแทรกทฤษฎีสมคบคิดอื่นๆ เพิ่มเข้าไปอีก มีทั้งตัวญี่ปุ่นเองที่ยื่นมือเข้ามาแทรกแซงปัญหานี้ ตัวหน่วยข่าวกรองเกาหลีเองก็ไม่ธรรมดา รวมถึงการทรยศหักหลังในหน่วยกันเองอีก ซึ่งฉากเปิดเรื่องไล่ล่าระห่ำตอนแรกก็เป็นการทิ้งปมไว้แล้วว่ายักษ์ต้องการตามหาผู้บงการหนอนบ่อนไส้ กลายเป็นในเรื่องมีปมซ้อนปมทรยศหักหลังกันหลายรอบ แอบหักมุมนิดๆ ด้วย

ตัวละครสมทบในเรื่องก็มีบทที่ทำให้เรื่องราวน่าสนใจ อย่างตัวลูกทีมของจีคังอินเองที่เหม็นขี้หน้าพระเอกตลอด มีฉากต่อสู้กันในทีมให้ได้ดู มีหนุ่มรูปหล่อแบบโอปป้ามาให้สาวๆ ได้กรี๊ด มีสายเกาหลีเหนือที่เป็นคนรักของจีคังอินที่ชวนให้เขาหนีไปจากการเป็นสายลับเสมอ ตัวประกันที่เป็นความลับสำคัญของเรื่องก็กลายเป็นตัวละครที่มีเสน่ห์ และมีบทบาทสำคัญในช่วงท้ายมาก

จุดด้อยของเรื่องเท่าที่เห็นแบบชัดๆ ก็คงเป็นพวก CG ระเบิดกับฉากล้ำๆ บางอย่างที่เหมือนเรื่องพยายามจะไฮเทคเกินตัวไปนิด ซึ่งช่วงท้ายเรื่องเลยจะเห็นชัดว่าปลอมมากจนดูเหมือนหมดงบหรือเร่งปิดงานก็ไม่รู้ ซึ่งทำให้เรื่องดูดรอปลงไปเยอะจากตอนแรก

นอกจากนั้นก็มีพวกความสมจริงที่เรื่องไม่ค่อยเน้นให้ความสำคัญเท่าไหร่ คือพวกทีมพระเอกนี่เก่งกันสุดๆ แบบคอมมานโดมาเป็นร้อยก็สู้ได้สบายๆ ปืนพกก็แม่นมากเข้าเป้าตลอดทุกนัด ทีมพระเอกก็แทบไม่มีโดนยิงเลย เหมือนเซ็ทให้ทางจีนกับญี่ปุ่นเป็นไก่อ่อนแบบไม่มีบทบาทเกินไป มาเพื่อให้ทีมเกาหลียิงเล่นเท่านั้น แต่ก็เข้าใจว่าว่านี่มันหนังเกาหลี และก็ไม่ใช่หนังสายลับเน้นความสมจริงอะไรมาก เพื่อให้แอ็กชั่นโม้เว่อร์ๆ ได้ก็ถือว่าปล่อยผ่านดูเอาสนุกเป็นพอได้เหมือนกันครับ (แต่ตอนท้ายก็แอบขัดใจเรื่องทิ้งปืนมาต่อยกับบอสเหมือนกัน อันนี้ไม่สมจริงเอามากๆ)

ตัวหนังจบแบบทิ้งท้ายไว้ว่ามีภาคต่อชัดเจน แล้วก็เป็นภารกิจในต่างประเทศอีกครั้ง ซึ่งถือว่าตัวเรื่องก็ทำสำเร็จที่วางธีมสายลับเอเชียให้ดูแปลกแตกต่างจากฝรั่งไปได้มาก และก็น่าติดตามต่อไปว่าภารกิจภาคต่อไปคืออะไรครับ

สรุป Yaksha สนุกและดีไหม

หนังทำออกมาสนุกเข้มข้นดีมากตลอดเรื่อง เรียกว่าเป็นโปรแกรมทองวันหยุดนี้ที่ห้ามพลาดจาก Netflix เลยครับ

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!