playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว ZACK SNYDER’S JUSTICE LEAGUE (HBO) หนังม้วนใหม่ในโครงเรื่องเดิมที่เจ๋งกว่า!

สรุป

สำหรับแฟน DC แน่นอนว่าห้ามพลาด แม้โครงเรื่องจะเหมือนเดิมก็ตาม แต่หลายสิ่งที่เพิ่มเข้ามาและปรับปรุงตัดต่อใหม่ทำให้ตัวเรื่องออกมาดีและดาร์คแบบของ DC ดั้งเดิมแบบที่แฟนๆ ต้องการมาตลอด

แต่สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟน DC และเคยดูเวอร์ชั่นก่อนแล้วก็อาจจะไม่จำเป็นไม่อินอะไรนัก เพราะเส้นเรื่องหลักยังเป็นแบบเดิมแทบทั้งหมด

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

  • ฉากไซบอร์กเพิ่มเข้ามามาก จนเป็นบทสำคัญมากสุดของเรื่อง
  • ฉากดาร์คไซด์บอสใหญ่สุดของจัสติสลีคมีโผล่มาตลอดเรื่อง
  • ฉากฝันร้ายถ่ายทำเพิ่มเข้ามาใหม่เพื่อเชื่อมต่อไปยังภาคต่อไป
  • มีเปิดตัวละครซูเปอร์ฮีโร่คนใหม่ในทีมจัสติสลีก
  • อัตราส่วน 4:3 ที่ใกล้เคียงรูปแบบไอแม็กของโรงภาพยนตร์ออกมาดูดี

Cons

  • ความยาวมากกว่าเวอร์ชั่นก่อนสองชั่วโมงจุใจแฟนๆ แต่อาจจะยืดเยื้อมากไปสำหรับคนที่ไม่ใช่แฟน และก็เคยดูเวอร์ชั่นก่อนมาแล้ว
  • เพลงประกอบแต่งใหม่แต่ยังไม่โดดเด่นอะไรมาก
  • มีฉากสโลวที่ไม่จำเป็นใส่มาเยอะเกินไป
  • จบแบบมีค้างถึงภาคต่อ ที่อาจจะไม่ได้ทำต่อก็เป็นได้
  • HBO Go รองรับแค่ 1080p ไปไม่ถึง 4K และระบบเสียงเป็นแค่สเตริโอ
  • ไม่มีเสียงพากษ์ไทย

ZACK SNYDER’S JUSTICE LEAGUE หรือ Justice league Snyder Cut หนังซูเปอร์ฮีโร่ฟอร์มยักษ์ที่ตัดต่อใหม่ภายใต้วิสัยทัศน์ของ แซ็ก สไนเดอร์ ลงในระบบสตรีมมิ่ง HBO Go

 Zack Snyder's Justice League (2021) on IMDb

ตัวอย่าง ZACK SNYDER’S JUSTICE LEAGUE

หนังฟอร์มยักษ์ที่เคยฉายไปแล้วจากผลงานผู้กำกับ จอสส์ วีดอน ของมาร์เวลที่เข้ามารับหน้าที่ตัดต่อเก็บงานจาก แซ็ก สไนเดอร์ ผู้กำกับและคนคุมโปรเจ็กต์นี้ทั้งหมดกับภรรยา เดเบอร์รา สไนเดอร์ แต่เกิดเหตุลูกสาววัย 20 ปีฆ่าตัวตายจากโรคซึมเศร้า ด้วยสภาพจิตใจที่รับไม่ไหว ทั้งคู่จึงถอนตัวจากงานสร้างเรื่องนี้ทั้งๆ ที่ถ่ายทำไปเสร็จเกือบหมดแล้วเหลือแค่ตัดต่อ และผลลัพธ์ที่ออกมาก็กลายเป็นโทนสดใสตามสไตล์ของ จอสส์ วีดอน ที่กำกับ Avengers มาก่อนสองภาค ซึ่งกระแสตอบรับไม่ดีนัก รายได้ก็ไม่ดีนัก ทั่วโลก 657.9 ล้านเหรียญ (เป้าคือพันล้านเหรียญขึ้น) จึงเป็นที่มาของเสียงเรียกร้องจากแฟนๆ และทางแซ็คเองก็อยากกลับมาทำงานนี้ตามวิสัยทัศน์ของเขาให้สำเร็จ ในที่สุดค่ายวอร์เนอร์ที่เป็นเจ้าของ HBO Max ด้วยก็ตัดสินใจอนุมัติงานสร้างเวอร์ชั่นนี้ขึ้นมาลงในระบบสตรีมมิ่ง (อีกเหตุผลก็คือโควิด 19 ทำให้ไม่มีหนังใหญ่ฉายโรงได้ด้วย) ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่มีหนังฟอร์มยักษ์ถูกนำมาตัดต่อใหม่คนละผู้กำกับ จนน่าจะเป็นตำนานบทหนึ่งของวงการภาพยนตร์ฮอลลีวู๊ด และก็เป็นใบเบิกทางไปสู่การฉายเพื่อวัดผลเกรดหนังโรงฟอร์มยักษ์มาลงสตรีมมิ่งก่อนโรงภาพยนตร์ว่าจะได้รับการตอบรับดีแค่ไหนกลับมาด้วย 

 

หนังยาวขึ้นมาก แต่โครงเรื่องเดิมทั้งหมด…

Steppenwolf บอสใหญ่ปรับชุดใหม่น่ากลัวขึ้น ซึ่งเรตของเรื่องนี้ก็เพิ่มขึ้นด้วยจาก PG13 เป็น R คือมีความรุนแรงมากขึ้นอย่างเลือด

เนื่องจากเวอร์ชั่นนี้มีส่วนถ่ายทำเพิ่มเสริมเนื้อเรื่อง กับส่วนที่ถูกตัดออกไปในเวอร์ชั่นก่อนเพิ่มเข้ามารวมแล้ว 2 ชั่วโมง รวมแล้ว 4 ชั่วโมง 2 นาที แต่เวลาใน HBO Go จะ 3 ชั่วโมง 52 นาที สั้นกว่านิดๆ เพราะเฟรมเรตที่มากกว่าฉายโรงทำให้เวลาหดลง โดยที่เนื้อหายังคงเดิมทั้งหมด โดยใช้อัตราส่วน 4:3 มีขอบดำซ้ายขวาเพื่อทดแทนขนาดภาพจากกล้องไอแม็กซ์แบบที่ฉายในโรง ซึ่งเป็นสิ่งที่แซ็คต้องการ แต่โครงเรื่องหลัก เส้นเรื่องก็ยังคงเป็นไปตามเวอร์ชั่นก่อน ซึ่งก็ต้องบอกว่าถ้าใครไม่ชอบโครงเรื่องภาคก่อนเอามากๆ ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องดูเวอร์ชั่นนี้ก็ได้ เพราะหลักๆ ก็ยังเป็นแบบไปแบบเดิมคือ ทีมจัสติกลีกก่อตั้งครั้งแรกจากแบทแมน แล้วก็ชุบซูเปอร์แมนที่ตายในภาค Batman v Superman: Dawn of Justice ขึ้นมาต่อกรกับ Steppenwolf ที่ลงมานำร่องยึดโลกให้เจ้านายดาร์คไซด์แบบเดิม และตัวเรื่องก็ยังคงให้ซูเปอร์แมนแข็งแกร่งสุดๆ ขนาดตบ Steppenwolf ที่เก่งมาตลอดเรื่องลงได้อย่างง่ายดายเช่นเดิม แต่ถ้ากลั้นใจดูเวอร์ชั่นนี้ใหม่นี้อีกครั้ง อะไรหลายๆ อย่างที่เพิ่มเข้ามาและตัดออกไป กลับทำให้หนังเรื่องนี้ดูกลมกล่อมขึ้นมาก และก็เป็นหนังในสไตล์ DC มืดหม่น แอบติดตลกนิดๆ ไม่ได้สดใสยิงมุกตลกบ่อยๆ แบบมาร์เวล ซึ่งนี่คือสิ่งที่แฟน DC ตัวจริงต้องการมากกว่าแบบที่มาร์เวลเป็น

 

ไซบอร์กคือส่วนดีและเด่นสุดที่เพิ่มเข้ามาในเรื่อง

สิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องที่เพิ่มเข้ามาคือ บทของไซบอร์ก จากที่เหมือนแค่ตัวแถมประกอบเรื่อง ไม่มีคนสนใจ ไม่เด่น จนทำให้ดาราอย่าง เรย์ ฟิชเชอร์ เองก็มีปัญหากับบทนี้ และน่าจะถอนตัวออกไปจากงานสร้างหลังจากนี้เรียบร้อยแล้ว ในเวอร์ชั่นเขาคือคนที่เด่นที่สุด เป็นหัวใจและคีย์สำคัญของเรื่องไม่แพ้แบทแมน โดยสิ่งที่เพิ่มมาคือพาร์ทครอบครัว พ่อลูกที่มีปัญหากันและเมื่อเกิดอุบัติเหตุจนเกือบเสียลูกชายไป เขากลับชุบลูกขึ้นมาในร่างไซบอร์ก แต่ลูกกลับคิดว่าตัวเองรูปลักษณ์ผิดปกติไปเหมือนแฟรงเกนสไตน์ ทำให้ไม่กล้าออกไปใช้ชีวิตในสังคมอีกครั้ง และเฝ้าแต่โทษว่าพ่อคือตัวการทั้งหมดที่ทำให้แม่ตายและเขากลายมาเป็นแบบนี้ ซึ่งพาร์ทของไซบอร์กที่เพิ่มเข้ามาเป็นแรงผลักดันให้ทั้งตัวเองและคนในทีมได้ทำภารกิจนี้ร่วมกัน โดยต้องฝากความหวังไว้ที่เขา เพราะเป็นคนเดียวที่จะหยุดมาเธอร์บ็อกซ์ สิ่งประดิษฐ์จักกลโบราณที่เป็นได้ทั้งหายนะและความหวังตามแต่ผู้ใช้ต้องการ ต้องบอกเลยว่าพาร์ทของไซบอร์กนี้ใส่หัวใจลงไปให้ตัวละครนี้อย่างมาก อีกทั้งการแสดงของเรย์ก็เหมาะเจาะลงตัวกับบทที่มีหัวใจนี้ ทำให้ตัวเรื่องดูนุ่มนวล แอบซึ้ง ไม่แข็งกระด้างทื่อๆ แบบเวอร์ชั่นก่อนที่รวบรัดตัดเรื่องราวของเขาไปจนหมด และรู้สึกอยากให้เรย์กลับมาเล่นต่อ อยากให้มีภาคแยกเรื่องราวต่อไปของเขาจริงๆ ขึ้นมาเลยครับ

 

เพิ่มฉากไคลแม็กซ์สำคัญฝากไว้ที่แฟลช

ต่อมาคือบทของแฟลช ตัวโจ๊กประจำทีมในเวอร์ชั่นก่อน มาเวอร์ชั่นนี้ก็ยังมีมุกตลกแบบเดิมอยู่อย่างฉากถามแบทแมนว่าพลังพิเศษคืออะไร แล้วแบทแมนตอบว่าความรวย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของต้นฉบับแฟลชดีอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เพิ่มมาคือฉากเปิดตัวเข้าช่วยนางเอกคู่รักของแฟลช Iris West  เล่นโดย Kiersey Clemons นักแสดงหญิงผิวสีที่มีเสน่ห์มากพอตัวเลย แม้ฉากนี้จะออกมาแค่นิดเดียว แต่ก็เหมือนเป็นการโชว์ของเพื่อหนังแฟลชเดี่ยวในโอกาสต่อไป และแฟลชในเวอร์ชั่นนี้จะได้รับบทเด่นสุดในการกู้วิกฤติสุดท้ายของเรื่อง ที่เป็นการเปลี่ยนฉากไคลแม็กซ์ตอนจบใหม่ให้ดูดีกว่าเดิมมาก ทุกตัวละครจะมีบทบาทเผด็จศึกมากกว่าเดิม ไม่ได้อยู่แค่ซูเปอร์แมนเพียงคนเดียวอีกต่อไป ซึ่งรับรองเลยว่าฉากแฟลชวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดกว่าที่เคยมีมาก่อนในระดับสปีดฟอร์ซในตอนนี้คือลุ้นมาก และก็เป็นท่าไม้ตายโชว์ของให้คนที่ไม่เคยรู้ว่าจริงๆ แล้วแฟลชทำอะไรได้เทพสุดให้ชมกันครับ

ซูเปอร์แมนชุดดำ

สำหรับซูเปอร์แมนในมุมมองของแซ็กอาจจะไม่ได้เปลี่ยนอะไรไปมาก เพราะเป็นแค่ตัวปิดเรื่องราวแบบเดิม ฉากที่ออกมาหลักๆ ก็แบบเดิม มีเพิ่มฉากสู้ตอนท้ายมานิดหน่อยเท่านั้น แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปชัดเจนเลยคือ เวอร์ชั่นนี้ใส่ชุดดำผ้าคลุมดำทั้งตัว โดยที่ไม่ได้เป็นโหมดดาร์ค และก็เพิ่มฉากในฝันของแบทแมนเข้ามาให้ชัดเจนขึ้นว่าซูเปอร์แมนต่อไปต้องกลายเป็นตัวร้าย แต่ชุดในฝันตอนท้ายนั้นก็ยังเป็นชุดเดิมสีฟ้าผ้าคลุมแดง ไม่ใช่สีดำแบบในเวอร์ชั่นนี้ครับ

เพิ่มฉากของดาร์คไซด์หลายฉากมาก

ดาร์คไซด์ (Darkseid) ตัวร้ายคู่ปรับใหญ่สุดของจัสติสลีก ที่เป็นหัวหน้าของ Steppenwolf มีลูกน้องอีกสองคนมือซ้ายกับมือขวาตามประกบ ซึ่งทั้งหมดจะโผล่ออกมาให้เห็นกันหลายฉากจากที่เวอร์ชั่นก่อนไม่ได้เห็นหน้าตาอะไรเลย โดยการปรากฎตัวจะผ่านแท่งหินที่แปรสภาพเป็นร่างจำลองคุยสั่งงานกับ Steppenwolf ทุกครั้งที่มีความคืบหน้า และก็มีฉากต่อสู้ในอดีตที่มาโลกครั้งแรก

 

ฉากฝันร้ายกึ่งนิมิตรใหม่

ZACK SNYDER’S JUSTICE LEAGUE

แต่สิ่งที่ทุกคนอยากดูมากที่สุดคงเป็นฉากฝันร้ายของบรูซ เวย์น ที่เป็นเหมือนนิมิตรบอกใบ้อนาคตเลวร้ายมาตั้งแต่ภาค Batman v Superman เมื่อซูเปอร์แมนกลายเป็นตัวร้ายสุดโหด ซึ่งในเรื่องจะมีโผล่มาให้เห็น 2 ครั้ง แต่ครั้งแรกจะอยู่ในช่วงไซบอร์กพยายามคืนชีพซูเปอร์แมน แล้วได้เห็นอนาคตอันเลวร้ายเพียงชั่วขณะเป็นความตายของวันเดอร์วูแมนกับอควาแมน และฉากซูเปอร์แมนอุ้มกระดูกที่น่าจะเป็นของโลอิสไว้ ก่อนจะกลายมาเป็นลูกน้องของดาร์คไซด์ตามล่าทีมจัสติสลีกที่เหลือในตอนท้ายเรื่อง ที่เป็นพาร์ทส่งท้าย (เรื่องนี้มีแบ่งเป็น 7 พาร์ท 6 พาร์ทหลักบวกพาร์ทส่งท้าย) ให้เราได้เห็นตัวละครที่เหลือในโลกนั้นบางส่วนมารวมทีมกัน อย่าง เมร่า เดธสโตรก แฟลชชุดเกราะ ตามด้วยบทสนทนาต่อปากต่อกับของโจ๊กเกอร์ที่พยายามยั่วประสาทแบทแมน ด้วยเรื่องความตายของที่แบทแมนรักตั้งแต่พ่อ แม่ โรบิน พร้อมบอกใบ้ว่าโลกที่เราเห็นในตอนนี้เกิดจากปัญหาของแบทแมนปล่อยให้โลอิสตาย ทำให้ซูเปอร์แมนกลายมาเป็นตัวร้ายตามล่าพวกเขา พร้อมทั้งบอกใบ้ว่ามีมิติเวลาอื่นอยู่ด้วย ซึ่งจะไปเชื่อมกับแฟลชโดยตรง ถ้าใครอยากดูก็ข้ามไปดูช่วงท้ายเรื่องได้เลยครับ

 

ตัวละครลับ Super Hero คนใหม่

แต่เวอร์ชั่นนี้พิเศษจริงๆ คือแซ็คได้ใส่ Super Hero ที่ยังไม่เคยมีในหนัง DC มาก่อนลงไป เป็นตัวละครลับ ไม่ใช่กรีนแลนเทิร์นที่โผล่มาในฉากสงครามในอดีตแบบที่เห็นกันมาก่อนในตัวอย่าง ซึ่งตัวละครนี้จะโผล่มาตั้งแต่กลางเรื่อง และมาตอนจบเข้าทีมจัสติสลีกอีกคน ซึ่งใครที่สงสัยว่าเป็นใครคลิกอ่านสปอยล์ด้านล่างครับ

มาร์เชียน แมนฮันเตอร์ Martian Manhunter มนุษย์ดาวอังคารผู้มีพลังความสามารถทัดเทียมซูเปอร์แมนในทุกๆ ด้าน และยังมีความสามารถทางพลังจิตที่ซูเปอร์แมนไม่มี รวมถึงแปลงกายเปลี่ยนสภาพร่างกายได้ตามใจ ในเรื่องนี้จะโชว์ส่วนนี้ให้เห็น
MARTIAN MANHUNTER

นอกจากนี้แล้วก็มีฉากเพิ่มมานิดหน่อยให้กับตัวละครเดิม อย่างฉากเปิดตัวของวันเดอร์วูแมนกับโจรในธนาคาร ที่มีฉากเพิ่มกับปรับแอ็กชั่นบางอย่างใหม่ แต่ก็ทำให้ดูดีกว่าเดิมมาก และก็มีฉากปิดท้ายให้วันเดอร์วูแมนเป็นคนจัดการ Steppenwolf ในตอนจบ ซึ่งรวมๆ แล้วถ้าใครชอบ DC ก็ต้องห้ามพลาดโดยเด็ดขาดอยู่แล้ว แต่อาจจะขัดใจกับอัตราส่วน 4:3 ที่ไม่ชินบ้าง แต่รวมๆ แล้วแซ็คก็เอาอัตราส่วนนี้มาใช้ประโยชน์ได้ดี ทำให้ฉากดูเต็มตาบนล่างมากขึ้นกว่าอัตราส่วนแนวนอนแบบที่เคยชินกันครับ

เชื่อว่าทุกคนที่ดูจบก็คงอยากให้วอร์เนอร์สานต่อทิศทางเวอร์ชั่นของแซ็คไปให้จบ จากที่เขาวางไว้เป็นไตรภาคจัสติสลีกครับ อันนี้ก็ต้องรอดูฟีดแบ็คผลตอบรับทั้งยอดเข้าชมกับตัวเงินที่ได้กลับมาเป็นสำคัญ อยากให้ช่วยๆ กันอุดหนุนให้โปรเจ็กต์นี้กลับมาเดินหน้าต่อได้อีกครั้งกันครับ

อ่านรีวิวซีรีส์ HBO เรื่องอื่นเพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!