playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Malcolm & Marie คืนวันรักผันผวน (ไม่มีสปอยล์ส่วนสำคัญ)

สรุป

ภาพยนตร์ขาวดำสะท้อนความลึกลับของความสัมพันธ์ชายหญิงที่ดิบเถื่อนและเจ็บปวด กลับน่าเบื่อและไร้ชั้นเชิง แต่ไม่มีอะไรที่น่าสนใจไปกว่านักแสดงนำที่แบกเรื่องทั้งเรื่องไว้

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ขาวดำทั้งเรื่อง สะท้อนตีมเรื่องได้ดี
  • นักแสดงนำเพียงสองคนเอาอยู่
  • ดนตรีประกอบช่วยเสริมอารมณ์นั้น ๆ ได้ดีมาก
  • งานภาพและการกำกับที่เคารพหนังยุคขาวดำ

Cons

  • บทน่าเบื่อมาก ทื่อ ๆ ไม่มีอะไร บางฉากยืดเยื้อจนอยากหลับ
  • ไม่มีจุดสำคัญอะไร กราฟนิ่งและเนือยตลอดเรื่อง

Malcolm & Marie มัลคอล์ม แอนด์ มารี ภาพยนตร์ขาวดำแนวโรแมนติกดราม่า กำกับและเขียนบทโดย แซม เลวินสัน นำแสดงและร่วมสร้างโดย จอห์น เดวิด วอชิงตัน และ เซนเดยา เป็นโปรเจ็กต์ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดเรื่องแรกที่ถูกเขียนและถูกสร้างขึ้นในยุคสมัยที่โควิด 19 ระบาดไปทั่วโลก โดยหนังได้ถ่ายทำในเดือนมิถุนายน ปี 2020 และฉายในโรงภาพยนตร์จำกัดโลกเมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนจะลงฉายในเน็ตฟลิกซ์ โดยภาพยนตร์นั้นได้รับคำวิจารณ์ในแง่ผสมกันทั้งบวกและลบ เรื่องราวของคู่รักคู่หนึ่งที่คืนหนึ่งพวกเขาจะได้สำรวจลงไปในความสัมพันธ์และความจริงที่พวกเขาไม่เคยพูดกันมาก่อน ซึ่งนั่นจะนำพาให้รักของพวกเขาไปสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ

 Malcolm & Marie (2021) on IMDb

สิ่งที่น่าสนใจของ Malcolm & Marie คือ แซม เลวินสัน ผู้กำกับและเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้เคยฝากผลงานที่ก้องโลกมาแล้วอย่างซีรีส์วัยรุ่นน้ำดีอย่าง Euphoria และได้รับเสนอชื่อเข้าชิงใน British Academy Television Awards และภาพยนตร์จิกกัดสังคมโซเชี่ยลเลือดสาดอย่าง Assassination Nation สี่สาวนองเลือด ที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ได้ฉายในเน็ตฟลิกซ์ไปก่อนหน้าพร้อมคำวิจารณ์ในแง่ผสม มาพร้อมกับนักแสดงหญิงคู่บุญจากซีรีส์อย่าง เซนดายา สาวผิวสีสุดฮอตจาก สไปเดอร์แมน เวอร์ชั่น ทอม ฮอลแลนด์ทั้งสองภาค ที่ขอมารับบทผู้ใหญ่แบบไม่ติดภาพวัยรุ่นอีกต่อไป หรือ จอหน์ เดวิด วอชิงตัน ลูกชายของคนดัง เดนเซล วอชิงตัน ที่ฝากผลงานบู๊ผันผวนเวลาอย่าง เทเน็ทร่วมแสดงนำ และโปรดิวซ์ด้วย  นอกจากนี้ Malcolm & Marie ยังถ่ายทำเป็นแบบสีขาวดำล้วนตลอดทั้งเรื่องและถ่ายทำเหตุการณ์เพียงเหตุการณ์เดียว เรียกได้ว่าเป็นงานโชว์กึ๋นของทั้งทีมผู้สร้างและนักแสดงเลยทีเดียว เพราะแสดงกันทั้งเรื่องเพียงแค่สองคนเท่านั้น ชายกับหญิง น่าสนใจว่าจะถ่ายทอดออกมายังไงให้ตรึงคนดูตลอด ชั่วโมงครึ่งได้ ด้วยฉากทั้งเรื่องในบ้านหลังเดียว

“ในคืนหนึ่ง หลังงานฉายภาพยนตร์รอบปฐมทัศน์ของ มัลคอล์ม ผู้กำกับหนุ่มไฟแรงที่คาดหวังว่าคำวิจารณ์ภาพยนตร์ของเขาจะเป็นตามที่คาดหวัง และใช้เวลาส่วนตัวร่วมกับ มารี หญิงสาวผู้เป็นคนรักในบ้านสุดหรูบนพื้นที่ฮอลลีวู้ดอย่างสุดเร่าร้อน แต่ความตึงเครียดในความสัมพันธ์กลับผลักดันให้สองชายหญิงห้ำหั่นกันเองทางอารมณ์ ทุกความรู้สึกที่ถูกระเบิดออกทำให้พวกเขาเริ่มตั้งคำถามว่า ความรักของพวกเขาจะสามารถมั่นคงพอต่อแรงต้านทาน หรือคืนนี้จะเป็นคืนตัดสินที่จะเปลี่ยนแปลงพวกเขาไปตลอดกาลกันแน่”

ขาวดำ ลึกลับเกินคาดการณ์

ภาพยนตร์เดินเรื่องผ่านเหตุการณ์ในบ้านหลังเดียว และใช้มุมกล้องถ่ายแช่สลับกับการถ่ายโคลสอัพใบหน้าของตัวละคร ให้อารมณ์หนังอินดี้ที่ทุนไม่มากอะไรมาก เพราะทั้งเรื่องเราจะได้ยินบทสนทนาแบบที่คู่รักทั่วไปมักจะคุยกัน เช่น ทะเลาะกันเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เรื่องงาน ไปจนเรื่องของความสัมพันธ์ ซึ่งการที่หนังใช้สีขาวดำ มองว่ามันเป็นการเปลือยอารมณ์ของตัวละครในเรื่องที่แสดงออกมาได้อย่างไม่สนใจอะไรนอกจากสัญชาตญาณและความต้องการของตัวเอง แต่บทนั้นจะค่อย ๆ ทิ้งปมผ่านคำพูดของตัวละครและสร้างเนื้อเรื่องขึ้นมาจากคำพูดให้เราคิดตามว่าจริง ๆ แล้ว ใครกันที่พูดความจริง หรืออะไรที่เป็นเรื่องที่ซ้อนกับความจริง ถามว่ามันน่าสนใจ มันก็น่าสนใจ แต่ปัญหาคือ มันทำให้หนังเกิดความสับสน เพราะหนังเล่าผ่านตัวละครสองตัวเท่านั้น ไม่มีอะไรที่มาอธิบายอะไร นอกจากต้องรอดูปฏิกิริยาตัวละคร บางทีก็มีฉากให้ตกใจเล่นแบบไม่อยากเชื่อ แต่หนังมันมีความดิบและลึกลับผ่านการแสดงที่ตัวละครแสดงออกมา มันทั้งน่าหลงใหล ไม่น่าไว้ใจ และเจ็บปวด

นี่เป็นเรื่องของความรักและความเกลียดชัง

แม้หน้าหนังจะดูเป็นหนังดราม่าแต่ก็มีความโรแมนติกผ่านตัวละครอยู่ แต่จะเป็นอารมณ์เวลาที่เรามีแฟน เราทะเลาะกับคนรัก พูดจาด้วยความเกลียดราวกับจะฆ่าฟันกันได้ แล้วเราก็กลับมารู้สึกดีมีเซ็กส์กับคนรัก แล้วกลับมาทะเลาะกันอย่างจะเป็นจะตายเหมือนเดิม บางครั้งความรักนั้นก็เหมือนกับว่า เราจะเลิกกันทุกครั้งเวลาที่ทะเลาะ แต่ในขณะเดียวกันมันก็ยึดโยงเราไว้เหมือนกัน มันเป็นอะไรที่พูดยาก เพราะฉากเซ็กส์ในเรื่องนี้มันไม่ใช่เลิฟซีนแบบโป๊เปลือยเหมือนเรื่องอื่น ๆ แต่จะเป็นในทางคำพูดกับการกระทำในเชิงสัมผัสและจะไม่มีอะไรมากกว่านั้น อย่างที่บอกมันคืออารมณ์ดิบที่ตอนสุดท้ายก็เฉลยทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นใจความสำคัญของเรื่อง ซึ่งมันก็ไม่ได้หวือหวาหรือแปลกใหม่จากที่คิด แต่คำพูดของตัวละครที่แสนจะยืดเยื้อและฟุ่มเฟือยก็ส่งเสริมให้คำเฉลยมันทรงพลังขึ้นมาทันที

ประเด็นจิกกัดฮอลลีวู้ดเบา ๆ

ในขณะเดียวกันก็จิกกัดสังคมนักวิจารณ์ภาพยนตร์ที่ชอบรีวิวหนังอย่างมีภูมิ ว่าหนังเรื่องนี้สอดแทรกอะไรบ้าง มีประเด็นอะไรน่าสนใจ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ ผู้สร้างอาจจะไม่ได้ตั้งใจเป็นแบบนั้น อาจจะแค่อยากทำหนังเอาสนุกก็ได้ หรือจิกกัดอัตตาของผู้กำกับที่มั่นใจว่างานภาพยนตร์ตัวเองต้องออกมาดีทั้งที่คำวิจารณ์ยังไม่ออก เรื่องของสีผิว ความสัมพันธ์กับคนในวงการภาพยนตร์และเรื่องของการเสพยาเสพติดที่จู่ ๆ ก็เข้ามาเป็นกลไกสำคัญของเรื่องนี้อย่างไม่ได้คิดมาก่อน เรื่องของความรู้สึกของผู้หญิงที่ต้องการแค่ความสำคัญจากคนรัก และความรู้สึกของผู้หญิงที่มีต่อหนังผู้หญิงแสดงที่กำกับและสร้างโดยผู้ชาย การแสดงออกถึงความต้องการในส่วนลึกของมนุษย์ที่ไม่ได้ซับซ้อนอะไร แต่ทำให้เห็นได้ว่าวงการฮอลลีวู้ด มันเป็นแบบนี้ แต่น่าเสียดายที่มันไม่ค่อยมีชั้นเชิงอะไรสักเท่าไหร่ เพราะมันเล่าออกมาแบบทื่อ ๆ ไม่ได้ขยี้อะไรขนาดนั้น ซึ่งน่าเสียดายมาก

องค์ประกอบดีแหละ แต่ตกม้าตายที่การนำเสนอ

เรียกได้ว่าเป็นภาพยนตร์ที่มีจุดโฟกัสเพียงแค่เหตุการณ์แล้ว กล้องที่ถ่ายทำยังให้อารมณ์เหมือนหนังสมัยเก่าที่ไม่จำเป็นต้องมีสถานที่อะไรมาก แค่สถานที่กับนักแสดงดี ๆ ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งในส่วนของมุมกล้องก็จะไม่ได้มีอะไรหวือหวา แต่ให้อารมณ์เป็นการเคารพสไตล์หนังขาวดำอีกที และเพลงประกอบภาพยตร์ก็ได้ Labrinth, ลาบรินธ์ เจ้าของผลงานดนตรีประกอบจาก Euphoria ที่ได้รับรางวัล Ivor Novello Awards มาแล้วเมื่อปีก่อน มาถ่ายทอดเพลงแจ๊สสมัยหนัง 80 ที่มาช่วยผลักดันอารมณ์ของตัวละครให้บาร์พุ่งสุดไปอีก ซึ่งมีหลากหลายแนวทั้งรวดเร็ว เชื่องช้า

เมื่อถึงฉากสำคัญอย่างฉากฟาดฟันกันทางอารมณ์ก็จะปล่อยเปลือย ดิบเถื่อน ได้ยินเสียงตะโกน ก่นด่ากันชัด ๆ ไม่ต้องมีดนตรีประกอบ และที่สำคัญการแสดงของเซนเดยา กับ จอห์น เดวิด ถือว่าสุดยอดมากทั้งคู่ ถ่ายทอดอารมณ์ที่ปนเปกันของชายหญิงที่ทั้งมีความสุข ความลุ่มหลง และความเจ็บปวดได้อย่างเยี่ยมยอดและพลัดกันแสดงฉากของตัวเอง และยกระดับภาพยนตร์ความยาวกว่าชั่วโมงครึ่งได้โดยไม่หลุดออกจากบท แม้ว่าหนังจะมีช่วงน่าเบื่อในตอนทะเลาะบางช่วงที่รู้สึกว่ามันยาวไปหน่อย และการนำเสนอที่เป็นเส้นตรงมากเกินไป มันอาจจะดูสนุกเพราะบทพูด แต่นอกจากนั้นแล้วก็ธรรมดามาก ๆ มันวนเวียนอยู่กับประเด็นเดิมให้เราคิดตามตัวละครจนบางครั้งเราก็อาจจะเผลอหลับซะก่อน โดยเฉพาะตอนกลางคืน

ควรชมหรือข้าม?

เรียกได้ว่าภาพยนตร์นี้คงไม่ใช่สำหรับทุกคนแน่นอน แต่สำหรับผม ผมโอเค ไม่ใช่หนังแย่เหมือนที่นักวิจารณ์บางคนบอก ถือว่าเป็นหนังที่ได้ดูนักแสดงที่ชอบกับเห็นไอเดียทดลองเจ๋ง ๆ ดูเพลิน ๆ ก็คุ้ม แต่กับคนอื่นแล้ว จะชอบหรือไม่ ก็คงต้องให้คิดกันเองดูทั้งก่อนและหลังดู ถ้าอยากเห็นความพยายามของไอเดียภาพยนตร์ก็ได้ อยากเห็นนักแสดงดังเล่นหนังโชว์ความสามารถก็ได้ แต่อย่าคาดหวังอะไรมากก็แล้วกัน เพราะมันไม่มีอะไรนอกจากอารมณ์ดิบ ๆ สไตล์หนังดราม่าเชือดเฉือนอารมณ์ในพื้นที่เสมือนปิดทั้งเรื่อง และแนะนำว่าเนื้อหามีความสะเทือนอารมณ์อยู่หลายอย่าง ทั้งความสัมพันธ์เป็นพิษ ฉากเลิฟซีนหวาบหวิว การพูดถึงอาการติดยา การใช้คำพูดที่ค่อนข้างรุนแรงกว่าหนังปกติทั่วไป เพราะฉะนั้นแล้ว จะดูก็ได้ แต่ไม่ดูก็ไม่เสียหายอะไรครับ 

ตัวอย่างล่าสุด มัลคอล์ม แอนด์ มารี (Malcolm & Marie)

สามารถชมได้แล้วที่ NETFLIX ไม่ควรพลาดครับ

  • ติดตามเรื่องราวที่น่าสนใจในแวดวงเกม รีวิวภาพยนตร์ ซีรีส์ และ อนิเมะ ได้ ที่นี่
  • ติดตามผลงานของผม Thousand Mar ได้ ที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!