playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Sopranos ss1-6 HBO ซีรีส์แนวดราม่าครอบครัวเจ้าพ่อ เสมือนก๊อดฟาเธอร์ฉบับลูกทุ่ง

สรุป

ซีรีส์แนวเจ้าพ่อมาเฟีย เล่าเรื่องของ โทนี่ โซปราโน่ เน้นดราม่าการรักษาสมดุลในชีวิตครอบครัวและธุรกิจมาเฟีย เสมือนเป็น Godfather ฉบับลูกทุ่ง เป็นผลงานมาสเตอร์พีซของซีรีส์แนวดราม่าชีวิตเจ้าพ่ออันดับหนึ่งของวงการ

Overall
9/10
9/10
Sending
User Review
5 (1 vote)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • ซีรีส์ชีวิตดราม่าเจ้าพ่อมาเฟียอันดับหนึ่งของวงการ ที่เอากลับมาดูก็ยังสนุกอยู่
  • นักแสดงสุดยอดกับบทมาก แม้ว่าทั้งเรื่องแทบจะไม่มีคนสวยหรือหล่อเลย
  • นำเสนอภาพของคนในกลุ่มมาเฟียอีกแง่มุมหนึ่งที่ไม่มีเรื่องไหนทำ
  • ปัญหาในชีวิตของตัวละครเป็นเรื่องที่จับต้องได้ คนดูอินง่าย ไม่ต้องชอบแนวเจ้าพ่อก็สนุกได้

Cons

  • ไม่มีฉากแอ็กชั่นหวือหวา และไม่มีฉากวางแผนหักมุมเหนือชั้นมากนัก (แต่ก็สมจริงในแง่การวางแผน)
  • ตัวละครรอบข้างโทนี่มีดราม่าน่าหงุดหงิดเยอะ ต้องให้ตัวเอกตามแก้บ่อย
  • โทนการเล่าเรื่อง ที่มีลักษณะแบบเดิมตั้งแต่แรกจนซีซันสุดท้าย หลายคนอาจจะไม่ชอบความจำเจ แต่นี่เป็นรูปแบบของซีรีส์จากยุค 90

The Sopranos รีวิว HBO Go ซีรีส์แนวเจ้าพ่อ เสมือน Godfather ฉบับลูกทุ่ง บอกเล่าเรื่องราวของครอบครัวมาเฟียผ่านทาง โทนี่ โซปราโน่ ที่ต้องพยายามหาทางรักษาสมดุลชีวิตระหว่างการเป็นเจ้าพ่อแก๊งมาเฟียซิซิเลียนที่กำลังขยายอำนาจขององค์กรอาชญากรรมและโลกธุรกิจ กับการเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ต้องการรักษาชีวิตแต่งงานและความเป็นพ่อเอาไว้

The Sopranos เป็นซีรีส์ที่ได้รับความนิยมสูงมากเมื่อออกฉายตอนแรกแบบ Pilot ทางช่อง HBO ในปี 1997 จากนั้นจึงเริ่มฉายแบบซีรีส์ในปี 1999 จนจบในปี 2007 ทั้งหมด 6 ซีซัน เป็นหนึ่งในรายการโทรทัศน์ที่มีเรตติ้งสูงเป็นประวัติศาสตร์ของวงการโทรทัศน์ในยุคนั้น และปัจจุบันก็ยังคงได้รับการยอมรับว่าเป็นซีรีส์แนวดราม่าเจ้าพ่อแก๊งสเตอร์ที่ดีอันดับต้นๆของวงการ กวาดรางวัลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น Emmy Award และ Golden Globe Award ในช่วงที่ออกฉาย 

The Sopranos Trailer

The Sopranos เรื่องย่อ

เรื่องราวเริ่มขึ้นเมื่อ โทนี่ โซปราโน่ ทายาทเจ้าพ่อมาเฟียที่กำลังจะรับสืบทอดกิจการอาณาจักรอาชญากรรมของตระกูล กำลังโดนปัญหาความเครียดรุมเร้าเล่นงานจิตใจ รวมถึงมีปัญหาชีวิตคู่ด้วย เขาจึงต้องเริ่มเข้ารับการบำบัดทางจิตกับ จิตแพทย์หญิง เจนนิเฟอร์ เมลฟี

ในตอนแรก โทนี่ ไม่อยากเปิดใจเล่าเรื่องราวของตนเอง แต่หลังจากเวลาผ่านไป เขาก็เริ่มเปิดใจบอกเล่าเรื่องราวทั้งชีวิตส่วนตัว ครอบครัว ไปจนถึงเริ่มเปิดเผยความลับในโลกสีเทาที่เขาอาศัยอยู่ ซึ่งคนดูก็จะเสมือนรับรู้เรื่องของโลกเบื้องหลังกลุ่มมาเฟียกับชีวิตครอบครัวของเขาไปพร้อมกับ ดร.เจนนิเฟอร์ ผู้ซึ่งพัฒนาความสัมพันธ์กับโทนี่จนกลายเป็นเพื่อนหญิงผู้รู้ใจ ที่เจ้าพ่ออย่างเขายอมให้ความไว้วางใจเล่าแทบจะทุกเรื่องราวทั้งส่วนตัวและบางส่วนของชีวิตการเป็นเจ้าพ่ออาชญากรรมในที่สุด

สำหรับปัญหาส่วนใหญ่ที่โทนี่พบเจอนั้น มีตั้งแต่เรื่องใหญ่ระดับคอขาดบาดตายที่เกี่ยวพันกับองค์ธุรกิจ การวางแผนจัดการศัตรู ฆาตกรรม การทรยศหักหลังของแก๊งค์มาเฟีย การลอบสังหาร ซึ่งจากปัญหาเหล่านี้ยังมีการบอกเล่ามาจนถึงเรื่องเล็กกระจ้อยในบ้านของโทนี่เอง เช่น ความสัมพันธ์กับภรรยาอย่างคาเมล่าที่อยู่ในช่วงระหองระแหง ความขัดแย้งกับลูกสาววัยกำลังโต ปัญหากับพี่สาว ไปจนถึงระดับการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้าน การทำห้องใต้ดินเพื่อเป็นห้องบันเทิงส่วนตัว ปัญหาสุขภาพ น้ำหนักตัว และอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นปัญหารบกวนจิดใจของเจ้าพ่อมาเฟียคนนี้ได้

ซี่งตลอดซีรีส์ จะเป็นการสื่อถึงชีวิตของเจ้าพ่อที่แม่ว่าจะร่ำรวยและมีอำนาจเบื้องหลังธุรกิจและการเมืองขนาดไหนก็ตาม เขาก็ยังต้องเจอกับปัญหาแบบเดียวกับคนทั่วไป และหลายครั้งเขาไม่สามารถแก้ไขได้ซะด้วย แถมยังต้องคอยระวังว่าเมื่อไหร่พวก FBI จะสืบจนตามรอยมาพบว่า เขานี่แหละคือเจ้าพ่อใหญ่ขององค์กรมาเฟียลึกลับ

 

The Sopranos ตัวละคร

ตัวละครหลักคือสมาชิกครอบครัวโซปราโน่และแก๊งค์มาเฟีย

โทนี่ โซปราโน่ เจ้าพ่อมาเฟียลูกหลานชาวอิตาลีของตระกูลโซปราโน่ ที่อพยพมาตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพ่อของเขาคือ จอนนี่ โซปราโน่ มีตำแหน่งเป็นคาโป หรือผู้นำปกครองตระกูลมาเฟียหลายปี เขามีพี่น้องสองคนคือ เจนิซ และบาบาร่า

โทนี่ได้เรียนรู้กลเม็ดต่างๆของพ่อในการทำธุรกิจสีเทาตั้งแต่เด็กๆ มีตั้งแต่การที่พ่อของเขาเคยใช้พี่สาวคือเจนิซ เป็นฉากบังหน้าในการพาไปสนามเด็กเล่น แต่ที่จริงไปแอบคุยธุรกิจสีเทาๆ ไปจนถึงการซุกซ่อนเงินสดไว้ในบ้านตามจุดต่างๆ หรือการใช้งานบุคลากรในองค์กร ที่มีทั้งพระเดชพระคุณ

เมื่อมีอายุมากขึ้น โทนี่กลับมีปัญหาด้านความเครียดและโรครุมเร้า เขาจึงต้องมาบำบัดกับ ดร.เจนนิเฟอร์ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้คนดูได้รับรู้ไปพร้อมกันด้วย

โดยบุคลิก โทนี่เป็นเจ้าพ่อมาเฟียในสไตล์ลูกทุ่ง ด้วยความที่ตัวเขาเป็นคนอ้วนใหญ่ ภายนอกไม่ได้มีมาดของเจ้าพ่อที่จะสั่งฆ่าคนอย่างเลือดเย็นหรือใช้มันสมองคิดแผนซับซ้อนได้ อีกทั้งเขายังชอบใช้ชีวิตประจำวันเหมือนคนทั่วไป ทั้งขับรถไปซื้อของเอง ไปไหนมาไหนโดยมีผู้ติดตามเพียง 1-2 คน หรือบางครั้งก็ไม่มีเลย ไม่แต่งตัวหรูหราไฮโซ กินร้านอาหารทั่วไป ซึ่งทั้งหมดนี้ก็ทำให้พวก FBI ยังไม่สามารถสืบตามรอยมาเจอได้ว่า เขานี่แหละคือผู้นำคนใหม่ขององค์กรอาชญากรรม

สำหรับสมาชิกในครอบครัวโซปราโน่ แต่ละคนจะมีบทบาทต่อเรื่องราวมากไม่แพ้โทนี่ โดยเฉพาะ คาเมล่า ภรรยาของโทนี่ที่ดูเหมือนชีวิตจะมีแต่ความห่อเหี่ยว อยู่ในช่วงเบื่อหน่ายกับสามี แถมยังเหนื่อยกับลูกสองคนที่เริ่มโตขึ้นและไม่ค่อยเข้าใจกันนัก คาเมล่าเกือบจะหย่าจากโทนี่และยังแอบมีชู้กับคนสนิทของโทนี่ด้วย แต่ถึงกระนั้นคาเมล่าก็เป็นผู้หญิงที่ยืนหยัดอยู่กับโทนี่ในเวลาลำบากหลายครั้ง

อีกคนที่มีความสำคัญในเรื่องมากก็คือ เจนิซ โซปราโน่ พี่สาวของโทนี่ที่ไม่ค่อยจะมีดวงเรื่องผู้ชาย เธอมักนำปัญหามาให้โทนี่หลายครั้ง แต่ก็เป็นคนที่โทนี่ตัดออกจากชีวิตไม่ขาดจนถึงตอนสุดท้าย

ดร.เจนนิเฟอร์ เมลฟี ตัวครที่เป็นเสมือนตัวแทนคนดูในเรื่องนี้ หลายอย่างที่โทนี่บอกเล่าให้เธอฟัง เสมือนเป็นการบอกเล่าให้กับคนดูทั่วไปได้รู้ว่า เจ้าพ่อมาเฟียที่รวยล้นฟ้าอย่างเขา ก็ไม่ได้มีชีวิตที่สมบูรณ์อะไรเลย เพราะมันแลกมาพร้อมกับความทุกข์และปัญหามากมายที่หลายเรื่องก็พบว่าไม่สามารถแก้ไขได้ เพียงแต่ต้องอยู่กับมันต่อไป เสมือนชีวิตมนุษย์จริงๆ

เจนนิเฟอร์มีความใกล้ชิดกับโทนี่มากขึ้นทุกตอน จนกระทั่งมีช่วงหนึ่งที่ทั้งสองคนยอมรับว่ามีใจให้กัน แต่ภายหลังทั้งสองก็กลายเป็นเพื่อนต่อกันแทน เจนนิเฟอร์ยังเป็นตัวละครเพียงไม่กี่คนที่โทนี่ต้องยอมง้อ และเอ่ยปากขอโทษ เพราะไม่มีใครสามารถมาเป็นจิตแพทย์ให้เขาได้เหมือนเธออีกแล้ว 

อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ของทั้งสองในซีรีส์ที่ดำเนินมายาวนานถึง 7 ปีก็จบสิ้นลงในตอนก่อนสุดท้ายของซีซัน 6 จากเหตุการณ์หลายอย่างที่สะสมมา รวมถึงเรื่องที่โทนี่ต้องทำสงครามแก๊งค์ครั้งใหญ่ ในขณะเดียวกันหมอเจนนิเฟอร์ค้นพบว่าการที่โทนี่มาบำบัดกับเธอนานหลายปี มันกลับไปช่วยส่งเสริมให้เขาทำอาชญากรรมได้มากขึ้นกว่าเดิม เธอจึงตัดสินใจว่าการบำบัดของโทนี่จบสิ้นแล้ว ในขณะที่โทนี่ก็เลือกที่จะไม่ติดต่อเธออีก

ในเส้นเรื่องหลักของซีรีส์ ยังมีเรื่องราวความสัมพันธ์ในแบบทั้งรักใคร่กลมเกลียวและขัดแย้งกันระหว่างโทนี่ กับลุงของเขาคือ จอห์น จูเนียร์ โซปราโน่ หรือที่เรียกสั้นๆว่า ลุงจูน ซึ่งร่วมกันควบคุมแก๊งค์มาเฟียร่วมกับพ่อของโทนี่ เขาเป็นคนที่เฉลียวฉลาด เจ้าความคิด คอยให้คำปรึกษากับโทนี่มากมาย ภายหลังจากโทนี่ขึ้นเป็นคาโป ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็เริ่มเกิดความขัดแย้งกันมากขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในลักษณะของการผลประโยชน์ต่อกัน ซึ่งสิ่งนี้ก็พัฒนาเป็นความขัดแย้งที่ขับเคี่ยวกันมาตลอดจนถึงซีซันสุดท้าย แต่แล้วความขัดแย้งสิ้นสุดลงเมื่อลุงจูนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ จากนั้นในบั้นปลายเขามีอาการอัลไซเมอร์ จำไม่ได้แม้กระทั่งเรื่องที่พวกเขาเคยจะฆ่ากันมาก่อนด้วยซ้ำ ทำให้โทนี่ปล่อยวางเรื่องของลุงจูนได้ในตอนท้ายสุด

สำหรับตัวละครชาวแก๊งค์คนอื่นๆก็เป็นสีสันที่ชวนให้ติดตามตลอดเรื่อง ว่าคนไหนจะก่อปัญหาอะไร หรือใครจะทรยศหักหลังบ้างไหม เป็นสีสันที่พบเห็นทั้งเรื่อง

The Sopranos รีวิว สนุกไหม

ก่อนดูเรื่องนี้ ขอให้ลบความคาดหวังว่าคุณจะได้ดูซีรีส์เจ้าพ่อมาเฟียในสไตล์ Godfather ที่มี อัลปาชิโน แสดงนำในบท ไมเคิล คอลิโอเน เป็นเจ้าพ่อมาเฟียสุดเท่ แต่เยือกเย็นและโหดอำมหิต หรือ จะได้ดูแนว Peaky Blinder ที่มี ซิลเลียน เมอร์ฟี่ แสดงเป็น โธมัส เชลบี้ หัวหน้าตระกูลเชลบีและแก๊งค์ยิปซีที่เรียกตัวเองว่าพีกี้ไบลเดอร์สุดเท่และเหี้ยม

เพราะ Sopranos เป็นการนำเสนอเรื่องเจ้าพ่อมาเฟียที่สวนทางกับสองเรื่องดังที่ว่านั้นอย่างสิ้นเชิง

แล้วข้อดีคืออะไร??? ทำไมซีรีส์เรื่องนี้ถึงทำสถิติสูงมากกับช่อง HBO ก่อนที่ Game of Throne จะมาแทนที่ในภายหลัง

พระเอกของเรื่อง โทนี่ โซปราโน่ ไม่ใช่ตัวละครสุดเท่อะไร เขาเป็นลุงหัวออกล้านรูปร่างท้วมเสียงดังคนหนึ่ง บางครั้งบทจะใจเย็นหรือใจดีก็ดีเอามากๆ เข้าสังคมง่าย พูดจาเสียงดัง สไตล์ลูกทุ่ง แต่เวลาโกรธก็แสดงออกมาทางสีหน้าแววตาที่เห็นได้ชัด แถมยังมีนิสัยหลายอย่างที่ไม่ค่อยจะดีนัก เป็นตัวละครที่คุณสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในสังคม ในละแวกบ้าน อาจจะเป็นลุงแถวบ้านของคุณก็ได้ แต่นั่นกลับกลายเป็นเสน่ห์ของตัวละครโทนี่ เพราะบุคลิกภายนอกของเขาที่ดูไม่น่าโหดเหี้ยมอันตราย หรือเป็นจอมวางแผนอะไรมากมาย อย่างดีก็แค่ใช้กำลัง แต่แท้จริงแล้วเขานี่แหละคือจอมวางแผนที่อยู่เบื้องหลังองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมธุรกิจทั้งสีขาวและสีเทาหลายอย่างภายในเมือง แถมยังสามารถเข้าได้กับผู้คนในหลายระดับ

ปัญหาในแต่ละตอนที่โทนี่ต้องเจอ ยังเป็นปัญหาประเภทที่ เกิดขึ้นได้จริงในชีวิตประจำวัน ถ้าไม่นับปัญหาทางของกลุ่มมาเฟีย หรือศัตรูการเมือง ก็มีปัญหาจุกจิก ในระดับที่โคตรยิบย่อยเอามากๆ แต่เป็นเรื่องที่พบได้จริงๆในชีวิตคนเรา และบางครั้งมันชวนหงุดหงิดมากกว่าปัญหาขนาดใหญ่ซะอีก เพราะปัญหาจุกจิกพวกนี้แหละคือสิ่งที่หลายครั้งคุณไม่สามารถแก้ไขมันได้เลย อย่างดีก็แค่ทำให้มันเบาบางลงเท่านั้น

เสน่ห์ของเรื่องนี้จึงอยู่ที่ว่า คนดูต้องตามเอาใจช่วยตัวละครที่นิสัยเทาๆ คนนี้ว่าจะสามารถพาครอบครัวของตนเองฝ่าเอาตัวรอดทั้งมรสุมที่เข้ามาจากโลกมาเฟีย และการรักษาสมดุลชีวิตส่วนตัวได้ยังไง ในขณะที่ตัวโทนี่เองก็ดูเหมือนจะสื่อสารกับลูกสาวและลูกชายทั้งคู่ไม่ค่อยได้เรื่องเท่าไรนัก ความสัมพันธ์กับภรรยาก็ย่ำแย่อีก กลายเป็นว่าเขาไปมีความสัมพันธ์กับคนนอกบ้านที่ดีกว่าซะอย่างนั้น อย่างเช่นการเข้ามาพูดคุยกับ ดร.เจนนิเฟอร์ ที่เราจะพบเห็นเกือบตลอดเรื่องตั้งแต่ตอนแรกจนถึงซีซันสุดท้าย ก่อนที่ความสัมพันธ์ของทั้งสองจะยุติลง

นอกจากนี้ในแง่การแสดง ต้องยกให้พลังการแสดงของ James Gandolfini ซึ่งรับบทบาทโทนี่ได้ตีบทแตกสุดๆ ชนิดที่เรียกว่าถ้าเรื่องนี้มีการรีเมคในอนาคต คงเป็นการยากที่จะหานักแสดงมารับบนี้แทนที่เขาได้

นอกจากนี้แม้ว่าในเรื่องจะมีตัวละครมาก โดยเฉพาะการวนเวียนไปเล่าดราม่าของเหล่าสมาชิกในแก๊งค์ แต่เมื่อเริ่มดูไปสักระยะ เชื่อได้เลยว่าคนดูจะสนุกกับการตามดูว่า ใครจะดราม่าอะไรอีกที่จะต้องให้โทนี่ตามแก้ไข หรือตัวโทนี่เองนี่แหละจะไปก่อดราม่าที่ดึงปัญหาอะไรมาเข้าตัวเองอีก

สำหรับพัฒนาการของตัวละคร เป็นเรื่องหนึ่งที่จะมองว่าเป็นทั้งข้อเด่นและข้อด้อยก็ได้ เนื่องจากตัวละครโทนี่ตั้งแต่ซีซันแรกแทบจะไม่ได้มีพัฒนาการให้เห็นมากนัก เขาเป็นหัวหน้ามาเฟียเจ้าอารมณ์จอมวางแผนยังไงในตอนแรกๆ ตอนจบก็ยังเป็นแบบนั้น แต่ในมุมหนึ่งมันก็สะท้อนให้เห็นว่า ตัวละครที่เลือกจะใช้ชีวิตในสังคมสีเทาๆ ออกดำ ก็เป็นการยากที่จะเปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนดีหรือทำงานสุจริตได้

แต่สำหรับข้อด้อยก็มีเหมือนกัน แถมยังเป็นข้อใหญ่ด้วย คือเรื่องนี้เป็นซีรีส์ดราม่าแก๊งค์มาเฟีย+ชีวิตครอบครัว เพราะฉะนั้นใครคาดหวังเรื่องของฉากแอ็กชั่น การวางแผนหักเหลี่ยมเฉือนคมเท่ๆ ตัวละครหล่อสวย ทำใจเลย เพราะฉากแอ็กชั่นของเรื่องที่มีก็เป็นแนวบ้านๆ ลอบยิงกันธรรมดา ไม่มีฉากแอ็กชั่นเร้าใจเป็นจุดขาย ในขณะที่พาร์ทของการวางแผนชิงอำนาจหักเหลี่ยม ทรยศกัน ก็เป็นลักษณะที่ไม่ได้ฉับไวหรือเชือดเฉือนรุนแรงอะไรนัก เป็นการเอาตัวละครมาพูดคุย อัพเดทกันในแก๊งค์ แล้วก็ไปลงมือทำ แต่เชื่อว่าหลายคนที่พอได้ลองดูแล้วจะติดใจกับการเดินเรื่องเรียบง่าย แต่ขลังแบบนี้แน่ 

ข้อด้อยอีกจุดคือ พาร์ทดราม่าครอบครัว คือต้องยอมรับว่าตัวละครในสมาชิกบ้านโซปราโน่ มันไม่มีใครน่าเชียร์สักคนเลย เนื่องจากทุกคนเป็นตัวละครสีเทาๆ ที่มีนิสัยน่ารำคาญในหลายครั้ง แล้วหลายตอนที่ก่อปัญหาขึ้นมาเองด้วย ร้อนให้โทนี่ต้องไปตามแก้ไขเอาก็มาก ซึ่งที่จริงแล้วนี่แหละคือเสน่ห์ของซีรีส์ เพียงแต่รูปแบบการเดินเรื่องแนวนี้อาจจะไม่ถูกจริตคนดูซีรีส์รุ่นใหม่ในยุคนี้ที่อยากได้ตัวละครหล่อสวย หรือตัวละครที่สามารถจิ้นฟินๆ ได้ครับ เพราะเรื่องนี้ไม่มีอย่างแรงครับ

อีกจุดที่น่าเสียดายมากคือ บทของหมอเจนนิเฟอร์ ที่บทจะตัดขาดจากโทนี่ก็ตัดกันไปเลยในตอนก่อนสุดท้าย แต่เหตุผลที่ทำให้เธอตัดสินใจก็ถือว่าเป็นเรื่องของหลักคุณธรรม เพราะเธอก็รับรู้ว่าการที่เธอช่วยบำบัดโทนี่ กลับทำให้เขาได้ระบายความเครียดแล้วสร้างความชอบธรรมในการก่ออาชญากรรม นี่จึงเป็นการสิ้นสุดการบำบัด (ที่ก็ไม่ค่อยจะได้ผลมาตลอดทั้งเรื่อง) ให้จบลงในตอนก่อนสุดท้ายของซีซัน 6

จุดด้อยอีกอย่างที่คอซีรีส์รุ่นใหม่อาจจะไม่ชอบคือ โทนการเล่าเรื่อง ที่มีอารมณ์เป็นแบบเดียวกันตั้งแต่ซีซันแรกจนถึงตอนสุดท้าย เส้นเรื่องหลักในแต่ละซีซันถึงจะมีอยู่แต่การเล่าเรื่องเต็มได้ด้วยดราม่ายิบย่อยตลอดเวลา จึงเหมือนดูชีวิตของตัวเอกและคนรอบข้างไปเรื่อยๆ ไม่ได้มีจุดพีคเท่าไหร่นัก ซึ่งนี่เป็นสไตล์การเล่าเรื่องของซีรีส์ยุคเก่า เพียงแต่ Sopranos สามารถทำให้ความจำเจเหล่านั้นออกมาได้ดูสนุก และน่าติดตาม มันจึงเป็นซีรีส์แนวเจ้าพ่อที่ยังมีความเป็นอมตะและเป็นอันดับหนึ่งของแนวนี้อยู่

สรุปภาพรวมแล้ว นี่เป็นซีรีส์แนวเจ้าพ่อมาเฟีย + ชีวิตดราม่าครอบครัว ที่เป็น The Best อันดับ 1 ของวงการ ชนิดที่ยังไม่มีเรื่องไหนสามารถทำเทียบเท่าได้ แนะนำให้ลองเปิดใจรับชมได้ทาง HBO Go มีฉายทั้ง 6 ซีซันจบ

 

ติดตามบทความทั้งหมดของผู้เขียนคลิกที่นี่

Reference

https://en.wikipedia.org/wiki/The_Sopranos

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!