playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Panic (Amazon Prime) ซีรีส์วัยรุ่นที่พยายามเป็นฮังเกอร์เกมในโลกจริง (ไม่มีสปอยล์)

Panic

สรุป

ซีรีส์วัยรุ่นแนวเกมเสี่ยงตายเดิมพันชีวิตที่มีกลิ่นอายคล้ายฮังเกอร์เกม แต่เป็นเวอร์ชั่นที่พยายามทำให้เป็นไปได้ในโลกจริง ในเมืองชนบทเล็กๆ ที่มีเกมเสี่ยงตายปริศนาลึกลับนี้อยู่ แม้จะไม่เมคเซนส์บ้างแต่ก็พอมองข้ามได้ ตัวเรื่องมีหลายตัวละครตามแนววัยรุ่น แต่โฟกัสไปที่พัฒนาการชีวิตของนางเอกที่เข้าร่วมเล่นเกมนี้แบบไม่ได้ตั้งใจ เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์แบบบ้านๆ ดึงดูดให้น่าติดตามชีวิตของเธอทั้งในเกมและนอกเกม หลายอย่างในเรื่องถูกวางไว้แบบผู้ชมกลุ่มวัยรุ่นทีนเอจต้องชอบได้แน่ๆ แต่ถ้าอายุเกินกว่านั้นแล้วแอบรำคาญเนื้อหาของซีรีส์วัยรุ่นก็ควรข้ามไปเลยดีกว่าครับ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ความพยายามสร้างเกมเสี่ยงตายในแบบเป็นไปได้จริง
  • นางเอกทั้งบททั้งตัวนักแสดงมีเสน่ห์น่าติดตาม
  • พระเอกหลุดจากสูตรวัยรุ่นปกติทั่วไป
  • มีเรื่องรักหัวใจวัยรุ่นเวิ่นเว้อตามสูตร แต่ทำได้เหมาะเจาะกำลังดีเลย

Cons

  • ความไม่เมคเซนส์ของเกมบางอย่างที่มีมาเรื่อยๆ (แต่พอมองข้ามได้)
  • ฉากในเกมถูกตัดข้ามไปไม่ได้ให้เห็นตรงๆ หลายครั้ง บางเกมมาเล่าย้อนหลัง ทำให้ไม่ต่อเนื่อง ไม่ระทึกอย่างที่ควรจะเป็น

Panic แพนิค เกมท้าชะตา ซีรีส์ Amazon Prime เรื่องใหม่ แนววัยรุ่นผสมทริลเลอร์ ในเกมระทึกที่เอาความกลัวเข้ามาท้าให้เล่นหรือเลิกถอนตัวไป โดยมีเงินรางวัลใหญ่ที่ช่วยให้หลุดพ้นไปจากเมืองชทบทแห่งนี้

 Panic (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Panic แพนิค เกมท้าชะตา

ซีรีส์วัยรุ่นที่มีกลิ่นอายของ The Hunger Games อยู่ไม่น้อย อาจจะเรียกได้ว่าเป็นฮังเกอร์เกมเวอร์ชั่นที่เป็นไปได้จริง มีความสมจริงในเรื่องราวมากกว่าแฟนตาซีดิสโทเปียแบบนั้น ซึ่งเรื่องทำมาจากนิยายเบสเซเลอร์ของนิวยอร์กไทม์ในปี 2014 มาก่อนในชื่อเดียวกัน และตัวผู้เขียนเรื่องนี้  Lauren Oliver ก็มาเป็นโปรดิวเซอร์และปรับแต่งนิยายของตัวเองมาเป็นเวอร์ชั่นซีรีส์ซีซั่นแรก โดยที่ตัวเรื่องวางไว้มีต่อซีซั่นสอง แต่นิยายยังคงมีแค่เล่มแรกเล่มเดียวจบ แต่ไม่ต้องห่วงอะไรเพราะเมื่อผู้เขียนมาเป็นคนสร้างเองก็ย่อมต้องมีโครงเรื่องยาวในหัวไว้รองรับแล้ว และตัวซีซั่นแรกนี้ก็จบเรื่องราวปมที่วางไว้ทั้งหมดได้ค่อนข้างดีเลยทีเดียว จนไม่มีต่อซีซั่น 2 ก็ไม่รู้สึกอะไรมาก (แต่คาดว่าจะมีต่อเพราะกระแสยอดรับชมถือว่าดีเลย) 

ตัวเรื่องเริ่มขึ้นในเมืองชนบทเล็กๆ ที่ชื่อ คาร์ป ของรัฐเท็กซัส (เมืองสมมุติ) ที่ซึ่งเหล่าวัยรุ่นมีธรรมเนียมเกมที่สืบต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ ชื่อ Panic ที่เล่นกับความกลัวเหมือนเกมท้าให้ทำอะไรแผลงๆ ตามแบบที่มีกันทั่วโลก แต่ว่า Panic ของคาร์ปเป็นอะไรมากกว่านั้น เพราะเกมที่เล่นกันนี้ถึงขั้นมีคนตายมาก่อน ที่มาของคนจัดเกมก็ไม่มีใครรู้ กรรมการก็ใช้การเลือกส่งต่อกันมาในแต่ละปี ผู้เข้าแข่งก็มีกฎว่าต้องเป็นนักเรียนที่จบไฮสคูลมาหมาดๆ เท่านั้น และเกมนี้ก็มีเงินรางวัลหลักแสนดอลล่าห์มาเป็นตัวล่อ ซึ่งแม้อาจจะไม่มากมาย แต่ก็มากพอสำหรับให้เหล่าวัยรุ่นในเมืองนี้สนใจเข้าร่วมเพื่อหวังเอาเงินจำนวนนี้มาทำให้ตัวเองหลุดพ้นจากที่นี่ (คาร์ปเป็นเมืองชายขอบเล็กๆ แทบไม่มีอะไรเจริญ)

สิ่งที่เหมือนฮังเกอร์เกมอย่างมากคือ ตัวเอกของเรื่องคือเด็กสาววัยรุ่นธรรมดาคนหนึ่ง Heather Nill (เล่นโดย Olivia Welch) เฮเธอร์เธอเป็นเด็กสาวที่มีปัญหารุมเร้าหลายอย่าง หลักๆ ก็มาจากฐานะยากจนมากๆ แม่ก็ท้องเธอตั้งแต่ 17 และทำงานร้านเสริมสวยธรรมดา แค่พอหาเช้ากินค่ำไปเท่านั้น แถมยังมีนิสัยชอบไถตังเธอด้วย นอกจากนี้แม่ยังท้องกับผู้ชายคนอื่นต่อมาอีก จนมีน้องสาวคนละพ่อตามมาชื่อลิลลี่ ที่เธอมองว่าต้องรับผิดชอบดูแลน้องให้ดีกว่าแม่ที่เลี้ยงแบบทิ้งขว้าง ซึ่งปัญหาหลายอย่างรุมเร้าทำให้เธอตัดสินใจชั่ววูบมาเข้าร่วมเกม ทั้งๆ ที่เพื่อนของเธอ  Natalie Williams (รับบทโดย Jessica Sula) คือผู้เข้าแข่งขันคนหนึ่งด้วย

เรื่องนี้คือการผจญภัยเติบโตขึ้นของเฮเธอร์ สาววัยรุ่นที่ชีวิตไม่มีอะไร แต่เมื่อเธอเข้าร่วมเกมนี้กลับกลายเป็นการปลดปล่อยศักยภาพของเธอที่ซ่อนอยู่ แบบไม่มีใครคาดคิดหรือมองเห็นตัวตนด้านนี้ของเธอมาก่อน ซึ่งก็เหมือน Katniss Everdeen นางเอกของฮังเกอร์เกมเป๊ะๆ แต่ตัวเรื่องนี้คือการสร้างเกมอันตรายในแบบที่มีความเป็นได้จริง ซึ่งเกมในเรื่องช่วงแรกๆ หรือที่เรื่องฉายให้เห็นปีก่อน อย่างการนอนในโลง การเดินบนสะพานไม้ที่สูง การโดหน้าผาลงมาในน้ำ อะไรพวกนี้เชื่อว่าคนดูคงรู้สึกว่า มันก็น่าจะเป็นพวกเกมปกติที่วัยรุ่นห่ามๆ คิดเล่นท้าทายกันบ้างอยู่แล้ว แต่นั่นคือความตั้งใจของเรื่องนี้พยายามทำให้เกมช่วงแรกดูมีความเป็นไปได้ทั่วไป ไม่แปลกใหม่ ไม่ได้ลุ้นอะไรมาก เพื่อให้สมจริงกับตัวละครในเรื่องที่ถูกกึ่งๆ ถูกหลอกมาเล่นเกมนี้โดยที่ไม่รู้จุดประสงค์ของผู้จัดเกม เรียกว่าเหมือนเกมอวดความเก๋าในหมู่วัยรุ่นในเมืองนี้ซะมากกว่า

แต่พอเรื่องเดินไปเรื่อยๆ เราจะเห็นว่าเกมมันค่อนข้างบ้าขึ้น แต่ก็ยังอยู่ในความสมจริงแบบเป็นไปได้ ซึ่งว่ากันจริงๆ ผู้เขียนเองก็รู้สึกว่าเกมเกือบทั้งหมดของเรื่องนี้มันดูแค่ท้าทายกันแรงๆ ซะมากกว่าเป็นเกมเสี่ยงตายจริงๆ เพราะผู้เล่นสามารถถอนตัวได้ทุกเมื่อ แถมมีกรรมการคอยกำกับผู้เล่นตลอดเวลาว่าไหวไม่ไหวถอนตัวได้นะ แต่พอดูจบครบทั้งหมด กลับรู้สึกว่าโอเคเลย คนเขียนบทอย่าง Lauren Oliver เองคงต้องการอารมณ์สมจริงเป็นไปได้มากสุดกับเกมมากกว่า แต่ก็ไม่ใช่ว่าเกมทั้งหมดจะพื้นๆ ทั่วไป ก็ยังมีหลายเกมที่โหดหินและเซอร์ไพรส์พอสมควรเลย อย่างปิดตาข้ามรางรถไฟบนแม่น้ำสูง หรือการเผชิญหน้ากับเสือ ปิดตาข้ามทางด่วน ขับรถทางตรงสวนกันวัดใจว่าใครจะหักหลบก่อน แม้จะไม่ถึงขนาดว้าวไปกับเกมได้มาก แต่มันกลับเข้ากับเรื่องราวในเมืองชนบทแห่งนี้ และดูเป็นโลกการผจญภัยที่มีความเป็นไปได้จริงๆ ที่น่าติดตามน่าตื่นเต้นพอตัวในมุมความเป็นจริง ไม่ใช่แบบฮังเกอร์เกมที่ต้องสมมุติโลกใหม่ขึ้นมารองรับเกมเลย (ไม่งั้นจะไม่เว่อร์น่าติดตาม)

 

พิธีกรประจำเกมสองคนและเป็นกรรมการแบบเปิดเผย

อีกจุดของนางเอกในเรื่องนี้ที่ทำให้แปลกมากขึ้นคือ เธอไม่ได้เข้าเล่นเกมทั้งหมด เฮเธอร์มีชีวิตจริงที่ลำบากส่งผลกระทบเธออยู่ตลอดเวลา การเข้าร่วมเกมนี้ก็เหมือนการเอาตัวเองไปเสี่ยงแบบไร้ความรับผิดชอบ เพราะถ้าเป็นอะไรมาน้องสาวต่างพอตัวน้อยของเธอคงไม่รอด  บทจึงเขียนสมดุลย์ของเกมกับชีวิตจริงตัวละครนี้ได้เลย ซึ่งบางครั้งเธอก็ทิ้งเกมที่กำลังเล่นอยู่ไปเพื่อตามหาน้องที่หายไป และยังมีเรื่องปัญหากับแม่ ที่แม้จะไม่ชอบพอกัน แต่แม่ก็คือแม่ ซึ่งดราม่าหลายอย่างในเรื่องทำให้ตัวละครนี้ดูน่าเอาใจช่วย แถมด้วยนักแสดงที่เหมาะเจาะอย่าง Olivia Welch กับบทสาวสวยมีเสน่ห์แบบบ้านๆ ซึ่งเข้ากันกับเธอดีมาก (บทบาทต่อไปของเธอคือตัวเอกในหนังชุดไตรภาคเรื่อง Fear Street ของ Netflix ที่จะมาเดือนหน้า และเชื่อว่าดังแน่นอน)

เรย์ พระเอกแนวแบดกายระดับกุ๊ยประจำโรงเรียนของเรื่องที่ฉีกแนวพอตัวเลย

ซึ่งความมีเสน่ห์ของตัวละครนี้กับดาราที่เล่น ตัวเรื่องจึงผสมเรื่องรักวัยรุ่นลงไปแบบกำลังดี (ไม่มีฉาก SEX) ตามแบบฉบับซีรีส์วัยรุ่น นางเอกมีความสับสนสน แอบเวิ่นเว้อบางครั้ง ดูเผินๆ เป็นไปตามสูตรซีรีส์ฝรั่ง แต่กลายเป็นว่าเรื่องมีอะไรมากกว่านั้น และค่อนข้างฉีกสูตรวัยรุ่นเหมือนกัน เมื่อตัวเอกชายหล่อเท่มีเสน่ห์เป็นผู้เข้าแข่งตัวเก็งของเรื่องอย่าง Dodge Mason (รับบทโดย Mike Faist) กลับไม่ใช่พระเอก และก็แทบไม่เกี่ยวข้องกับเฮเธอร์เลย แต่ไปมีบทหลักกับเพื่อนของนางเอก  ส่วนตัวพระเอกจริงๆ กลับเป็น  Ray Hall (รับบทโดย Ray Nicholson) ตัวละครที่ทั้งหน้าตาและนิสัยคือกุ๊ยประจำโรงเรียนดีๆ นี่เอง และก็ไม่ใช่แบดบอยแบบเท่ๆ อะไรด้วย และบทก็ไม่ได้เด่นจนรู้สึกเป็นพระเอกของเรื่องได้เลย แต่กลายเป็นว่าการมีอยู่ของตัวละครนี้ช่วยทำให้บทของนางเอกมีมิติขึ้นมาก เมื่อเธอเริ่มรู้สึกสับสนในความรัก ทั้งชีวิตที่ผ่านมาเธอมีเพื่อนสนิทชายอย่าง Bishop Moore (รับบทโดย Camron Jones) เป็นหนุ่มผิวดำลูกผู้พิพากษาในเมืองนี้ และก็ถูกเรย์แกล้งทั้งแก๊งบ่อยๆ ซึ่งเรื่องรักของเฮเธอร์กลายมาเป็นรักสามเส้าแบบเฟรนด์โซนที่ไม่กล้าเปิดเผยกับหนุ่มแบดบอยที่แทรกเข้ามาในใจควบคู่ไปกับเกม ซึ่งเรย์เองเป็นผู้เข้าแข่งด้วย ทำให้เรื่องมีปมการหลอกลวงผู้เล่นด้วยกันมาควบคู่ด้วย ซึ่งเฮเธอร์เองก็เริ่มไม่แน่ใจว่าหลายๆ อย่างที่เรย์เปิดใจให้ มันเป็นความจริงหรือไม่ หรือเป็นแค่เกมล้วงความลับกำจัดคู่แข่งอย่างเธอไปเท่านั้น

บิชอปเพื่อนชายคนสนิทตั้งแต่เด็กที่เธอเองก็แอบหลงรักเขาอยู่ด้วย

ตัวเรื่องยังมีความซับซ้อนพอตัว เมื่อตำรวจในเมืองกำลังตามจับคนที่ร่วมเล่นเกมนี้และกรรมการ เพื่อมาลงโทษหลังปีก่อนมีคนตาย 2 คนจากเกมที่เล่นกันเลยเถิดใช้ปืนจริงในเกมรัสเซียนรูเล็ต และพอมาปีนี้เกมก็เลยถูกจัดแบบลับๆ ไม่มีผู้เข้าชม มีแต่ผู้แข่งขัน เนื้อเรื่องส่วนนี้คือการไล่ตามหาว่าเกิดอะไรขึ้นกับปีก่อน ทั้งๆ ที่เกมไม่น่าจะถึงขั้นนั้น ซึ่งตัวละครในเรื่องที่เล่นเกมในปีนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับปีก่อนก็ได้ และยังมีกรรมการที่แฝงเข้ามาเป็นผู้เล่นเพื่อจับตาหาจุดอ่อนของผู้เล่นอื่นอีกด้วย ซึ่งเมื่อเรื่องเคลียร์ไปจนหมด เราก็จะได้รู้ว่าโครงสร้างเกมนี้มีอะไรบ้าง และก็มีจุดหักมุมเฉลยเกมอันตราย ยกเว้นเพียงที่มาของเกมเท่านั้นที่ยังทิ้งไว้เป็นปริศนาเพื่อไปต่อซีซั่น 2 แต่ตัวเรื่องก็สามารถตัดจบลงแค่ที่ซีซั่น 1 ก็ได้เช่นกัน (แต่ส่วนตัวผู้เขียนอยากดูต่อเลยเพราะทิ้งเรื่องต่อไว้ดีมาก)

ดอจด์ ผู้เข้าแข่งตัวเก็งของเรื่อง ซึ่งมีเสน์และบทมากกว่าพระเอกอย่างเรย์ซะอีก

สรุปเลยว่าแม้เรื่องจะไม่ถึงขั้นต้องดูหรือห้ามพลาด แต่นี่ก็เป็นซีรีส์ที่รู้ว่าตัวเองกำลังเล่นเนื้อหาอะไร ควรโฟกัสอะไร และถ่ายทอดมันออกมาในแบบเป็นไปได้มากที่สุด แม้จะไม่เมคเซนส์กับเกมอยู่บ้าง แต่ก็พอมองข้ามได้ หลายอย่างในเรื่องถูกวางไว้แบบผู้ชมกลุ่มวัยรุ่นทีนเอจต้องชอบได้แน่ๆ แต่ถ้าอายุเกินกว่านั้นแล้วแอบรำคาญเนื้อหาของซีรีส์วัยรุ่นก็ควรข้ามไปเลยดีกว่าครับ

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!