playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว DEEP โปรเจกต์นักศึกษาล้วนลง Netflix ที่ไม่มีเมนเทอร์ชื่อดังมาแนะนำอาจจะดีซะกว่า…

DEEP โปรเจกต์ลับ หลับ เป็น ตาย

สรุป

ในฐานะผลงานหน้าใหม่จากทีมนักศึกษาล้วนถือว่าพอใช้ ตัวเรื่องมีไอเดียที่พอน่าสนใจ แม้จะไม่ใหม่มาก การเดินเรื่องไปเรื่อยๆ ในระดับพอน่าติดตามได้ไม่ง่วง แต่ไม่ระทึกขวัญตามแนวที่วางไว้เลย แต่สิ่งที่เป็นปัญหาจริงๆ คือ หลายอย่างในเรื่องที่ไม่สมเหตุผลแบบปล่อยผ่านมาได้ยังไง ซึ่งถ้าเรื่องนี้ไม่มีโค้ชเมนเทอร์ผู้กำกับชื่อดังมาประกอบเครดิต ก็คงพอเข้าใจได้ แต่การที่มีชื่อคุมงานขึ้นโชว์หราแนะนำอยู่ (อดิเรก วัฏลีลา กับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง) คงต้องปัดโทษให้เมนเทอร์รับไปเต็มๆ มากกว่าทีมนักศึกษาที่ทำเรื่องนี้ครับ

Overall
5.5/10
5.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ไอเดียแตกต่างจากหนังไทยทั่วไป
  • ทีมงานทั้งหมดเป็นหน้าใหม่จากนักศึกษา ม.กรุงเทพ
  • การถ่ายทำอยู่ในระดับมาตรฐาน
  • นักแสดงมีความโดดเด่นอยู่บ้างโดยเฉพาะนางเอก

Cons

  • มีจุดพังทำให้ไม่เชื่อหลายครั้ง
  • เป็นแนวทริลเลอร์ที่ไม่มีฉากระทึกทำได้ถึงเลย
  • ตัดฉากเป็นมิวสิควิดีโอสั้นๆ แบบไม่เข้ากับโทนเรื่อง
  • นักแสดงยังดูล้นๆ เกินๆ อยู่บ้าง
  • ไลฟ์สไตล์ตัวละครยกเว้นนางเอกไม่สอดคล้องกับการเป็นนักศึกษาแพทย์จนทำให้ไม่น่าเชื่อ
  • ไทน์อินซิมมือถือหลายครั้งไม่เนียน

DEEP โปรเจกต์ลับ หลับ เป็น ตาย โปรเจ็กต์จากนักศึกษาที่ร่วมกับค่ายหนังทำลงสตรีมมิ่ง Netflix ให้คนทั่วโลกดู ด้วยไอเดียหลับไม่ได้ หลับเป็นตาย กลายมาเป็นหนังทริลเลอร์เล็กๆ ที่พอใช้ได้ แต่ถ้าไม่มีเมนเทอร์ดังมาแนะนำอาจจะดีกว่า

 Deep (2021) on IMDb

ตัวอย่าง DEEP โปรเจกต์ลับ หลับ เป็น ตาย

DEEP โปรเจกต์ลับ หลับเป็นตาย เป็นผลงานจาก Netflix ที่เปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่จาก มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ได้ทำผลงานเต็มรูปแบบทั้งเขียนบท กำกับ และนำแสดง ภายใต้การกำกับดูแลของอดีตผู้กำกับดังสองคน อดิเรก วัฏลีลา กับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง จาก บริษัท ทรานส์ฟอร์เมชั่น ฟิล์ม ที่มีผลงานเด่นอยู่หลายเรื่องอย่าง แสงกระสือ ตุ๊กแกรักแป้งมาก และอื่นๆ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นการผันตัวจากทำหนังโรงมาลงสตรีมมิ่งจากกระแสโควิดที่โรงหนังไม่สามารถเปิดได้ในตอนนี้

กลุ่มนักศึกษาแพทย์ 4 คน เจน วิน ซิน และพีช สมัครเข้าร่วมโปรเจกต์ทดลองลับทางวิทยาศาสตร์ “DEEP” กับเงื่อนไขที่ว่า ถ้าพวกเขาสามารถอดนอนได้ในระยะเวลาที่กำหนด ก็จะได้รับเงินมหาศาล แต่ถ้าเผลอหลับมากกว่า 60 วินาทีก็จะตายทันที แต่โปรเจกต์นี้ก็กลายเป็นหายนะ เมื่อยิ่งเข้าระดับลึกมากเท่าไหร่ การอดนอนเพื่อให้ผ่านการทดสอบก็ยิ่งยาวนานขึ้นเรื่อยๆ

หนังไทยช่วงหลังมีความพยายามฉีกไปทางแนววิทยาศาสตร์ระทึกขวัญมากขึ้น อย่างล่าสุดโกสแล็ปกับการทดลองพิสูจน์ผี ซึ่งก็ต้องบอกว่าพังไม่เป็นท่าจากตรรกะไม่สมเหตุผลกับแนววิทยาศาสตร์ที่เรื่องนำเสนอเลย หลายคนก็คงสงสัยและตั้งคำถามกับเรื่องต่อมาอย่างดีฟว่าจะลงเอยแบบเดียวกันหรือไม่? ก็ต้องบอกกันก่อนเลยว่า สูสีเกือบพังในเลเวลใกล้เคียงกันเลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อมากเมื่อดูจากโปรไฟล์ว่าเป็นงานที่มีผู้กำกับชื่อดัง วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง มาแนะนำคุมงาน (มีผลงานอย่าง เปนชู้กับผี อินทรีแดง เฉือน รุ่นพี่ นางนาก และอีกหลายเรื่องที่จัดว่าดีพอตัว ส่วนตัวผู้เขียนก็เป็นแฟนผลงานเขาด้วยแม้เรื่องหลังอย่างสิงสู่จะพังไม่เป็นท่า) ลำดับของโปรเจ็กต์นี้ก็เกิดจากกลุ่มนักศึกษาสาขาภาพยนต์ของ ม.กรุงเทพ ตกลงกับทรานส์ฟอร์เมชั่นเฟ้นหาผลงานหน้าใหม่ขึ้นมาในวงการ โดยมี อดิเรก วัฏลีลา กับ วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง เป็นโค้ชแนะแนวช่วยเหลือให้อีกที แต่ทั้งดารานักแสดงและผู้กำกับที่ร่วมกันหลายคนเป็นหน้าใหม่ทั้งหมด ตรงนี้ผู้เขียนไม่โทษเพราะนี่เป็นผลงานแรกในวงกว้างของพวกเขา ซึ่งถ้าไม่มีชื่อผู้กำกับดังมาคุมงาน อาจจะดีซะกว่า เพราะถือว่าเป็นไอเดียการทำหนังแนวใหม่ๆ ของคนไทยที่โอเคพอได้ในระดับหนึ่ง ในต้นทุนที่ต่ำและข้อจำกัดของทีมงานด้วย แต่พอมีผู้กำกับใหญ่มาคุมก็ต้องสงสัยขึ้นมาว่า อะไรหลายๆ อย่างที่พังในเรื่องนี้มันผ่านการแนะนำของเขามาได้ยังไง ในเมื่อคนดูเองยังรู้สึกได้ทันทีว่ามันไม่ควรจะมี หรือเป็นอย่างนี้ได้เลยแท้ๆ (อ่านที่มาของโปรเจ็กต์นี้ประกอบได้ที่นี่)

ความพังของเรื่องโผล่มาให้เห็นตั้งแต่แรกกับฉากเข้ารับการทดลองของเจน (ปาณิสรา ริกุลสุรกาน) นางเอกหลักในเรื่องนี้ เมื่อเรื่องต้องมีการอธิบายทางวิทย์ก่อนเข้ารับการทดลอง อันนี้คือไม่มีปัญหาเลยกับการตั้งต้นทฤษฎีสมมุติในเรื่องว่า สมองเรามีสารต้านการนอนที่ชื่อ คิวราโทนิน ซึ่งทางบริษัทยาต้องการวิจัยสารตัวนี้ โดยการฝังชิปเข้าที่หลังคอต่อกับสมองโดยตรงเพื่อเก็บสารตัวนี้มาไว้จนเต็มถึงมาถอดออกและรับเงินได้ แต่ปัญหาคือเนื้อเรื่องอธิบายข้อตกลงในการร่วมวิจัยตอนแรกเหมือนหมดเกลี้ยงแล้วนางเอกถึงตกลง แต่พอฝังชิปไปพึ่งมาบอกว่า ถ้ายูนอนหลับเกิน 1 นาทีจะหัวใจวายตายทันที โดยมีนาฬิกาสมาร์ทวอทช์คอยเตือนนับถอยหลังถ้าเผลอหลับ (แถมไม่ฆ่าเชื้อเช็ดเลือดหลังฉีดด้วยแหนะ) ซึ่งมันเป็นไปได้ไหมที่คนปกติเข้ารับการทดลองอะไรแบบนี้มารู้ทีหลัง แล้วจะยังเฉยๆ ตกใจนิดนึง ไม่รู้สึกมีพิรุธกับการมาบอกอะไรทีหลังแบบนี้เลยหรือ ยิ่งบอกว่าเป็นบริษัทใหญ่จากเยอรมันด้วย คือเป็นฉากที่คนดูก็ต้องรู้สึกเอะใจว่าเฮ้ยมันไม่ใช่แล้ว เผลอหลับครบนาทีตายเลยใครมันจะไม่ทักกับเรื่องแบบนี้ แต่ตัวเรื่องก็ปล่อยผ่านอะไรแบบนี้มาได้เพื่อให้เรื่องเดินต่อไป โดยที่ไม่รู้สึกเลยหรือว่าหนังแนววิทยาศาสตร์ถ้าตั้งต้นให้คนไม่เชื่อหรือสะดุดใจแล้วมันจะไปต่อยากขึ้นเรื่อยๆ จากการจับผิดเล็กๆ กลายเป็นขยายใหญ่ในภายหลังมากขึ้นไปอีก

โอเคถือว่าผู้เขียนยอมหลับหูหลับตาไม่สนใจประเด็นตรงนั้นไปก็ได้ แต่ตัวเรื่องก็ยังพยายามจะมีอะไรพังๆ แบบไทยๆ ตามมาอีก ด้วยการเปิดตัวละครหลักที่เหลือที่เป็นนักเรียนแพทย์กันหมด โดยที่แต่ละคนนี่มีไลฟ์สไตล์แบบมาเรียนแพทย์ได้ไง เอาแค่สอบผ่านก็ไม่น่าเชื่อถือแล้ว ไล่มาตั้งแต่ วิน (เลิศสิทธิชัย) หนุ่มหล่อและนักบาสประจำมหาวิทยาลัย แต่ดันบอกเป็นสายปาร์ตี้ทุกวันมากกว่าการเรียน ซิน (ศุภนารี สุทธวิจิตรวงษ์) สาวอินฟลูเอ็นเซอร์ประจำคณะที่หัวดีแต่โดนที่บ้านบังคับเรียนหมอ วันๆ เลยก็ทำแต่ช่องของตัวเอง พีช (กฤตย์ จีรพัฒนานุวงศ์ ) หนุ่มเนิร์ดที่ใช้ชีวิตอยู่ในโลกของเกมทั้งวันทั้งคืน กลายเป็นว่าสามคนนอกจากนางเอกในเรื่องไม่มีฉากไหนที่เข้าเรียนหรือเกี่ยวข้องกับแพทย์ได้เลยจนดูไม่น่าเชื่อถือเอามากๆ คือเข้าใจว่าตัวเรื่องพยายามกำหนดแบ็คกราวด์ให้สอดคล้องกับการทดลองในเรื่องที่ต้องเป็นคนอดนอนเก่งมาก่อน แต่ถ้าแบบนั้นไม่ต้องเป็นนักศึกษาแพทย์ดีกว่าไหม จะได้ไม่มีโปรไฟล์ที่ต้องมาขัดแย้งกันเองแบบนี้ อันนี้ทางโค้ชเมนเทอร์ไม่คิดจะทักท้วงกันเลยหรือไงถึงปล่อยอะไรแบบนี้ออกมาได้

ความพังในเรื่องยังมาต่อเนื่องอีกเป็นระยะ แต่มาในรูปของฉากคั่นด้วยเพลงประกอบแบบมิวสิควิดีโอ ซึ่งบอกตรงๆ ว่าผู้เขียนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องพยายามบิ้วอารมณ์ขึ้นมาโดดๆ ด้วยเพลงกับฉากสโลวๆ แบบแนวมิวสิควิดีโอสั้นๆ ระหว่างเรื่องหลายครั้ง คือปล่อยให้เรื่องเดินไปตามบทตามอารมณ์ปกติไม่พอหรือไง ถึงต้องมีเพลงแทรกหลายครั้งไม่ซ้ำกันด้วย (ไม่ใช่เพลงหลักของเรื่องด้วย) จนกลายเป็นมาทีไรดูลดเกรดของหนังลงไปทุกครั้ง แม้ว่าภาพรวมหนังจะพอใช้ได้ แต่สิ่งเหล่านี้กลับกลายเป็นตัวบั่นทอนลงไป และก็ไม่ได้ช่วยให้คนดูอินได้เลยกับการคั่นฉากสั้นๆ ด้วยวิธีแบบนี้หลายครั้ง ซึ่งก็วนกลับมาคำถามเดิมโค้ชเมนเทอร์คนไหนไปแนะนำให้ทำหรือเปล่า หรือถ้าไม่ใช่ทำไมไม่หาทางทำให้ดีกว่านี้ครับ

ตัวเรื่องพยายามเสริมแบ็คกราวด์ของตัวละครแต่ละตัวให้มีปมบางอย่าง เพื่อเอามาใช้ตอนนอนไม่หลับแล้วหลอนให้ระทึก แต่กลายเป็นว่าปมพวกนั้นกลับใส่มาแบบน้อยมากแทบไม่รู้อะไรจริงๆ เลย แม้แต่นางเอกตัวหลักที่บอกพ่อแม่ถูกฆ่าตาย เลยส่งผลให้นางเป็นพวกวิตกจริต แต่ก็ถูกหยิบมาใช้แบบล่องลอยมากจากการไล่ตรวจดูสิ่งต่างๆในบ้าน ในขณะที่ฉากหลอนแทนที่จะนำเรื่องเหล่านี้กลับมาเหวี่ยงใส่ให้ตัวละครสติแตกหวีดคลั่งกันสุดๆ แต่กลับใส่มาแค่ผิวๆ ไปหมด แม้แต่ตอนท้ายที่พยายามบิ้วเรื่องหลอนกันสุดๆ ก็ยังแค่การชกต่อยกันในกลุ่มเท่านั้นเอง ซึ่งบอกตรงๆ ว่าการไม่นอนหลายวันติดกันมันส่งผลทางจิตรุนแรงกว่านั้นมาก ลองดูจากเรื่อง Awake ของเน็ตฟลิกซ์เองก็ได้ที่คนสติแตกสามารถระเบิดอะไรออกมาได้เกินกว่าที่คิด แต่โอเคเข้าใจว่าด้วยงบอาจจะไม่สามารถทำเอฟเฟ็กต์ความรุนแรงต่างๆ ในช่วงหลอนได้มาก และตัวเรื่องเองก็อาจจะตั้งใจเบรกตัวเองไม่ให้รุนแรงมากด้วยก็ได้ เพราะเรื่องนี้สุดท้ายแม้เป็นแนวทริลเลอร์แต่กลับไม่มีใครตายหรือบาดเจ็บอะไรหนักหนาให้คนได้ลุ้นเลยสักนิด แม้จะมีฉาก CPR ปั๊มหัวใจของตัวละครสองครั้ง แต่มันก็ยังไม่ได้ผลอะไรในแง่ของความระทึกอย่างที่ควรจะเป็นเลยจริงๆ

สิ่งที่พังที่สุดของเรื่องคือช่วงหักมุมสุดท้าย โอเคนะว่าตัวเรื่องพยายามซ่อนตรงนี้ไว้เพื่อหักมุมกันตรงๆ แต่มันก็ได้แค่เซอร์ไพรซ์เพียงนิดเดียวอันนั้นไม่ว่ากันจริงๆ แต่ปัญหาคือความพยายามอธิบายเหตุผลต่างๆ นาๆ กับการกระทำช่วงท้ายของตัวร้ายในเรื่อง รวมถึงกลุ่มตัวเอกก็ด้วย คือมันมีความไม่น่าเชื่อถือว่าเวลาเจอเหตุการณ์แบบนั้นจะทำได้เพียงแค่นี้ อย่างถูกขังในห้องวอร์ด แต่ทั้งหมดช่วยกันพังประตูที่ถูกล็อคปกติไม่ได้ การที่ตัวปมในเรื่องอย่างน้องนางเอกถูกนำมาเกี่ยวด้วยแบบงงๆ ว่าทำไมไม่หลุดจากข้อตกลงไปตามที่ตัวร้ายยื่นข้อแลกเปลี่ยนไว้ก็ไม่มีเหตุผลอธิบาย แถมตัวร้ายจู่ๆ ก็นึกจะสู้กับพวกตัวเอกทั้งกลุ่มด้วยเข็มฉีดยาอันเดียวอีก แถมช่วงเฉลยนี้ยังใช้แสงฟ้าแล่บแปร๊บๆ มาประกอบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยให้ดูระทึกแบบพวกหนังสยองขวัญ นึกถึงพวกหนังไล่เชือดแบบนั้นเลย ซึ่งมันไม่ค่อยเข้ากันเลยกับการพลิกเรื่องมาแบบนี้แล้วก็ใส่มาเพื่อหวังสร้างอารมณ์ให้คนดู แทนที่จะวางฉากการไล่ล่าเอาตัวรอดดีๆ ให้ลุ้นระทึกได้มากกว่า

ย้ำอีกครั้งว่าถ้าเรื่องนี้ไม่มีเมนเทอร์แบบนั้นมาขึ้นโชว์ในเครดิตต่างๆ รวมถึงที่ PR ออกสื่อเหมือนพยายามขายชื่อมาครอบทับไว้ให้คนดูสนใจ หนังเรื่องนี้ถ้าเราได้รับรู้ว่าเป็นงานนักศึกษาเองล้วนๆ ที่อาจจะได้ทุนจากค่ายหนังมาช่วยไม่ว่ากัน หนังจะดูโอเคอยู่ มีความน่าชื่นชมที่พยายามทำอะไรใหม่ๆ ดารานักแสดงหน้าใหม่ก็พอใช้ได้ ไม่ได้ดีมาก แต่ก็โอเคโดยเฉพาะนางเอกของเรื่องที่ต้องแสดงอารมณ์มากกว่าใคร ถือว่าไปต่อได้ในงานแสดงเรื่องอื่นๆ เพียงแต่รายละเอียดบทที่พวกเขาได้รับมันไม่ได้ละเอียดสมเหตุผลพอเท่านั้น แต่ยังไงการได้เป็นภาพยนตร์ลงเน็ตฟลิกซ์ฉายทั่วโลก อันนี้น่าจะเป็นรางวัลของทีมงานหน้าใหม่นี้ทั้งหมดได้ดีที่สุดแล้ว แม้คำวิจารณ์จะไม่ดีพอก็ตามครับ สุดท้ายต้องโทษโค้ชเมนเทอร์อีกรอบนี่แหละที่ไม่ควรได้เครดิตตรงนี้ไปเลยดีกว่าครับ

 

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!