playinone.com
รีวิวหนัง ซีรีส์ Netflix HBO Prime Disney+ Apple TV+ สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว The Old Guard 2 (Netflix) ภาคคั่นกลางไปภาค 3 ที่ทุกอย่างถูกเล่าออกมาได้เบาบางผิวเผินสุดๆ

Summary

นี่คือภาคต่อที่ทิ้งห่างกัน 5 ปีแล้วก็ไม่มีเล่าย้อนความเลย ทำให้คนดูแทบจำเรื่องไม่ได้ แนะนำว่ายังไงก็ต้องย้อนไปดูหรือหาอ่านมาด้วย แม้เรื่องจะพยายามใส่ความสัมพันธ์ของเรื่องราวต่อเนื่องกันทั้งตัวละครที่ทิ้งท้ายไว้ตอนจบและความลับอื่นๆ แต่ตัวหนังก็ยังทำได้น่าผิดหวังจากการวางตัวเป็นภาคต่อแบบครึ่งๆ กลางๆ มาเพื่อเปิดเรื่องค้างไว้แล้วหวังได้ทำต่อภาค 3 ให้จบไตรภาค (ซึ่งยังไม่แน่ว่าจะได้ทำต่อไหม) ทำให้ตัวร้ายภาคนี้ที่เล่นโดย Uma Thurman ก็แทบไม่มีบทบาทอะไรเลย ฉากแอ็กชั่นก็มีแค่ตอนท้ายแบบสั้นโคตรๆ หรือ Quynh คนรักของตัวเอก Andy ในตอนจบภาคแรกก็ไม่ได้มีบทบาทเป็นตัวร้ายจริงจังเลย มีแค่เรื่องราวความรักสั้นๆ งอนกันแบบ ญ ญ ธรรมดามาก เรื่องราวทุกอย่างดูผิวเผินไปหมด แม้จะใส่ประวัติศาสตร์ตำนานคนอมตะมาเพิ่มหลายอย่าง แต่ก็เป็นพล็อตเดิมๆ เชยๆ ไม่มีการลงลึกในรายละเอียด ซึ่งสุดท้ายหนังจึงเหลือแค่ฉากแอ็กชั่นที่พอทำให้เรื่องยังน่าดูได้หน่อย แต่ฉากใหญ่มันก็น้อยมาก มีแค่ต้นเรื่องเท่านั้นที่หวือหวา ส่วนไคลแม็กซ์ธรรมดาสุดๆ ครับ

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ฉากแอ็กชั่นที่ยังพอทำให้เรื่องน่าดูได้
  • มีพากย์ไทย

 

Cons

  • ภาคคั่นกลางไม่ทำให้จบ
  • บททุกอย่างดูผิวเผินไปหมดไม่ลงรายละเอียด
  • Uma Thurman แทบไม่มีบทบาทอะไรเลย

ADBRO

The Old Guard 2 ภาพยนตร์ Original Netflix ภาคต่อของหนังแอ็กชันแฟนตาซีที่นำโดย Charlize Theron กลับมารับบท Andy ผู้นำทีมนักรบอมตะ โดยในภาคนี้เน้นขยายจักรวาลและปมความเป็นอมตะของตัวละครหลักมากขึ้น

รีวิว The Old Guard 2 (มีสปอยล์บางส่วน)

ภาคต่อที่ห่างจากภาคแรก 5 ปีเต็ม (ภาคแรกปี 2020) ซึ่งหนังภาคแรกก็มีความสนุกใช้ได้อยู่ แต่ก็ไม่ถึงกับน่าจดจำมาก ซึ่งพอทิ้งห่างกัน 5 ปีก็ยอมรับว่าจำเรื่องแทบไม่ได้ แถมภาคใหม่ก็ไม่มีการย้อนเล่าเรื่องภาคแรกให้ดูอีก ซึ่งผู้ชมที่จะดูภาคนี้ให้เข้าใจจริงๆ ควรย้อนไปอ่านสปอยล์ภาคแรกอีกรอบครับ เพราะมีหลายตัวละครที่เกี่ยวพันกับเรื่องราวลึกๆ และภาคนี้ยังเป็นแค่ภาคคั่นกลางทิ้งไว้ก่อนไปภาค 3 ซึ่งเป็นภาคจบตามที่ผู้สร้างวางแผนไว้ครับ (ถ้าเน็ตฟลิกซ์ไฟเขียวให้ทำต่อ แต่ ณ ตอนนี้ยังไม่ยืนยัน)

ตัวเรื่องภาคนี้คือ Charlize Theron ในบท Andy สูญเสียความเป็นอมตะไปแล้ว แต่ยังทำหน้าที่คุมกองกำลังลับพวกอมตะที่คอยช่วยมนุษย์ชาติอยู่เหมือนเดิม โดยมี CIA เป็นหน้าฉากแหล่งข่าวสืบสวนหาคนร้ายให้ไปจัดการ ซึ่งเรื่องก็เรียกว่า CIA แอบขี้โกงเมื่อใช้งานกองกำลังอมตะได้แบบไม่ต้องเอาคนอื่นมาช่วยลุยอีกเลย ซึ่งหนังก็เปิดเรื่องมาด้วยฉากโชว์ฟอร์มการทำงานให้ CIA นี้งานแรก ก่อนที่จะเข้าเรื่องว่ามีตัวร้าย  Discord (แสดงโดย Uma Thurman) มนุษย์อมตะคนแรกเปิดตัวออกมาช่วย Quynh (แสดงโดย Veronica Ngô) คู่รักของ Andy ที่ถูกจองจำในทะเลด้วยโลงไอรอนไมเดน ทำให้ตายแล้วก็ฟื้นทรมานมาตลอดหลายร้อยปี ซึ่งผู้มชมภาคแรกก็คิดว่าเธอจะต้องมาเป็นบอสภาคนี้แน่ แต่ว่าเรื่องราวกลับแทบไม่ได้เป็นอย่างนั้นเลย

หนังบอกเล่าประเด็นอมตะที่ผ่านมาเป็นร้อยๆ พันๆ ปีได้อย่างอ่อนยวบยาบมาก โดยพยายามเปิดเผยเบื้องหลังพวกอมตะเพิ่ม ให้มีผู้บันทึกเรื่องราว หรือตำนานจีนที่เขียนถึงพวกเขา แต่เรื่องราวพวกนี้กลับไม่ลงลึกในรายละเอียด เป็นแค่การบอกเล่าแล้วก็เป็นจริงกันอย่างง่ายๆ ซึ่งเรื่องก็พยายามทำให้เห็นว่าพลังพวกนี้สามารถถ่ายทอดกันได้ การหมดพลังของ Andy เกิดขึ้นได้ยังไง Nile ตัวเอกในภาคแรกมีความพิเศษยังไง แต่ทั้งหมดก็ถูกเล่าแบบผิวเผินสั้นๆ ที่ไม่มีการต่อยอดลงไปหาความหมายลึกๆ ของเรื่องพวกนี้เลย แม้แต่จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของ Discord ก็เป็นประเด็นที่พื้นๆ มาก แทบจะเป็นพล็อตการ์ตูนธรรมดามากๆ จนน่าผิดหวัง แม้พยายามทิ้งท้ายเรื่องนี้ไว้ในภาคต่อไป แต่มันก็ไม่น่าติดตามเท่าไหร่ สู้ความคาดหวังจากตอนจบภาคแรกไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

ในส่วนความสัมพันธ์ที่เรื่องพยายามพัฒนาก็ดูกระท่อนกระแท่น อย่าง Quynh ที่ถูกช่วยขึ้นมาก็มีบทเพียงแค่ให้เห็นว่าเธอผิดหวังกับ Andy อารมณ์สาวคนรักงอนที่แฟนไม่ยอมหาทางช่วยให้เจอเธอ แล้วดันมาช่วยมนุษย์ต่ออีก ทำให้เกิดฉากสู้แนวกังฟูสั้นๆ ในตอนแรก จากนั้นก็แทบไม่ได้ให้ความสำคัญกับตัวละครนี้อีกเลย ซึ่งเธอก็ไม่ใช่บอส ไม่ใช่ตัวร้าย แต่เป็นแค่คนรักที่หลงเข้าใจผิดแค่นั้น พอตอนจบหายงอนคืนดีกันได้ง่ายๆ ก็จบ! (Charlize Theron ดูสวยเกินวัย 49 มากหน้าเด้งตึงเปรี๊ย)

 

 หนังพยายามเล่าความสัมพันธ์ตัวละคนอื่นมากขึ้น อย่างคู่รัก ช-ช ที่เป็นคู่หูก็มีบทเปิดปากเล่าว่าความอมตะในความหมายเขาคือความรักที่มีให้กัน แต่มันก็ดูยัดบทใส่ปากพูดออกมางั้นๆ (จริงๆ เรื่องนี้ทางคนเขียนคอมมิคให้เซ็นสัญญาเลยว่าห้ามเปลี่ยนแปลงบท) หรือ Tuah (แสดงโดย Henry Golding)ตัวละครอมตะคนใหม่ที่เป็นผู้บันทึกประวัติศาสตร์ ก็แทบไม่มีบทอะไรนอกจากนั้น ฉากสู้ก็แทบไม่มี ส่วน Bookerที่โดนไล่ออกจากกลุ่มไปในภาคแรกก็ได้กลับมาเพียงแค่ถ่ายเทพลังไปให้ Andy ซึ่งก็ไม่รู้ว่าไปทำให้ตอนไหน หนังสร้างความสัมพันธ์พวกนี้ออกมาผิวเผินมากจนไม่รู้สึกถึงอารมณ์เสียสละใดๆ เลยสักนิด

 

แต่สุดท้ายหนังก็ยังมีฉากแอ็กชั่นที่ลงทุนมากกว่าหนังสตรีมมิ่งทั่วไปอยู่ อย่างฉากขับรถไล่ล่าในตอนแรกที่โชว์ความเป็นอมตะไปด้วยกัน หรือฉากกังฟูสั้นๆ ของ Quynh ก็ดูเท่ไม่หยอก ดูเหนือมนุษย์ต่างจากคนอื่น ซึ่งนักแสดง Veronica Ngô คนเวียดนามนี้ก็เป็นสายแอ็กชั่นตัวแม่อยู่แล้วครับ แต่ฉากแอ็กชั่นจริงๆ ก็มีแค่ตอนแรกกับตอนท้ายเท่านั้น ซึ่งฉากไคลแม็กซ์ก็ธรรมดามาก เหมือนไม่ลงทุนอะไรมีแค่ฮอบินไปบินมา แล้วก็เปิดให้ Uma Thurman ได้โชว์ฝีมือดาบแบบหนัง Kill Bill นางฟ้าซามูไรที่เธอเคยรับบทจนกลายเป็นภาพจำของเธอไปเท่านั้น แต่อย่าหวังอะไรมากกว่านั้นเพราะหนังตั้งใจตัดจบเพื่อทำภาค 3 กันแบบตรงๆ 

 

สรุป


The Old Guard 2 นี่คือภาคต่อที่ทิ้งห่างกัน 5 ปีแล้วก็ไม่มีเล่าย้อนความเลย ทำให้คนดูแทบจำเรื่องไม่ได้ แนะนำว่ายังไงก็ต้องย้อนไปดูหรือหาอ่านมาด้วย แม้เรื่องจะพยายามใส่ความสัมพันธ์ของเรื่องราวต่อเนื่องกันทั้งตัวละครที่ทิ้งท้ายไว้ตอนจบและความลับอื่นๆ แต่ตัวหนังก็ยังทำได้น่าผิดหวังจากการวางตัวเป็นภาคต่อแบบครึ่งๆ กลางๆ มาเพื่อเปิดเรื่องค้างไว้แล้วหวังได้ทำต่อภาค 3 ให้จบไตรภาค (ซึ่งยังไม่แน่ว่าจะได้ทำต่อไหม) ทำให้ตัวร้ายภาคนี้ที่เล่นโดย Uma Thurman ก็แทบไม่มีบทบาทอะไรเลย ฉากแอ็กชั่นก็มีแค่ตอนท้ายแบบสั้นโคตรๆ หรือ Quynh คนรักของตัวเอก Andy ในตอนจบภาคแรกก็ไม่ได้มีบทบาทเป็นตัวร้ายจริงจังเลย มีแค่เรื่องราวความรักสั้นๆ งอนกันแบบ ญ ญ ธรรมดามาก เรื่องราวทุกอย่างดูผิวเผินไปหมด แม้จะใส่ประวัติศาสตร์ตำนานคนอมตะมาเพิ่มหลายอย่าง แต่ก็เป็นพล็อตเดิมๆ เชยๆ ไม่มีการลงลึกในรายละเอียด ซึ่งสุดท้ายหนังจึงเหลือแค่ฉากแอ็กชั่นที่พอทำให้เรื่องยังน่าดูได้หน่อย แต่ฉากใหญ่มันก็น้อยมาก มีแค่ต้นเรื่องเท่านั้นที่หวือหวา ส่วนไคลแม็กซ์ธรรมดาสุดๆ ครับ

 

รีวิว Black Doves พิราบเงา (Netflix) ซีรีส์สายลับที่ตัวละครมีเสน่ห์ซับซ้อนคมคายสุดๆ
------------------------------------------------------------