รีวิว Wall to Wall ฝันร้าย 84 ตร.ม. (Netflix) หนังเกาหลีที่พยายามสะท้อนปัญหาสังคมด้วยบทป่วยๆ

Wall to Wall
Summary
หนังเกาหลีที่เอาประเด็นซื้อคอนโดเก็งกำไรแต่พบปัญหาเรื่องเสียงมาเล่นสะท้อนสังคมให้ดูลุกลามใหญ่จนกลายเป็นแนวฆาตกรรม ถึงพล็อตเรื่องมันจะน่าดู แต่ตัวหนังจริงกลับทำออกมาได้แย่มาก หลักๆ เลยมาจากบทหนังที่พยายามยัดปัญหาถาโถมใส่ตัวเอกแบบลวกๆ เพื่อให้เรื่องมันดูกดดันตึงเครียด แต่มันกลับแทบไม่สมเหตุผลเลยสักอย่าง แล้วตัวละครลูกบ้านคนอื่นก็พยายามให้ดูหน้าตาการแสดงที่โรคจิตกันทั้งนั้น เพียงเพื่อจะให้มาเป็นตัวหลอกว่าใครเป็นคนร้าย แต่บทมันทำไม่ถึง เพราะพอเฉลยมาแม้จะหักมุม 2-3 ตลบ แต่ก็เป็นบทหักมุมแบบป่วยๆ มากกว่าจะรู้สึกทึ่งว้าวคาดไม่ถึง และสุดท้ายถึงหนังจะพยายามใส่ฉากโหดเลือดสาดตอนท้ายเข้ามาเยอะ แต่ก็เป็นไปตามสูตรเกาหลีนิยมที่ดูแล้วก็เฉยๆ คนร้ายก็ดูป่วยจิตจนเกินจริงไป การตัดสินใจของตัวเอกตอนท้ายก็ดูไม่ค่อยเมคเซนส์ แนะนำเลยว่าถ้าไม่ใช่คอเกาหลีจริงๆ ก็ผ่านเลยดีกว่าจะเสียเวลาไป 2 ชั่วโมงฟรีๆ ที่หนังก็ยาวเกินความจำเป็นไปมากๆ ด้วยครับ
Overall
5/10User Review
( vote)Pros
- ประเด็นการซื้อคอนโดเก็งกำไร
- มีพากย์ไทย
Cons
- บทแย่สร้างเหตุการณ์ได้ไม่สมเหตุผล
- ตัวละครออกโง่ๆ
- หนังยาวเกินจำเป็น
- ตัวละครดูจงใจให้เป็นตัวร้าย
ADBRO
Wall to Wall ฝันร้าย 84 ตร.ม. ภาพยนตร์เกาหลี Original Netflix ชายคนหนึ่งทุ่มเงินที่เก็บออมมาทั้งชีวิตเพื่อซื้อห้องชุดห้องใหม่ แต่กลับเจอเสียงรบกวนที่ดังมาจากผนังห้อง เพื่อนบ้านที่มุ่งร้าย และความลับที่น่าสะพรึงกลัว
รีวิว Wall to Wall ฝันร้าย 84 ตร.ม. (ไม่สปอยล์)
หนังเกาหลี Original Netflix จากผู้กำกับ แค่ทำโทรศัพท์มือถือหาย ทำไมต้องกลายเป็นศพ (Unlocked) ปี 2023 ซึ่งเรื่องก่อนก็ถือว่าใช้ได้เลย เป็นภัยร้ายที่แฝงติดกับชีวิตในปัจจุบันที่คนพึ่งพาแต่มือถือ คราวนี้เขาก็หันมาเล่นเรื่องสะท้อนสังคมอีกแบบ เป็นเรื่องราวของธุรกิจอสังหาที่น่าจะเหมือนกันทั้งโลก นั่นก็คือที่อยู่อาศัยในเมืองราคาแพง ทำให้มีคนหวังปั่นราคากับซื้อเก็งกำไรมากกว่าจะไปอยู่จริง ในกรณีของตัวเอกในเรื่องนี้คือเป็นมนุษย์ออฟฟิสที่อยากหนีออกไปจากงานประจำ เลยทุ่มทุนทั้งหมดซื้อห้องคอนโดที่จะมีรถไฟฟ้าผ่าน แต่กลายเป็นว่าเขาต้องมาพบกับปัญหาเสียงดังรบกวนอย่างหนักจากห้องข้างบน แต่พอไล่ถามไปกลายเป็นว่าทุกคนได้ยินเสียงรบกวนแบบเดียวกันเป็นทอดๆ ขึ้นไปจนไม่รู้ว่าห้องไหนกันแน่ที่เป็นตัวการ กลายเป็นการสืนสวนแบบบ้านๆ ที่พาไปพบกับความลับของคอนโดแห่งนี้ที่ซ่อนอยู่
ฟังดูพล็อตเรื่องมันใช้ได้เลย แต่พอดูจริงนี่เป็นหนังที่บทแย่มากจนเหมือนมีแค่ไอเดียอยากทำหนังสะท้อนปัญหาสังคม+แนวฆาตกรรมที่เกาหลีส่วนใหญ่ชอบหาเรื่องวกมาที่ตรงนี้ทุกที ทำให้เรื่องมันกลายเป็นหนังที่สะท้อนสังคมแบบแย่ๆ โดยเอาประเด็นปัญหามนุษย์ออฟฟิสอยากรวยทางลัดมาเล่น ซึ่งก็คือการเก็งกำไรยุคใหม่อย่างคอนโดกับคริปโต แล้วก็เล่าเรื่องเสียเวลาเป็นชั่วโมงให้ตัวเอกเจอปัญหาเสียงแล้วพยายามหาทางออกจนหมดตัวไปกับอีกอย่างเพิ่มเพื่อสร้างแรงกดดันให้ตัวละครมากขึ้นไปอีก ก่อนที่จะวกมาแนวฆาตกรรมในช่วงหลัง ซึ่งหนังก็พยายามใส่ตัวละครอื่นๆ ให้แต่ละตัวให้ดูหน้าตาบ่งบอกเลยว่าไอ้หมอนี่มันตัวร้ายกับบทที่พยายามหลอกล่อให้ตัวละคนแต่ละตัวน่าสงสัยแบบทื่อๆ แล้วก็หาทางยำบิดเรื่องให้กลายเป็นแนวเลือดสาดตามสูตรหนังเกาหลีนิยมที่ทำออกมาได้ธรรมดามากๆ
หนังมีปัญหาใหญ่คือ บทที่แย่ในแบบที่เหมือนคนเขียน (ซึ่งก็คือผู้กำกับเรื่องนี้) นึกๆ อะไรได้ก็ยัดๆ ใส่เข้าไปให้ตัวเอกมันซวยไปเรื่อย โดยที่ไม่ต้องคำถึงความสมเหตุผลเลยแม้แต่น้อย อย่างเอาง่ายๆ ที่อุดหูหรือหูฟังครอบกันเสียงก็มีให้ใช้ ตัวเอกก็วนเวียนปวดหัวกับเสียงไปเป็นชั่วโมง แล้วอยู่ๆ ก็มีที่อุดหูใส่มาตอนหลังแบบนี้ ซึ่งเหตุการณ์ทั้งหลายในเรื่องนี้ก็แทบไม่มีเหตุผลอะไรเลยนอกจากทำให้ในเรื่องมันดูกดดันตึงเครียด แต่ความจริงคือคนดูกลับต้องมาเครียดแทน แล้วหนังก็ยาวมากถึง 2 ชั่วโมง โดยที่เนื้อหาก็ไม่ได้สนุก เต็มไปด้วยความน่ารำคาญของเนื้อหาซ้ำๆ จากประเด็นเรื่องเสียงแบบเดิมๆ ก่อนจะคิดว่าหักมุมไปทางฆาตกรรมน่าจะเจ๋ง แต่กลับแย่ยิ่งกว่าเพราะเหมือนหมดมุกสุดๆ กับการหาเหตุผลให้ตอนจบเรื่องที่ไม่เข้าท่าเลยสักนิด ยิ่งฉากการตัดสินใจตอนท้ายของตัวเอกก็ดูแล้วรู้สึกว่า เฮ้อ น่าเบื่อสุดๆ ที่ไม่กล้าฉีกแนวไปเลยทั้งๆ ที่ก็มาขนาดนี้แล้วครับ
สรุป
หนังเกาหลีที่เอาประเด็นซื้อคอนโดเก็งกำไรแต่พบปัญหาเรื่องเสียงมาเล่นสะท้อนสังคมให้ดูลุกลามใหญ่จนกลายเป็นแนวฆาตกรรม ถึงพล็อตเรื่องมันจะน่าดู แต่ตัวหนังจริงกลับทำออกมาได้แย่มาก หลักๆ เลยมาจากบทหนังที่พยายามยัดปัญหาถาโถมใส่ตัวเอกแบบลวกๆ เพื่อให้เรื่องมันดูกดดันตึงเครียด แต่มันกลับแทบไม่สมเหตุผลเลยสักอย่าง แล้วตัวละครลูกบ้านคนอื่นก็พยายามให้ดูหน้าตาการแสดงที่โรคจิตกันทั้งนั้น เพียงเพื่อจะให้มาเป็นตัวหลอกว่าใครเป็นคนร้าย แต่บทมันทำไม่ถึง เพราะพอเฉลยมาแม้จะหักมุม 2-3 ตลบ แต่ก็เป็นบทหักมุมแบบป่วยๆ มากกว่าจะรู้สึกทึ่งว้าวคาดไม่ถึง และสุดท้ายถึงหนังจะพยายามใส่ฉากโหดเลือดสาดตอนท้ายเข้ามาเยอะ แต่ก็เป็นไปตามสูตรเกาหลีนิยมที่ดูแล้วก็เฉยๆ คนร้ายก็ดูป่วยจิตจนเกินจริงไป การตัดสินใจของตัวเอกตอนท้ายก็ดูไม่ค่อยเมคเซนส์ แนะนำเลยว่าถ้าไม่ใช่คอเกาหลีจริงๆ ก็ผ่านเลยดีกว่าจะเสียเวลาไป 2 ชั่วโมงฟรีๆ ที่หนังก็ยาวเกินความจำเป็นไปมากๆ ด้วยครับ