รีวิว เขาชุมทอง คะนองชุมโจร Netflix อีสานแหลงใต้ทื่อๆ ที่ไม่ฮาแล้วยังพาเครียดกับบทลวกๆ

เขาชุมทอง คะนองชุมโจร ภาพยนตร์ไทย Original Netflix แนวตลกแอ็กชั่น ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่สอง ผู้นำชุมโจรและพวกพ้องต้องต่อกรกับศัตรูคู่อาฆาตและกองทัพญี่ปุ่น ในภารกิจปล้นรถไฟที่บรรทุกทองคำมหาศาล

รีวิว เขาชุมทอง คะนองชุมโจร

หนังต้นคิดจากหม่ำ จ๊กม๊ก ที่มาให้ผู้กำกับมีชื่ออย่าง วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง ทำ ซึ่งนี่คือการขายชื่อของทั้งคู่เพื่อทำมาหากิน ประมาณว่าขอจับแพ็คคู่กันอีกรอบต่อจาก “เมอร์เด้อเหรอ ฆาตกรรมอิหยังวะ” ที่กระแสดีแม้เรื่องจะแค่พอสอบผ่าน (อ่านรีวิวที่นี่  https://www.playinone.com/folkplay/the-murderer-review-netflix/ ) ซึ่งแน่นอนว่ามันก็น่าสนใจกับการทำหนังภาษาใต้ โดยใช้คนอีสานพูดแหลงใต้ ซึ่งช่วงหลังหนังโรงก็เริ่มฮิตหนังแนวภาษาถิ่นกันหลายเรื่องจนดึงคนมาตีตั๋วดูได้สำเร็จ

แต่เอากันตรงๆ เรื่องนี้คือไม่ผ่านสักอย่าง ตั้งแต่โครงเรื่องที่ หม่ำ จ๊กม๊ก บอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก ‘โกหว่า ทุ่งสง’ โจรแดนใต้ชื่อดัง แล้วก็เอามาให้ผู้กำกับวิศิษฏ์คิดบทให้ คงเพราะโจทย์คือนี่ต้องเป็นหนังตลกไม่ใช่หนังแอ็กชั่นโจรดังอย่างขุนพันธ์ มันเลยกลายเป็นสารตั้งต้นที่บิดแล้วแย่ เพราะเรื่องราวมันก็เหมือนหนังไทยตลกเก่าๆ เดิมๆ ทั่วไป โจรพบรักกับคุณหนูพาหนี สุดท้ายถูกตัวร้ายพากลับมา แล้วเอาโจรเข้าคุกก่อนโกหกคุณหนูว่าโจรตายไปแล้ว จนได้แต่งงานกัน พอแหกคุกได้ก็เลยกลายเป็นความแค้นฝังลึก โดยระหว่างนั้นก็มีลูกบุญธรรมที่เก็บมาเลี้ยงก็เติบโตมารักกับลูกสาวของตัวร้าย ซึ่งจริงๆ ก็คือลูกสาวของพ่อนี่แหละ เลยกลายเป็นความรักต้องห้ามซ้ำรอยเดิม ซึ่งโครงเรื่องมันก็ไม่ใหม่อยู่แล้ว บทในเรื่องก็ยิ่งแย่ไปอีกเมื่อจับเอาโน่นนี่มาผสมกันจนเละเทะ ญี่ปุ่นในเรื่องคือตัวประกอบสุดๆ ที่มีไว้เพื่อให้หนังมันพอมีเรื่องราวประคองไปให้ถึงจุดตัดสินของเรื่องหลักเท่านั้น ซึ่งมันมีแต่น้ำล้วนๆ เนื้อคือตอนท้ายที่เรื่องรักของโจรกับตัวร้ายได้ตัดสินกันเท่านั้น ซึ่งก็จบแบบเชยสุดๆ เข้าไปอีก

หนังพยายามสร้างเส้นเรื่องรองความรักให้พวกกลุ่มโจรมีรักหลายเส้ากันเอง คือเอาจริงๆ มันก็เป็นความพยายามขายบทรองรุ่นลูกให้ดูเด่นที่ดีว่าจะหาทางจบลงยังไงโดยความรักของพวกเขาก็ไปเกี่ยวกับรุ่นพ่อที่เป็นเรื่องหลัก แต่หนังก็แทบไม่ให้บทความรักของลูกมีอะไรที่ลึกมากพอเลย แค่ได้รู้สึกเออแย่งหญิงกัน แล้วก็ทำให้เพื่อนที่เสียหญิงไปหันมาทรยศกันดื้อๆ แล้วพอกลับมาก็พลิกกันง่ายๆ จนกลายเป็นแค่การยัดบทความรักของลูกมาให้มีซีนความรักเชยๆ คนละแบบกับรุ่นพ่อเท่านั้น

ฉากแอ็กชั่นในเรื่องผู้กำกับบอกว่าทำให้เป็นแนวคาวบอยปักษ์ใต้ผสมแฟนตาซี ว่าง่ายๆ คือการเอาสไตล์ของผู้กำกับที่ทำแนวการ์ตูนมาผสมกับฉากเพื่อลดต้นทุนนั่นแหละ โดยแทนที่ฉากจะ CG แต่มาใช้การถ่ายทำแบบเล่นง่ายๆ ตัดต่อใส่คนเข้ากับฉากหลังที่ปลอมมากเหมือนย้อนยุคไปสัก 30-40 ปีแบบนั้นเลย ซึ่งดูแล้วโคตรจะขัดใจว่าดูถูกคนดูเกินไปหน่อยหรือเปล่า แล้วแอ็กชั่นในเรื่องก็แย่ พยายามทำให้มันดูงี่เง่าเพื่อทำให้คนตลก แต่ก็ไม่รู้จะไปขำอะไรจริงๆ อย่างตัวร้ายเอาดาบซามูไรปัดกระสุนได้หมด แต่โดนของเขวี้ยงเข้าหน้าตรงๆ สลบหลบไม่ได้ คือมุกมันทื่อๆ โคตรอภิมหาแป๊ก แต่ก็ไม่แน่ใจว่ารสนิยมคนดูหนังตลกไทยอาจจะขำกับอะไรแบบนี้ก็ได้ครับ

ส่วนจุดขายแหลงใต้โดยคนอีสาน มันก็เป็นไปตามคาดคือแย่ ฟังแล้วเดี๋ยวกลาง เดี๋ยวใต้ปนอีสาน นักแสดงทุกคนไม่ได้มีความสามารถพูดได้อย่างเป็นธรรมชาติทำให้เชื่อได้เลยว่าฝึกมา หรือไม่ก็อาจจะตั้งใจทำให้มันออกมาเป็นแบบนี้เองอยู่แล้ว เพื่อเป็นมุกตลกให้คนฟังแล้วขำสำเนียงภาษาขัดๆ แบบนี้เองก็ได้ แต่ดูจากองค์ประกอบที่แย่หลายๆ อย่างเชื่อเลยว่าน่าจะไม่ได้เตรียมตัวมาดีพอมากกว่า

หนังยังพยายามเอามุกตลกจากประโยคที่มันไม่ตลกมาเล่นซ้ำๆ อย่าง “ประตูมีกลอน คนคอนมีปืน” คือไม่เก็ทเลยว่ามันตลกตรงไหนถึงหยิบมาใช้ซ้ำๆ หลายรอบมาก หรือบทที่ทำเป็นปริศนาตลกๆ ว่าก่อนตายพ่อของนิกกี้สั่งเสียว่า “อื้อ” ที่ไม่รู้ว่าคืออะไร แล้วก็เอามาเล่นซ้ำๆ เป็นมุกที่ยิ่งใช้ยิ่งฝืด เพื่อจะไปให้มันตลกตอนเฉลยในเอนด์เครดิต ซึ่งก็ยอมรับว่านี่เป็นมุกที่ทำให้ขำได้ที่สุดแล้ว แต่มันก็ดูเหนื่อยมากกว่าจะพามาขำได้ กลายเป็นหนังที่ต้องใช้ความพยายามไปขุดเส้นหัวเราะคนดูจนเหนื่อยสุดๆ

สรุป

นี่เป็นหนังที่พยายามจะตลกแบบมักง่ายจากผู้สร้างดัง หม่ำ จ๊กม๊ก + วิศิษฏ์ ศาสนเที่ยง เป็นผลงานที่เอาชื่อทั้งคู่มาขายมากกว่าความปราณีตใส่ใจในงานที่ไม่ดีพอเลยสักอย่าง ตั้งแต่เนื้อเรื่องโจรใต้ในตำนานที่เอามายำกับเส้นเรื่องรักต้องห้ามแบบละครไทยเชยๆ รุ่นลูกก็ทำเส้นเรื่องรักออกมาได้ทื่อๆ แค่ยัดให้เรื่องมันดูซับซ้อนแบบลวกๆ ไม่เข้าถึงอารมณ์ได้เลย ฉากแอ็กชั่นที่พยายามขายแนวแบบต้นทุนต่ำใช้ฉากหลังปลอมซ้อนมาแบบหยาบๆ ก็แย่ เป็นเหมือนการตั้งใจลดต้นทุนโดยใช้เครดิตสไตล์กำกับหนังฟ้าทะลายโจรของผู้กำกับมาใช้ในยุคที่คุณมีทุนหนาจากเน็ตฟลิกซ์ แต่หาเรื่องลดงบเอากำไรเข้าตัวมากกว่าจะเป็นงานที่ตั้งใจลดคอร์สแบบปราณีตจริงๆ ในอดีต อีกทั้งมุกตลกในเรื่องก็ฝืดสุดๆ พยายามเล่นมุกซ้ำที่แป๊กแล้วแป๊กอีกจนคนดูยังเหนื่อยแทนว่าจะให้ขำอะไร ฉากนี้มันต้องขำหรือ? และจุดขายแหลงใต้โดยคนอีสาน+กลางก็ดูแล้วไม่ได้ฝึกกันมาดีพอเลยจริงๆ เหมือนแค่อยากหาทางเปิดตลาดหนังภาษาถิ่นแบบปลอมๆ เท่านั้นเองครับ บายเลยดีกว่า และเสียดายที่สุดที่ผู้กำกับขวัญใจในอดีตกลายมาเป็นคนทำหนังที่มีทุนแล้ว ไม่ต้องกลัวขาดทุนแบบตอนทำหนังโรงด้วย แถมมีผู้ชมวงกว้างดูจนขึ้นอันดับ 1 แน่นอน แต่กลับทำหนังที่หันมาทำลายเครดิตตัวเองลงเรื่อยๆ แบบนี้ครับ…. 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่