รีวิว The Resurrected (Netflix) ไม่ใช่แนวผี แต่เน้นตีแผ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ละเอียดยิบ!

The Resurrected
Summary
ซีรีส์ไต้หวันที่พล็อตเรื่องฉาบหน้าถูกทำให้คิดว่าเป็นแนวผีสยองขวัญ แต่เรื่องจริงกลับเป็นแนวการตีแผ่ความชั่วร้ายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบละเอียดยิบ โดยใช้การถ่ายทำในไทยทั้งหมดให้เป็นเมืองสมมุติเหมือนแหล่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศติดกันจริงๆ แต่ภาษาทุกอย่างคือไทยทั้งหมดไม่ได้เปลี่ยนไปเลย รวมถึงใช้นักแสดงไทยเวียร์กับแพทริคมาเล่นได้ดีสมบทบาท แถมต้องพูด 3 ภาษา ไทย จีน อังกฤษ สลับไปมา (แนะนำว่าให้ดูแบบซับไทยจะดีสุด) ซึ่งเรื่องใช้การคืนชีพ 7 วันมาเป็นแค่จุดเริ่ม แต่ก็ไม่ได้ไปทำในแนวผีหลอกแม้แต่นิดเดียว ทั้งเรื่องคือการวางแผนเอาคืนของเหยื่อแก๊งคอลที่เป็นแม่ 2 คนที่ลูกถูกกระทำ โดยพยายามหาความจริงจากอาชญากรที่เธอคืนชีพมา ก่อนค่อยๆ ค้นพบว่าความจริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกของพวกเธอมีอะไรมากกว่านั้น ซึ่งเรื่องโยงใยถึงเบื้องหลังแก๊งฟอกเงินใหญ่โตเกี่ยวพันถึงการเมืองระดับประเทศ ซีรีส์เน้นเล่าเรื่องด้วยแผนการหักเหลี่ยมเชือดเฉือนกันระหว่างเหยื่อที่ถูกกระทำกับอาชญากรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และก็ตีแผ่ความโหดร้ายของแก๊งคอลแบบละเอียดยิบถึงการทำงานในแต่ละขั้นได้ดีมาก แต่ว่าการที่เรื่องถูกเล่าด้วยแผนการซับซ้อนมากมายก็ทำให้มีช่องโหว่ไม่สมเหตุผลหลายอย่างไปพร้อมกัน โดยเฉพาะการคืนชีพที่มีเวลาแค่ 7 วันในเรื่องแทบจะถูกปัดตกออกจากวันเวลาจริงไปหมด ซึ่งจะมองข้ามก็พอได้ แต่มันก็มีปัญหาใหญ่ที่เห็นได้ชัดจริงๆ จากบทที่พยายามหักมุมมากจนเกินไปแบบนี้ และเรื่องก็ขยายลากยาวไปไม่จบในซีซั่นเดียวด้วยครับ
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- ตีแผ่แก๊งคอลเซ็นเตอร์ไต้หวัน
- ถ่ายทำในไทยใช้นักแสดงไทย
- ฉากโหดร้ายรุนแรงเยอะ
- การเล่าเรื่องซับซ้อนหักมุมเยอะ
- มีพากย์ไทย
Cons
- บทตั้งใจหักมุมเยอะเกินไปจนหลายอย่างไม่สมเหตุผล
- พล็อตคืนชีพ 7 วันแทบไม่มีเอาไปใช้
- ไม่จบในซีซั่นเดียว
ADBRO
The Resurrected ปลุกชีพคืนวิญญาณ ซีรีส์ Original Netflix ไต้หวัน 9 ตอนจบซีซั่นแรก แม่ผู้โศกเศร้าสองคนชุบชีวิตหัวหน้าแก๊งมิจฉาชีพขึ้นมา เพื่อแก้แค้นให้กับลูกสาว แต่เมื่อความจริงอันเจ็บปวดค่อยๆ เผยออกมา ความยุติธรรมก็เริ่มไกลเกินเอื้อม
รีวิว The Resurrected ปลุกชีพคืนวิญญาณ
ซีรีส์ไต้หวันที่มาถ่ายทำในไทย แต่ใช้ชื่อเป็นเมืองสมมุติว่า “บังข่า” เหตุผลน่าจะมาจากการท่องเที่ยวของไทยเองที่ป้องกันปัญหาเครดิตแง่ลบจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งเรื่องนี้ก็คือการเอาโลเกชั่นไทยไปสมมุติเป็นเหมือนเมืองแก๊งคอลในประเทศข้างๆ ซึ่งเราคนไทยเองดูก็ค่อนข้างสับสนเพราะตัวละครต่างๆ นอกจากคนไต้หวันที่เป็นตัวหลักนอกนั้นก็พูดไทยกันทั้งนั้น แถมพื้นที่ถ่ายทำก็เป็นในกรุงเทพนี่เอง ไม่ใช่สมมุติเป็นประเทศอื่นด้วย แต่เอาว่าถ้าเราตัดเรื่องความสับสนของเมืองสมมุตินี่ไปมองว่าเป็นไทยเลยก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะซีรีส์ก็เล่าเรื่องของแก๊งคอลจากไต้หวันที่มาหากินที่นี่ ไม่ใช่คนไทยไปทำแก๊งคอลเอง ซึ่งพล็อตเรื่องปลุกคนตายฟื้นคืนมาเป็นเหมือนแค่น้ำจิ้มในตอนแรกเท่านั้น ซีรีส์เอาไสยศาสตร์ของไทยมาใช้เป็นตัวเปิดเรื่อง แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรื่องนี้เป็นแนวผีเลยแม้แต่นิดเดียว
ซีรีส์เริ่มเรื่องจากคดีที่หัวหน้าแก๊งคอลถูกศาลตัดสินประหารชีวิต แต่แม่สองคนที่ลูกสาวตกเป็นเหยื่อมองว่ามันตายสบายไปเลยเอาไปให้เจ้าแม่ไสยศาสตร์ปลุกมันขึ้นมากะทรมานให้สาสม แต่แล้วเรื่องกลับค่อยพลิกเล่าไปในแนวทางการสืบคดีลูกสาวพวกเธอที่ตายไปแบบมีพิรุธว่าทำไม คนหนึ่งถูกทรมานอย่างหนักจนตาย อีกคนโคม่านอนเป็นผักเป็นผักบนเตียง อีกคนที่รอดชีวิตก็บอกว่าตัวเองเป็นฮีโร่ที่หาทางแจ้งตำรวจเข้ามาช่วยเหลือได้ ซึ่งเรื่องค่อยๆ เล่าเหตุการณ์ที่ทั้งหมดถูกหลอกเข้ามาติดกับดักแก๊งนี้ นี่คือซีรีส์ที่เน้นเล่าเรื่องราวเหยื่อที่ถูกแก๊งอาชญากรรมนี้เอามาค้ามนุษย์และใช้งานจนตายได้อย่างละเอียด โหดร้ายทารุณ แถมยังลงลึกถึงเล่ห์เหลี่ยมต่างๆ ที่หลอกให้เหยื่อทำงานให้จนกลายเป็นขบวนการเดียวกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่มันก็คือเรื่องจริงที่เหยื่อหลายคนกลายเป็นมิจฉาชีพซะเอง
เรื่องเล่าด้านมืดของอาชญากรรมผ่านตัวละครแม่สองคนที่นิสัยใจคอต่างกันมาก แต่ทั้งคู่ต่างมีความเชื่อในตัวลูกสาวของตัวเองว่าเป็นคนบริสุทธิ์ จนกระทั่งหลักฐานต่างๆ ค่อยเผยออกมาทำให้ทั้งคู่ไม่แน่ใจ โดยมีหัวหน้าแก๊งคอลที่ถูกปลุกชีพขึ้นมาค่อยๆ ให้ข้อมูลเชื่อมโยงไปเรื่อยๆ โดยที่แม่สองคนนั้นก็พยายามจะให้มันชดใช้เงินกลับมาให้ได้เพราะก่อนถูกประหารได้โอนเงินไปให้แม่ของมันเองจนหมด โดยเรื่องได้ขยายขอบเขตของอาชญากรรมแก๊งคอลไปสู่เส้นทางการฟอกเงินที่ใหญ่กว่า ผ่านลัทธิที่เชื่อมโยงการเมืองเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งไปไกลมากจนกลายเป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องแนวอาชญากรรมผสมการเมืองระดับประเทศว่าพวกนี้เกี่ยวข้องกันได้ยังไง โดยมีข้อมูลลึกถึงการใช้คริปโตฟอกเงินที่เรื่องเอามาเป็นปมใหญ่ในตอนท้ายขยายไปยังซีซั่น 2 ได้อีก
สิ่งที่ซีรีส์เรื่องนี้ทำได้ดีมากคือการลงลึกถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบจริงจัง โดยวางบทบาทตัวละครครอบครัวเหยื่อกลับมาแก้แค้นโดยการหาทางหลอกเครือข่ายแก๊งคอลที่เหลืออยู่ ซีรีส์ทำให้เรื่องนี้กลายเป็นแนววางแผนหักมุมกันหลายตลบ มีทั้งการใช้เล่ห์เหลี่ยมแบบเดียวกันมาเล่นงานฝ่ายมิจฉาชีพเอง แต่ด้วยความที่เรื่องกลายเป็นแนววางแผนซ้อนแผน ซีรีส์จึงเหมือนไปไกลจากพล็อตคืนชีพอาชญากร 7 วันตอนแรก โดยแทบละทิ้งวันเวลาในเรื่องไปเลย ทั้งเรื่องพยายามเล่าเป็นแผนการตีโต้กลับของฝ่ายแม่พร้อมกับสืบคดีลูกสาวของตัวเองไปพร้อมกัน ทำให้เรื่องมีจุดบอดช่องโหว่มากมายในการเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งถ้าดูแบบไม่คิดมากก็พอหยวนๆ มองข้ามได้ แต่ยังไงก็ต้องรู้สึกว่าเรื่องราวที่วางแผนมากมายนี่น่าจะเกิน 7 วันไปถึงเป็นเดือนแน่ๆ แล้วยังแผนการต่างๆ ที่มีตัวละครมากมายมาร่วมด้วยยิ่งยากที่จะเชื่อว่ามาจากสองคนนี้คิดวางแผนเองได้ในเวลาอันสั้นแบบนี้ครับ
ส่วนตัวนักแสดงซูฉีและหลี่ซินเจี๋ย เป็นดาราดังระดับท็อปของไต้หวันอยู่แล้วทั้งคู่ไม่มีปัญหากับการเล่นบทเหยื่อที่พยายามเอาคืนกลับจากความแค้นจนทำให้เรื่องไปไกลขึ้นเรื่อยๆ แต่เรื่องนี้จุดเด่นจริงๆ ของคนไทยคือมี เวียร์กับแพทริค ณัฐวรรธ์ ฟิงค์เลอร์ ซึ่งทั้งคู่ก็ก้าวเข้ามารับบทสมทบ แต่ก็เกี่ยวข้องกับตัวละครหลักแม่ทั้งสองคน ซึ่งในเรื่องนี้ต้องใช้หลายภาษามี ไทย จีนกลาง อังกฤษ คุยกันกับตัวละครไต้หวัน แนะนำให้ดูแบบซับไทยจะดีสุดได้เห็นการสลับภาษาไปมา เวียร์ใช้ไทยกับอังกฤษคุยในฐานะเหยื่อคนหนึ่งที่เข้ามาร่วมติดในขบวนการแก๊งคอลด้วยและพยายามชดใช้สิ่งที่ก่อไว้ โดยเวียร์มีบทบาทที่สำคัญมากกับเรื่องมากกว่าแค่ตัวละครสมทบและแสดงได้ดีสมบทบาทจริงๆ โดยเฉพาะตอนเปิดตัวที่พลิกบทบาทในตอนกลางเรื่อง
ส่วน แพทริค ณัฐวรรธ์ ฟิงค์เลอร์ เป็นนักแสดงหน้าใหม่ในวงการของไทยพอสมควร แต่จริงๆ เขาดังมากที่ต่างประเทศโดยเฉพาะแฟนคลับชาวจีน ซึ่งความเป็นลูกครึ่งหน้าตาหล่อเหลาของเขาก็มารับบทเป็นหนุ่มบาร์โฮสที่ทำงานหลอกผู้หญิงได้อย่างสมบทบาทมาก ซีรีส์วางบทให้เขาลึกมากกว่าแค่นั้นโดยเป็นทั้งตัวละครที่มีดีมีร้ายในตัวและเข้ามาเป็นมากกว่าแค่มิจฉาชีพรับจ้างเพื่องานหลอกลวงลูกสาวเจ้าแม่แก๊งคอล ซึ่งเรื่องทำช่วงเวลานี้ได้ดีสมจริงชนิดที่ว่าเหมือนการเปิดโปงมิจฉาชีพหลอกให้รัก (Romance Scam) ซึ่งยากที่ใครจะไม่เชื่อถ้าโดนหลอกขนาดนี้ได้ แล้วการพูดได้ 4 ภาษา ไทย อังกฤษ จีน เยอรมัน ของเขาก็ถูกนำเข้ามาใช้เป็นบทบาทในเรื่องที่ทำให้เขาได้ใช้ความสามารถนี้จริงๆ ด้วยครับ (แต่ต้องดูแบบซับไทย)
สรุป
ซีรีส์ไต้หวันที่พล็อตเรื่องฉาบหน้าถูกทำให้คิดว่าเป็นแนวผีสยองขวัญ แต่เรื่องจริงกลับเป็นแนวการตีแผ่ความชั่วร้ายของแก๊งคอลเซ็นเตอร์แบบละเอียดยิบ โดยใช้การถ่ายทำในไทยทั้งหมดให้เป็นเมืองสมมุติเหมือนแหล่งแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศติดกันจริงๆ แต่ภาษาทุกอย่างคือไทยทั้งหมดไม่ได้เปลี่ยนไปเลย รวมถึงใช้นักแสดงไทยเวียร์กับแพทริคมาเล่นได้ดีสมบทบาท แถมต้องพูด 3 ภาษา ไทย จีน อังกฤษ สลับไปมา (แนะนำว่าให้ดูแบบซับไทยจะดีสุด) ซึ่งเรื่องใช้การคืนชีพ 7 วันมาเป็นแค่จุดเริ่ม แต่ก็ไม่ได้ไปทำในแนวผีหลอกแม้แต่นิดเดียว ทั้งเรื่องคือการวางแผนเอาคืนของเหยื่อแก๊งคอลที่เป็นแม่ 2 คนที่ลูกถูกกระทำ โดยพยายามหาความจริงจากอาชญากรที่เธอคืนชีพมา ก่อนค่อยๆ ค้นพบว่าความจริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับลูกของพวกเธอมีอะไรมากกว่านั้น ซึ่งเรื่องโยงใยถึงเบื้องหลังแก๊งฟอกเงินใหญ่โตเกี่ยวพันถึงการเมืองระดับประเทศ ซีรีส์เน้นเล่าเรื่องด้วยแผนการหักเหลี่ยมเชือดเฉือนกันระหว่างเหยื่อที่ถูกกระทำกับอาชญากรแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และก็ตีแผ่ความโหดร้ายของแก๊งคอลแบบละเอียดยิบถึงการทำงานในแต่ละขั้นได้ดีมาก แต่ว่าการที่เรื่องถูกเล่าด้วยแผนการซับซ้อนมากมายก็ทำให้มีช่องโหว่ไม่สมเหตุผลหลายอย่างไปพร้อมกัน โดยเฉพาะการคืนชีพที่มีเวลาแค่ 7 วันในเรื่องแทบจะถูกปัดตกออกจากวันเวลาจริงไปหมด ซึ่งจะมองข้ามก็พอได้ แต่มันก็มีปัญหาใหญ่ที่เห็นได้ชัดจริงๆ จากบทที่พยายามหักมุมมากจนเกินไปแบบนี้ และเรื่องก็ขยายลากยาวไปไม่จบในซีซั่นเดียวด้วยครับ