The Monster of Florence (Netflix) สืบสวนคดีจริงแบบราโชมอนที่ยังปิดไม่ลง!

The Monster of Florence ปีศาจแห่งฟลอเรนซ์ ลิมิเต็ดซีรีส์ 4 ตอนจบ ดราม่าอาชญากรรมแนว True Crime จากอิตาลี สร้างจากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่โด่งดังที่สุดในประวัติศาสตร์อิตาลี ช่วงปี 1968-1985 และยังไม่คลี่คลาย ขณะเจ้าหน้าที่สืบสวนตามล่าฆาตกรที่ลงมือฆ่าคู่รัก 8 คู่ที่ลงมือยิงและเฉือนอวัยวะของหญิงสาวอย่างวิปริต

รีวิว The Monster of Florence ปีศาจแห่งฟลอเรนซ์

ซีรีส์จากเรื่องจริงที่ยังไม่คลี่คลาย แต่ก็มีเรื่องราวลงลึกในคดีฆาตกรรมที่แปลกประหลาดเฉพาะตัวมาก ด้วยการเล่าเรื่องราวย้อนอดีต 17 ปีแห่งการสืบสวนคดีฆาตกรรมที่วนเวียนอยู่รอบตัวกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่มีทั้งเรื่องชู้รัก ความรุนแรงในครอบครัว การฆ่าคนในครอบตัวเพื่อเกียรติ (honor killing) ชีวิตเกย์ที่ต้องปิดบัง และพยานเด็กน้อยเพียงคนเดียวจากคดีแรกที่เห็นคนร้าย แต่ก็ไม่สามารถระบุตัวได้ชัดเจน เนื่องจากความทรงจำวัยเด็กจนถึงผู้ใหญ่ที่ขาดหายไป

ซีรีส์เลือกเล่าเรื่องโดยการย้อนอดีตจากคดีในช่วงหลังกลับไปคดีแรกที่ตำรวจจับคนร้ายผิดตัวไป โดยไปสืบสวนเหยื่อที่พ้นโทษนั้นมาแล้ว ซึ่งเขาก็มารับสารภาพภายหลังว่ายอมรับไปเพื่อช่วยเหลือใครบางคน ก่อนที่เรื่องจะเล่าโดยการแยกทั้ง 4 ตอนเป็นตัวละครคนละคนที่ถูกต้องสงสัยด้วยพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ทั้งหมด ซึ่งมันแปลกประหลาดมากว่าทุกคนมีความเชื่อมโยงถึงกัน เป็นคนที่เกี่ยวข้องกันทางใดทางหนึ่ง โดยเหมือนเป็นการสมคบคิดวางแผนฆาตกรรมที่ยาวนานและฉลาดหลักแหลมมาก ต่างจากฆาตกรในคดีอื่นทั่วโลกที่มักจะเป็นการลงมือเดี่ยวและซ่อนตัว แต่คดีนี้ฆาตกรจะท้าทายตำรวจที่สืบด้วยการฆ่าคนหลังจากที่ตำรวจจับคนผิดไปด้วย ทำให้การจับกุมใครแต่ละครั้งกลายเป็นความเสี่ยงครั้งใหญ่ให้วงการตำรวจอิตาลีเช่นกัน

ซีรีส์สร้างบรรยากาศการเล่าเรื่องย้อนยุคได้สมจริงมากเก็บทุกรายละเอียดได้หมดจรด โดยสลับมุมมองตัวละคร วิ่งควบคู่กับการสืบสวนและภาพแฟลชแบ็คให้เห็นหลายความจริงตามมุมมองแต่ละคน สร้างความตึงเครียดและบรรยากาศไม่ไว้วางใจได้อย่างเข้มข้นสมจริง โดยที่แต่ละเรื่องเล่าก็มีประเด็นที่แตกต่างกันไป เริ่มจากการถูกหักหลังทรยศจากภรรยาที่มีชู้รักเปิดเผย ก่อนพัฒนากลายเป็นเรื่องราวแบบอื่นที่วงสืบสวนค่อยๆ แคบลงเรื่อยๆ ซึ่งสิ่งที่ดูไปในตอนแรกจะถูกอธิบายในตอนหลังด้วยอีกมุมมองที่ต่างออกไปคนละขั้วกันเลย และดูเป็นไปได้จริงมากกว่า บางช่วงที่เป็นแค่การจำลองฉากฆ่ากลับสยองมากกว่าฉากฆ่าจริงๆ ในเรื่องมาก เมื่อเราไม่รู้ว่าฆาตกรจริงๆ เป็นใครกันแน่ ทำให้ผู้ต้องสงสัยแต่ละคนก็ถูกทำให้เชื่อได้ว่าเป็นฆาตกรจริงๆ ไม่ใช่แค่การที่ตำรวจจับแพะเพื่อปิดคดี แต่ในเรื่องนี้ตำรวจทำเต็มที่สุดฝีมือแล้วจริงๆ โดยมีอัยการผู้หญิงเป็นคนนำสืบคดีที่ทำให้คนร้ายยิ่งทาทายเธอมากขึ้นจนถึงขนาดส่งอวัยวะของเหยื่อที่ฆ่ามาให้ถึงที่ทำงานเลย ซึ่งนี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นด้วย

แต่เรื่องก็มีปัญหาใหญ่จากการเล่าเรื่องย้อนยุคสลับไปมากับปัจจุบันที่กำลังสืบสวนบ่อยมาก แถมยังใช้แนวการเล่าเรื่องแบบราโชมอนที่แตกต่างกันในเรื่องเดียวกัน ทำให้หลายช่วงดูสับสนว่าเป็นเหตุการณ์ตอนไหน ช่วงเวลาไหน จนทำให้เรื่องราวดูเข้าใจยากไม่ลื่นไหลไปตามลำดับ และด้วยความจริงที่คดีนี้ยังไม่จบทำให้รู้สึกว่าซีรีส์จงใจหาประโยชน์จากโศกนาฏกรรมที่ยังไม่ยุติมาสร้างเรื่องราวเป็นของตนเอง คล้ายๆ ซีรีส์ Monster ของอเมริกาที่โด่งดังจากการลงลึกไปในเรื่องราวของฆาตกรจนดูน่าสงสาร ซึ่งตอนจบของคดีนี้ทิ้งปมที่พอเชื่อจนเกือบฟันธงได้ว่าใครคือคนร้าย แต่มันก็ไม่ใช่ข้อเท็จจริงอยู่ดีครับ

สรุป

ซีรีส์สืบสวนจากเรื่องจริงของอิตาลีที่มีความคล้ายคลึงกับซีรีส์ MONSTER ที่ทำเรื่องราวฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังของอเมริกา ตรงที่เน้นเล่าเรื่องราวของฆาตกรแบบละเอียดลงลึกถึงบาดแผลความเจ็บปวดที่ผลักดันให้มาก่อคดีฆ่าต่อเนื่องอันน่าสะพรึงกลัว แต่เรื่องนี้เล่าเรื่องจากหลายมุมมองของผู้ต้องสงสัยที่ถูกตำรวจจับผิดไปแล้วมีความเกี่ยวข้องกันพัวพันกับต้นตอหลายอย่างมาก ทั้งเรื่องชู้รัก ความรุนแรงในครอบครัว การฆ่าคนในครอบครัวเพื่อเกียรติ (honor killing) ชีวิตเกย์ที่ต้องปิดบัง และพยานเด็กน้อยเพียงคนเดียวจากคดีแรกที่เห็นคนร้าย แต่ก็ไม่สามารถระบุตัวได้ชัดเจน เนื่องจากความทรงจำวัยเด็กจนถึงผู้ใหญ่ที่ขาดหายไป ซึ่งเรื่องราวจะแยกเป็น 4 ตอนที่มีความแตกต่างกันจากมุมมองของแต่ละคนในเรื่องเดียวกันแบบ “ราโชมอน” ทำให้เรื่องมีมุมมองการเล่าที่แปลกแตกต่างจากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องปกติที่มักมีคนร้ายแค่คนเดียวหรือสองคน แต่จุดนี้เองก็ทำให้เรื่องค่อนข้างดูยาก เพราเป็นการเล่าตัดสลับฉากย้อนอดีตไปมาในแต่ละยุคจากหลายมุมมอง และด้วยความที่คดียังไม่จบจริง แม้ว่าตอนท้ายจะตีวงแคบมากๆ ว่าใครเป็นฆาตกรตัวจริง แต่มันก็ยังไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่พิสูจน์ได้อยู่ดี แต่ก็เหมาะมากกับผู้ชมที่ชอบแนวสืบสวนจริงจังจากคดีจริงครับ

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่