รีวิว A Man on the Inside SS2 (Netflix) ยังคงธีมสูงวัยตลกน่ารักอบอุ่นได้ดี แต่คดีน่าสนใจน้อยลง
A Man on the Inside SS2
Summary
ซีรีส์ที่ยังคงความตลกน่ารักและอบอุ่นถ่ายทอดมุมมองเรื่องราวทุกแง่มุมของผู้สูงอายุไว้ได้ดี โดยนำตัวละครเก่ามาพัฒนาเรื่องราวเชื่อมไปยังสถานที่ใหม่ได้อย่างลงตัว จากเพื่อนในบ้านพักคนชรากลายมาเป็นสายลับร่วมทีมสืบสวนที่สนุกตลกและพัฒนาความสัมพันธ์ให้มากขึ้น พร้อมเพิ่มตัวละครใหม่ที่น่าสนใจอย่างนางเอกอายุ 74 ที่ยังสวยเด่นน่ารัก และก็ทำให้เป็นเรื่องราวความรักที่มาพร้อมกับปัญหาของผู้สูงอายุรอบด้านอย่างจริงจัง และยังลงลึกถึงอดีตของจูลี่นายจ้างชาร์ลส์ที่มีปัญหาเติบโตมากับแม่ที่เป็นอาชญากรต้มตุ๋นจนทำให้เธอบ้านแตกตั้งแต่เด็ก ซึ่งเรื่องราวชีวิตเหล่านี้ทำให้เรื่องดูสนุกในความสัมพันธ์และพัฒนาการของตัวละครมากกว่าคดีที่ตามสืบที่ดูน่าสนใจน้อยลงเนื่องจากไม่ได้ผูกโยงกับปัญหาผู้สูงอายุแบบเดิม ทำให้ไม่ลึกซึ้งหรือเข้มข้นเท่าซีซั่นแรก แต่ยังคุ้มค่าที่จะดูสำหรับแฟนซีรีส์แนวคอมเมดี้ดราม่าที่เน้นตัวละครและความสัมพันธ์ พร้อมมุขตลกชวนยิ้มและบรรยากาศสบายๆ ที่ทำให้รู้สึกดีครับ
Overall
7/10User Review
( votes)Pros
- ยังคงธีมความน่ารักตลกอบอุ่นแบบเดิมได้ดี
- พัฒนาความสัมพันธ์ตัวละครจากซีซั่นแรกได้อย่างต่อเนื่อง
- ตัวละครใหม่เต็มไปด้วยความน่าสนใจ
- เรื่องราวปัญหาผู้สูงอายุรอบด้าน
- มีพากย์ไทย
Cons
- คดีไม่ได้ผูกโยงกับเข้ากับปัญหาผู้สูงอายุจนค่อนข้างธรรมดาไป
- เน้นมุกตลกจงใจล้อเลียนการมาของ AI จนเกินไป
ADBRO
A Man on the Inside SS2 สายสืบวงในวัยเก๋า ซีรีส์ Original Netflix จำนวน 8 ตอนแนวตลกคอมเมดี้ เล่าเรื่องของ ชาร์ลส์ พ่อม่ายวัยชราที่กำลังฝึกงานเป็นนักสืบ และครั้งนี้เขาต้องรับคดีใหม่ในมหาวิทยาลัย โดยปลอมตัวเข้าไปเป็นอาจารย์เพื่อสืบหาคนร้าย ซึ่งผู้ต้องสงสัยทั้งหมดก็เป็นอาจารย์ด้วยกันเอง
รีวิวซีซั่นแรก https://www.playinone.com/folkplay/a-man-on-the-inside-review-netflix/
รีวิว A Man on the Inside SS2
นี่คือซีรีส์นักสืบรุ่นเก๋าที่ซีซั่นแรกสร้างความเซอร์ไพรส์ด้วยการผสมผสานหลายองค์ประกอบเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ในซีซั่น 2 เรื่องราวย้ายฉากไปยังมหาวิทยาลัยขนาดเล็ก เมื่ออธิการบดีว่าจ้างให้ชาร์ลส์ตามหาโน้ตบุ๊กที่หายไป พร้อมรับมือกับอีเมลขู่แฉว่าเขารับเงินจากนายทุนยักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยีเพื่อพยุงมหาวิทยาลัยไม่ให้ถูกปิดตัวลง ทำให้ชาร์ลส์ต้องปลอมตัวเป็นอาจารย์แล้วสืบหาความจริงจากเหล่าอาจารย์ด้วยกันเอง
แม้จะเป็นเคสใหม่และสถานที่ใหม่ แต่ซีซั่น 2 ยังคงต่อยอดความสัมพันธ์และพัฒนาการของตัวละครจากซีซั่นแรกอย่างใกล้ชิด เหล่าตัวละครจากบ้านพักคนชราที่ผู้ชมคุ้นเคยกลับมาเป็นทีมสืบสวนคู่ใจของชาร์ลส์ รวมถึงดีดี้ ผู้จัดการบ้านพักที่ไม่ถูกกับจูลี่ เจ้านายของชาร์ลส์ ซึ่งความขัดแย้งทั้งคู่ยังคงถูกเล่าอย่างต่อเนื่อง การดึงตัวละครเก่ากลับมาแล้วพัฒนาความสัมพันธ์ให้ลึกขึ้นถือเป็นการตัดสินใจที่ดี เพราะช่วยรักษาเสน่ห์ของซีรีส์และตอบโจทย์ผู้ชมที่ไม่อยากให้ซีรีส์เปลี่ยนทีมตัวละครใหม่ทุกซีซั่น
หนึ่งในจุดเด่นของเรื่องคือการนำตัวละครกลับมาขยายมุมลึก ๆ อย่างการเปิดเผยเหตุผลที่ทำให้จูลี่เป็นคนขวางโลกจนเข้ากับดีดี้ไม่ได้ ซึ่งเรื่องได้ย้อนกลับไปเล่าช่วงวัยเด็กที่เธอมีปัญหากับแม่จนส่งผลมาถึงปัจจุบัน แม่ของเธอเองก็เป็นตัวละครใหม่ที่มีปมสะสมมายาวนานระหว่างแม่ลูกจนยากจะเยียวยา ชาร์ลส์จึงกลายเป็นคนที่เข้ามาเชื่อมรอยร้าวนี้ในแบบเดียวกับซีซั่นแรกที่เขามีปัญหากับลูกสาว เพียงแต่บริบทในครั้งนี้ต่างออกไป เพราะแม่ของจูลี่ในอดีตเคยเป็นอาชญากรต้มตุ๋นที่กลับใจแล้ว แต่ลูกสาวยังไม่ให้อภัย ซึ่งเรื่องก็ผูกให้เธอกลายเป็นหนึ่งในทีมสืบสวนครั้งนี้อย่างแนบเนียน พร้อมขยับความสัมพันธ์แม่ลูกให้ค่อยๆ คลี่คลายไปในตัว
ซีรีส์ยังเพิ่มตัวละครใหม่ซึ่งเปรียบเสมือน “นางเอก” คือครูสอนดนตรีวัย 74 ปีที่ตกหลุมรักชาร์ลส์วัย 76 ตั้งแต่แรกพบ โดยนักแสดง Mary Steenburgen วัย 72 ปีรับบทนี้ได้สดใสร่าเริงมากอย่างไม่น่าเชื่อ คาแรกเตอร์ของเธอช่างตัดกันสุดขั้วกับความสุขุมและระมัดระวังเกินเหตุของชาร์ลส์ ทำให้เรื่องราวความรักสูงวัยนี้เต็มไปด้วยความอบอุ่นและหวานแบบขำ ๆ ที่ทำให้ทั้งคู่ราวกับกลับไปเป็นวัยรุ่นอีกครั้ง แต่ในขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยโจทย์ท้าทาย เพราะทั้งคู่ไม่ใช่วัยที่จะ “ลองคบกันเล่น ๆ” ได้อีกแล้ว แถมยังมีความรู้สึกของลูกสาวชาร์ลส์ที่อาจกังวลว่าพ่อกำลังลืมแม่ผู้ล่วงลับ เป็นประเด็นที่ซีรีส์หยิบมาถ่ายทอดอย่างเข้าใจและน่ารักแบบเดียวกับซีซั่นแรก
ในส่วนของคดี ซีซั่นนี้ถือเป็นงานแรกที่ชาร์ลส์ได้ทำหน้าที่นักสืบจริงจัง ไม่ใช่คดีจับชู้ที่เขาเบื่อเต็มที จึงมีการใส่มุมมอง “ความอยากเป็นสายลับ” ของเขาลงไปอย่างสนุกสนาน ตั้งแต่การวางแผนโจรกรรมแบบหนัง MI6 การตั้งฉายาให้ทีมเฉพาะกิจ ไปจนถึงฉากจินตนาการตลก ๆ ที่ซีรีส์สร้างขึ้นให้ผู้ชมได้ขำ แม้หลายอย่างจะโดนจูลี่เบรกไว้ แต่ความตลกเบาสมองก็ยังทำงานได้ดี อย่างไรก็ตาม ในด้านความลึกของคดีสอบสวน ซีซั่นนี้ยังสู้ซีซั่นแรกไม่ได้ เพราะไม่ได้มีไอเดียเฉียบคมแบบที่เชื่อมโยงกับประเด็นโรคอัลไซเมอร์ จึงเหลือเพียงคดีธรรมดาที่มีหักมุมเล็กน้อยในตอนท้าย ทำให้ไม่ประทับใจเท่าซีซั่นก่อนนัก
สรุปคือ ซีรีส์ A Man on the Inside SS2 เป็นซีรีส์ที่ยังคงความตลกน่ารักและอบอุ่นถ่ายทอดมุมมองเรื่องราวทุกแง่มุมของผู้สูงอายุไว้ได้ดี โดยนำตัวละครเก่ามาพัฒนาเรื่องราวเชื่อมไปยังสถานที่ใหม่ได้อย่างลงตัว จากเพื่อนในบ้านพักคนชรากลายมาเป็นสายลับร่วมทีมสืบสวนที่สนุกตลกและพัฒนาความสัมพันธ์ให้มากขึ้น พร้อมเพิ่มตัวละครใหม่ที่น่าสนใจอย่างนางเอกอายุ 74 ที่ยังสวยเด่นน่ารัก และก็ทำให้เป็นเรื่องราวความรักที่มาพร้อมกับปัญหาของผู้สูงอายุรอบด้านอย่างจริงจัง และยังลงลึกถึงอดีตของจูลี่นายจ้างชาร์ลส์ที่มีปัญหาเติบโตมากับแม่ที่เป็นอาชญากรต้มตุ๋นจนทำให้เธอบ้านแตกตั้งแต่เด็ก ซึ่งเรื่องราวชีวิตเหล่านี้ทำให้เรื่องดูสนุกในความสัมพันธ์และพัฒนาการของตัวละครมากกว่าคดีที่ตามสืบที่ดูน่าสนใจน้อยลงเนื่องจากไม่ได้ผูกโยงกับปัญหาผู้สูงอายุแบบเดิม ทำให้ไม่ลึกซึ้งหรือเข้มข้นเท่าซีซั่นแรก แต่ยังคุ้มค่าที่จะดูสำหรับแฟนซีรีส์แนวคอมเมดี้ดราม่าที่เน้นตัวละครและความสัมพันธ์ พร้อมมุขตลกชวนยิ้มและบรรยากาศสบายๆ ที่ทำให้รู้สึกดีครับ