รีวิว The Stranger แฉ เมื่อความลับเผย ความจริงก็พังทลายสิ้น (ไม่มีสปอยล์)
The Stranger แฉ
สรุป
งานซีรีส์ที่ยังคงรักษาระดับและมาตรฐานตามสูตรของ ฮาร์ลาน โคเบน ไว้ได้อย่างครบถ้วน และด้วยความที่ทำจากนิยายชั้นดีก็เลยทำให้บทเรื่องนี้ดูคนละระดับหนังซีรีส์ Netflix ที่เขียนขึ้นมาเองอย่างเห็นได้ชัด เต็มไปด้วยการพลิกหักมุมย่อยๆ และก็ใหญ่โตขึ้นมาเรื่อยๆ แบบเป็นเหตุเป็นผลต่อเนื่องกันแบบแทบไม่มีช่องโหว่เลยไปจนจบ แต่ตัวเรื่องอาจจะไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าลุ้นตัวโก่งอะไรแบบนั้น เพราะหนังไม่ได้ออกแนวทริลเลอร์ระทึกขวัญเต็มตัว
Overall
8.5/10User Review
( votes)Pros
- เดินเรื่องเร็วด้วยบทที่เป็นเหตุผลต่อเนื่องกันอย่างน่าติดตาม
- ความลับที่เชื่อมต่อกันทั้งเรื่อง
- ทุกตัวละครมีเรื่องราวสำคัญทั้งหมด
- ตอนจบที่หักมุมคาดเดายากมาก
- นักแสดงที่เล่นเป็นหญิงสาวปริศนามีเสน่ห์มาก
- ใช้เทคโนโลยีพื้นฐานในชีวิตจริงมาช่วยสืบสวนเรื่องราว
Cons
- ตอนสรุปปิดท้ายเรื่องดูรวบรัดจนไม่น่าเชื่อถือมากเท่ากับที่ทำมาทั้งหมด
The Stranger แฉ ซีรีส์ Netflix ทำจากนิยายดังของ ฮาร์ลาน โคเบน นักเขียนซึ่งขึ้นชื่อเรื่องพล็อตคนหาย มาคราวนี้เป็นเรื่องราวของครอบครัวสมบูรณ์แบบที่ถูกความลับในอดีตตามมาหลอกหลอน จนสุดท้ายกลายเป็นทุกสิ่งพังทลายไป
ตัวอย่าง The Stranger แฉ
ก่อนดูเรื่องนี้มาทำความรู้จัก “ฮาร์ลาน โคเบน” กันก่อนครับ เขาเป็นนักเขียนนิยายชาวอเมริกันที่มีสไตล์เล่าเรื่องเป็นเอกลักษณ์ด้วยพล็อต “คนหาย” กับจุดเริ่มเรื่องเล็กๆ ที่ค่อยๆ ขยายปมเรื่องราวไปจนใหญ่โตในตอนจบ ซึ่งผลงานก่อนนี้ของเขาใน Netflix ก็มีซีรีส์เรื่อง SAFE ว่าด้วยเรื่องพ่อที่ต้องตามหาลูกสาวที่หายตัวไป แล้วก็ต้องใช้โซเชียล มือถือ เทคโนโลยีแบบที่คนธรรมดาใช้ได้แกะรอยติดตามหาลูกสาวของเขา ซึ่งหลายคนอาจจะคุ้นๆ ว่าพล็อตเดียวกับหนังโรงเรื่องดัง Searching ซึ่งก็ใช่เลย และถ้าว่ากันตามจริง SAFE ทำมาก่อน และก็อาจจะเป็นแรงบันดาลใจให้ Searching ทำตามมาเป็นภาพยนตร์ ซึ่ง The Stranger ก็ยังมาในทำนองที่เดียวกันทั้งการเดินเรื่องไขปริศนาความลับกับคนหาย ประกอบกับการใช้เทคโนโลยีในมือถือช่วยตามหา แต่เรื่องราวออกแนวลึกลับและใหญ่โตกว่ามาก
ส่วนคำจำกัดความของเรื่องนี้ก็ตรงตามชื่อไทย แฉ ชื่อเดียวกับนิยายแปลไทยเรื่องนี้ด้วย และเป็นเอกลักษณ์การตั้งชื่อด้วยคำเดียวสั้นๆ ของสำนักพิมพ์ลิขสิทธิ์ที่ตีพิมพ์นิยายชุดนี้ในไทย อย่าง ซ่อน ลวง หนี ทำให้คนจดจำได้ว่าชื่อเรื่องสั้นๆ แบบนี้เป็นของ ฮาร์ลาน โคเบน ซึ่งถ้าใครอ่านแล้วชอบ หรือได้ดูเรื่องนี้แล้วชอบ ก็แนะนำว่าหานิยายหรือดูเรื่อง SAFE ต่อได้เลย เพราะความสนุกและการดำเนินเรื่องไม่แพ้กันเลย
![แฉ](https://www.playinone.com/wp-content/uploads/2020/01/%E0%B9%81%E0%B8%89-1024x576.jpg)
เมื่อผู้หญิงแปลกหน้าปรากฏตัวขึ้นในชีวิตของ “อดัม” ที่มีครอบครัวสมบูรณ์พร้อม มีภรรยาแสนสวย มีลูกชายที่น่ารักสองคน หน้าที่การงานที่มั่นคงมีบ้านหลังใหญ่ในบ้าหรู หญิงสาวปริศนาพรั่งพรู “ความลับ” ดำมืดของ “โครินน์” ภรรยาของเขาออกมาแล้วก็จากไป ทำให้อดัมต้องค้นหาความจริงที่ซ่อนอยู่ในความลับ แต่กลายเป็นว่าความลับของภรรยานำพาไปสู่ความลับอื่นๆ เป็นลูกโซ่ต่อเนื่องแบบคาดไม่ถึง
หนังเริ่มเรื่องที่ความลับในครอบครัวอดัมกับภรรยา ก่อนจะค่อยๆ ลามไปสู่ตัวละครอื่นๆ ในเรื่อง ที่ตอนแรกอาจจะดูว่าไม่เกี่ยวข้องกันเลย แต่สไตล์ของ ฮาร์ลาน โคเบน คือการเชื่อมโยงเรื่องต่างๆ ของแต่ละตัวละครเข้ามาเกี่ยวพันกันอย่างคาดไม่ถึงได้เสมอ โดยมีจุดเชื่อมถึงกันคือหญิงสาวปริศนาที่นำความลับมาเปิดเผยให้กับอดัม และก็ปรากฏตัวเปิดเผยความลับกับตัวละครอื่นอีก
ถึงหนังจะเดินเรื่องหลายปมความลับดูซับซ้อน แต่การเล่าเรื่องก็เป็นไปตามลำดับไม่ได้เข้าใจยาก ไม่ได้มีการตัดต่อที่ชวนให้งงเลยแม้แต่น้อย โดยเนื้อเรื่องหลักคืออดัมที่มุ่งค้นหาความลับของภรรยาเขา ที่ดูเหมือนไม่ใช่มีแค่ที่หญิงสาวปริศนาเปิดเผยออกมา แต่มีอีกหลายอย่างที่เขายังไม่รู้ ผ่านการช่วยเหลือของอดีตนายตำรวจเก่า “มาร์ติน คิลลาน” ที่อดัมช่วยว่าความต่อสู้การรุกเข้ามารื้อบ้านของนายทุนอสังหาในย่านที่เขาอยู่
ตัวละครอีกด้านคือ “โจแอนนา” ตำรวจหญิงสูงวัยใกล้เกษียณอายุ ที่เปิดเรื่องราวของเธอด้วยการพยายามไขคดีสัตว์หัวขาดตายปริศนากลางเมือง ที่มีส่วนเชื่อมโยงไปถึงลูกชายของอดัมกับเพื่อนอย่างลึกลับ ก่อนที่จะพัวพันมาช่วยอดัมไขปริศนาความลับภรรยาของเขากับคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวเธออย่างไม่คาดคิด
![โจแอนนา](https://www.playinone.com/wp-content/uploads/2020/01/Screen-Shot-2563-01-31-at-03.23.21-1024x575.jpg)
นอกจากบทผู้ใหญ่แล้ว ก็มีบทบาทให้รุ่นลูกของอดัมกับเพื่อนได้มีส่วนร่วมสืบสวนเหตุการณ์อีกด้านที่เกิดขึ้นกับเพื่อนในโรงเรียนอย่างเป็นปริศนาเช่นกัน ซึ่งเป็นเหมือนพล็อตเสริมให้เรื่องราวหลักสมบูรณ์ขึ้นอีกชั้น
หนังสร้างให้ตัวละครในเรื่องมีความลับกันแทบทุกคน แม้แต่ตัวประกอบออกมานิดๆ หน่อยๆ ก็ยังมีความลับกับเขาด้วย แม้ว่าบางคนอาจจะเป็นเรื่องเล็กๆ แต่ก็เป็นจิ๊กซอว์ตัวนึงที่ช่วยต่อเติมเรื่องราวขนาดใหญ่ที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้น โดยมีตัวร้ายชัดเจนที่ปรากฏตัวขึ้นมาท้ายตอน 2 ทำให้เราลุ้นกับเรื่องราวอยู่ตลอดเวลาว่าหมอนี่จะทำอะไรต่อไป และเขาเกี่ยวพันอย่างไรกับหญิงสาวปริศนาที่เป็นตัวต้นเรื่องทั้งหมด
ธีมของเรื่องนี้ชัดเจนคือ “การเปิดโปงความลับ” ที่ทำให้ความจริงในปัจจุบันพังทลายลงจนไม่อาจจะกู้กลับมาได้ หนังสร้างทุกปมมาเพื่อปิดจุดจบสุดท้ายของเรื่องได้อย่างคมคาย ว่าอะไรเป็นสิ่งที่ถูกต้องกันแน่ระหว่างการปกปิดไว้ หรือเลือกเปิดเผยออกมาแบบในเรื่อง แต่มีจุดเสียนิดเดียวคือตอนสรุปปิดเรื่อง หนังเลือกทางที่แตกต่างออกไปจากการจบแบบปกติมาก แล้วก็รวบรัดจบโดยไม่มีคำอธิบายที่ลงตัวดีพอ ซึ่งตรงนี้คงแล้วแต่คนดูว่าโอเคไหม แต่ส่วนตัวผมรู้สึกว่าทำให้เรื่องราวที่ไต่ระดับพีคขึ้นมาเรื่อยๆ และมีเหตุผลลงตัวมาตลอด กลับเกิดช่องโหว่ขึ้นมาอย่างน่าเสียดายครับ
หนังจบด้วยการให้อดัมยิงฆาตกรทิ้ง แล้วโจแอนนาเลือกเข้ามาช่วยปกปิดหลักฐาน พร้อมโยนความผิดให้คนร้ายอีกคน ซึ่งนอกจากจะรีบรวบรัดแล้วยังไม่มีคำอธิบายหรือภาพเหตุการณ์ที่ทำให้เราเข้าใจได้ว่าอดัมรอดมาได้จริงๆ ตามแบบที่หนังเล่าง่ายๆ
ตัวนักแสดงหลักในเรื่องนี้ออกแนวอายุเยอะกันเกือบหมดและเล่นได้ดีในระดับที่น่าพอใจ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าโดดเด่นอะไรมากนักตามสไตล์เรื่องของ ฮาร์ลาน โคเบน ที่ไม่ได้มีฉากเน้นบิ้วดราม่ามากนัก อาศัยการเล่าเรื่องกับบทเชื่อมโยงที่เฉียบคมมากกว่าพลังการแสดงของดารา ยกเว้นแค่ตอนจบเฉลยเรื่องทั้งหมดที่มีฉากดราม่าบีบคั้นตัวละครหลักกันแบบสุดๆ ฉากเดียวเท่านั้น แต่ก็ต้องมียกเว้นให้กับบทสาวปริศนา “The Stranger” หรือ “คนแปลกหน้า” ถ้าแปลตามชื่อเรื่อง ที่เล่นโดย Hannah John-Kamen จาก Ant-Man and the Wasp ในบท Ava / Ghost ซึ่งทั้งรูปร่างหน้าตาเธอดูลึกลับมีเสน่ห์มากทุกครั้งที่ปรากฎตัวออกมา ชวนให้ติดตามว่าสุดท้ายแล้วเธอคือใครกันแน่ในเรื่องราวความลับที่ยุ่งเหยิงมากๆ นี้
![The Stranger แฉ](https://www.playinone.com/wp-content/uploads/2020/01/the-stranger-trailer-netflix-1579257518-1024x575.jpg)
ยังคงรักษาระดับและมาตรฐานตามสูตรของ ฮาร์ลาน โคเบน ไว้ได้อย่างครบถ้วน และด้วยความที่ทำจากนิยายชั้นดีก็เลยทำให้บทเรื่องนี้ดูคนละระดับหนังซีรีส์ Netflix ที่เขียนขึ้นมาเองอย่างเห็นได้ชัด เต็มไปด้วยการพลิกหักมุมย่อยๆ และก็ใหญ่โตขึ้นมาเรื่อยๆ แบบเป็นเหตุเป็นผลต่อเนื่องกันแบบแทบไม่มีช่องโหว่เลยไปจนจบ แต่ตัวเรื่องอาจจะไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าลุ้นตัวโก่งอะไรแบบนั้น เพราะหนังไม่ได้ออกแนวทริลเลอร์ระทึกขวัญเต็มตัว แม้จะมีอยู่บ้างบางครั้ง ซึ่งก็เป็นสไตล์ของ ฮาร์ลาน โคเบน ที่ไม่ได้ต้องการให้เรื่องราวดูเว่อร์เกินจริงอยู่แล้วครับ