playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว มนต์รักนักพากย์ Netflix ย้อนยุคร้อยเรียงอดีตได้อย่างอิ่มเอมน่าประทับใจ

มนต์รักนักพากย์

Summary

หนังได้บทที่ดี การเล่าเรื่องเรียบง่ายดูสนุกอิ่มเอมไปกับเรื่องราวในยุคสมัยนั้น แม้จะย้อนยุคไปก่อนหลายคนเกิดก็ยังดูในแง่หนังประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ที่ดีได้ โดยมีมิตร ชัยบัญชาเป็นประวัติศาสตร์สำคัญร่วมด้วย ในส่วนของความรักก็ใส่มาเบาๆ ไม่กลบเนื้อหาหลักอาชีพนักพากย์รถหนังขายยา แต่ได้สอดแทรกอารมณ์ความรักลงไประหว่างที่นำเสนออาชีพนี้ในตัวเองได้อย่างมีเสน่ห์ ดารานักแสดงลงตัวยอดเยี่ยมมากกับการถ่ายทอดอารมณ์อาชีพนี้ลงไปในตัว จุดด้อยก็มีแค่บทของฝ่ายคู่แข่งนักพากย์น้อยและเบาบาง จนหนังไม่ได้เข้มข้นมากเท่านั้นครับ

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • อาชีพนักพากย์รถหนังขายยา
  • บทดีสนุกลื่นไหล
  • ดารานักแสดงยอดเยี่ยม
  • งานโปรดักชั่นย้อนยุคได้ดีมาก
  • ประวัติศาสตร์ของ มิตร ชัยบัญชา

Cons

  • บทพูดบางคำดูไม่ใช่ยุคสมัยนั้น
  • ฝ่ายคู่แข่งบทน้อยมาก

มนต์รักนักพากย์ หนังไทย Original Netflix ย้อนยุคไปปี 2513 เรื่องราวของวงการนักพากย์ในธุรกิจรถหนังขายยา โดยเป็นช่วงท้ายของธุรกิจนี้ที่ผู้ชมเริ่มสูญหาย แต่พวกเขาก็พยายามสู้ให้ถึงที่สุด จนถึงวันที่มิตร ชัยบัญชาเสียชีวิต

รีวิว มนต์รักนักพากย์ (ไม่สปอยล์)

 

หนังของนนทรีย์ นิมิบุตร ผู้กำกับชื่อดังจาก 2499 อันธพาลครองเมือง นางนาก แม้ว่าหลังจากนั้นผลงานของเขาจะออกมาเรื่อยๆ แต่ก็ไม่ค่อยเข้าตาเท่าไหร่ (ผู้เขียนดูทุกเรื่องจนถึง ปืนใหญ่จอมสลัด ปี 2551) จนหายไปกำกับละครหลายเรื่อง มีกลับมากำกับหนัง คน โลก จิต ปี 2555 กับหนังสั้น ของขวัญ ปี 2560 แล้วก็มาโผล่ที่เรื่องนี้ ซึ่งนับว่าคาดไม่ถึงพอสมควรกับผู้กำกับดังทางสายภาพยนตร์ที่หันมาทำผลงานในสตรีมมิ่ง แต่เข้าใจว่าน่าจะเป็นโปรเจ็กต์ที่ทาง Netflix เองต้องการผู้กำกับดังในยุคก่อนมาทำงานให้ Netflix อย่างก่อนนี้ก็ เรื่องตลก69 ของ เป็นเอก รัตนเรือง ซึ่งห่างหายไปแล้วกลับมาในรูปแบบสตรีมมิ่งเช่นกัน ซึ่งในแง่ดีก็คือแฟนๆ ได้ติดตามผลงานของผู้กำกับในตำนานเหล่านี้ และยังมีโอกาสสร้างความรู้จักให้ผู้ชมรุ่นใหม่ไปด้วย ตัวผู้กำกับเองก็ได้โอกาสทำผลงานที่เปิดกว้างกว่าการทำหนังฉายลงโรง และต้องเจอกับการตัดสินจากผู้ชมในยุคนี้ ที่โรงหนังก็เริ่มมีปัญหาสตรีมมิ่งมาแย่งส่วนแบ่งตลาดไปเช่นเดียวกัน การสร้างเรื่องนี้จึงเหมือนเป็นผลงานที่ย้อนแย้งในตัวเองไม่น้อยเลย 

เนื้อหาหลักของเรื่องคือการนำเสนออาชีพนักพากย์รถหนังขายยา ซึ่งต่างจากหนังกางแปลงปกติที่พอคุ้นเคยและมียังมีให้ดูกันอยู่ ซึ่งผู้เขียนเองก็เกิดไม่ทันเช่นกัน นี่จึงเป็นหนังที่เล่าถึงรูปแบบธุรกิจ วิถีชีวิตของผู้คนและนักพากย์ในอาชีพนี้โดยเฉพาะ ซึ่งทำให้ผู้ชมได้รู้จักเสน่ห์ในเรื่องราวนี้ที่ผู้กำกับเองก็คงตั้งใจถ่ายทอดใส่มาอย่างละเมียดละไมมาก ทั้งฉากบ้านเมืองชทบทในถิ่นต่างๆ ที่ไปฉาย มีกระทั่งฉากฉายในป่าให้งานแต่งชาวเขาดู หรือฉายให้กองทหารที่กำลังรบกับคอมมิวนิสต์ในสมัยนั้นดูกัน ตัวอุปกรณ์เครื่องฉายแบบฟิล์มเก่าที่ยังไม่มีเสียงในฟิล์ม ด้วยความนิยมถ่ายหนังฟิล์ม 16mm ในตอนนั้นกับอุปกรณ์ที่มีต้นทุนแพงกว่า แต่ที่สำคัญเลยบรรยากาศนักพากย์สดต่อหน้าผู้ชมที่มีลีลาสารพัดแต่งเติมใส่เข้าไปในเรื่องได้ รวมถึงเสียงประกอบต่างๆ ในเรื่องด้วยเช่นกัน ซึ่งได้นักแสดงนำ 4 คนที่ถือว่าสุดยอดมาก เวียร์ ศุกลวัฒน์ม หนูนา หนึ่งธิดา, เก้า จิรายุ และสามารถ พยัคฆ์อรุณ ทุกคนแสดงได้สมบทบาทในทุกตำแหน่งของรถหนังขายยา ที่นอกจากนักพากย์แล้ว ก็มีคนควบคุมเครื่องฉาย และต้องขายยาคั่นเวลาไปด้วย เพราะในสมัยนั้นระบบสาธารณสุขยังห่างไกล รถขายยาแบบนี้คือตัวช่วยชาวบ้านอีกทางหนึ่ง ซึ่งองค์ประกอบของหนังในส่วนนี้ทุกอย่างทำได้ดีมากจนเหมือนได้ย้อนเวลากลับไปยุคสมัยนั้นจริงๆ

ส่วนเสริมของหนังก็คือ พาร์ทความรักสามเส้าของ 3 ตัวละครหลัก มานิตย์ (เวียร์) ผู้เป็นหัวหน้าได้ตกลงกับเก่าผู้เป็นลูกน้อง (เก้า จิรายุ) ว่าทั้งคู่แอบชอบเรืองแข (หนูนา) ให้แข่งกันจีบได้แต่ต้องไม่โกรธเคืองกัน ซึ่งหนังแทรกมาเบาๆ กำลังดีในแง่ของการจีบระหว่างพากย์ที่มานิตย์ได้โอกาสมากกว่าลูกน้อง จนมีจุดพีคที่ทำให้คู่ขัดแย้งกัน แต่ส่วนนี้ก็ไม่ใช่บทสรุปสุดท้ายของเรื่อง เป็นแค่พาร์ทคั่นเวลาของเรื่องระหว่างที่หนังพาผู้ชมไปถึงฉากการเสียชีวิตของมิตร ชัยบัญชา ที่หนังพยายามปูความสัมพันธ์ของเขาให้เหมือนเป็นทีมงานในความคิดของหนังพากย์ทุกคน โดยมีฉากงานศพตามประวัติศาสตร์ที่หนังถ่ายทำใหม่ให้ผู้ชมได้เห็นบรรยากาศของความโศกเศร้าได้เหมือนจริง โดยมีฉากปิดท้ายอำลาเป็นการแข่งกับทีมนักพากย์อีกค่ายสั้นๆ โดยมีการไว้อาลัยมิตร ชัยบัญชา ในฐานะคนทำอาชีพรถหนังขายยาเป็นไฮไลท์สำคัญ ก่อนที่หนังจะพาร์ทเปลี่ยนไปสู่อีกยุคของตัวละครเหล่านี้ในที่สุด ซึ่งเป็นการจบแบบเงียบๆ เบาๆ แต่ก็ตรงกับประเด็นการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยของธุรกิจภาพยนต์ที่ตอนนี้ก็เริ่มมีปัญหานี้แล้วเช่นกัน

สรุปโดยรวม หนังได้บทที่ดี การเล่าเรื่องเรียบง่ายดูสนุกอิ่มเอมไปกับเรื่องราวในยุคสมัยนั้น แม้จะย้อนยุคไปก่อนหลายคนเกิดก็ยังดูในแง่หนังประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ที่ดีได้ โดยมีมิตร ชัยบัญชาเป็นประวัติศาสตร์สำคัญร่วมด้วย ในส่วนของความรักก็ใส่มาเบาๆ ไม่กลบเนื้อหาหลักอาชีพนักพากย์รถหนังขายยา แต่ได้สอดแทรกอารมณ์ความรักลงไประหว่างที่นำเสนออาชีพนี้ในตัวเองได้อย่างมีเสน่ห์ ดารานักแสดงลงตัวยอดเยี่ยมมากกับการถ่ายทอดอารมณ์อาชีพนี้ลงไปในตัว จุดด้อยก็มีแค่บทของฝ่ายคู่แข่งนักพากย์น้อยและเบาบาง จนหนังไม่ได้เข้มข้นมากเท่านั้นครับ


including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!