playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว 42 Days of Darkness แนวคนหายที่ทำให้คล้ายคดีจริง

42 Days of Darkness

Summary

ซีรีส์ Original Netflix เรื่องแรกของชิลี แนวสืบสวนอาชญากรรมคนหายในครอบครัว ที่พล็อตเรื่องไม่ได้แปลกใหม่ โดยตัวเรื่องต้องการทำแนวสมจริงให้เหมือนคดีที่เกิดจากเรื่องราวจริงที่มีปัญหาในการเอาผิดตัวคนร้ายได้ยาก และก็สื่อสารถึงปัญหาอาชญากรรมที่เกิดกับผู้หญิงจริงๆ ทำให้เรื่องไม่ได้หวือหวา มีจุดพีคหรือหักมุมใดๆ กระทั่งตอนจบเรื่องก็ยังจบแบบไม่ชี้ชัดตัดสินใดๆ ทำให้อาจจะดูเข้าใจยากสักนิดว่าทำไมเรื่องถึงเลือกจบแบบนี้

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ซีรีส์เรื่องแรกของชิลีจากเน็ตฟลิกซ์
  • เน้นแนวรูปแบบอาชญากรรมเหมือนคดีจริงๆ
  • 6 ตอนจบสั้นๆ

 

Cons

  • 3 ตอนแรกเล่าเรื่องเอื่อยๆ มาก
  • พล็อตเรื่องพื้นๆ มาก
  • ตอนจบแบบค่อนข้างคลุมเครือมากไปหน่อย
  • ไม่มีฉากตื่นเต้นหวือหวาใดๆ

42 Days of Darkness 47 วันในความมืดมิด ซีรีส์ Original Netflix เรื่องแรกของชิลี แนวสืบสวนอาชญากรรมคนหายในครอบครัวหนึ่ง ที่กลายมาเป็นคดีความยาวนานกว่า 7 ปี

 42 Days of Darkness (2022) on IMDb

ตัวอย่าง 42 Days of Darkness

เรื่องนี้เป็นมินิซีรีส์ 6 ตอนจบสั้นๆ และถูกเน็ตฟลิกซ์โปรโมทว่าเป็นเรื่องแรกของชิลี ซึ่งก็อาจจะไม่ได้มีอะไรน่าสนใจนัก เพราะรวมๆ แล้วเราก็ค่อนข้างแยกไม่ออกอยู่ดีในฐานะซีรีส์จากประเทศเล็กๆ ที่ไม่คุ้นเคยเท่าไหร่

พล็อตเรื่องราวค่อนข้างพื้นๆ เป็นเรื่องราวของครอบครัวหนึ่งที่แม่หายตัวไป และพบว่ามีโทรศัพท์ขู่ว่าลักพาตัวไป สามีจึงเข้าแจ้งความกับตำรวจก่อนที่จะมีการตามหาเธอกันยาวนานถึง 42 วัน ซึ่งก็กลายมาเป็นชื่อเรื่องนี้นั่นเอง

ด้วยความที่พล็อตเรื่องพื้นๆ มาก กับแนวคนหาย เรื่องนี้จึงทำออกมาให้ดูคล้ายๆ เรื่องจริง โดยอิงกับคดีอาชญากรรมที่เกิดกับผู้หญิงในชิลีว่ามาจากคนในครอบครัวเองกระทำจำนวนมาก จุดนี้คือแนวทางการเดินเรื่องนี้ที่ว่าจากการตามหาคนหายใน 3 ตอนแรก ที่เรื่องก็สโลว์เล่าไปเรื่อยๆ เอื่อยๆ เน้นดราม่าปมความทุกข์ของครอบครัว และมีปมผิดสังเกตุหลายอย่างกับคำให้การของสามี ซึ่งตัวเรื่องก็ชวนให้คิดว่าจริงๆ แล้วเขาอาจจะเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่วางแผนลักพาตัวภรรยาเขาเองก็ได้ จนเรื่องมาเปิดเผยในตอน 4 ว่ากลายเป็นคดีฆาตกรรมไป ซึ่งจากนี้เองที่เรื่องมาในแนวสืบสวนจากมุมมองของทนายกับตำรวจที่พยายามอย่างหนักจะเอาผิดตัวสามีให้ได้ ซึ่งความสนุกของเรื่องจะมาช่วงนี้แหละ ว่าสรุปแล้วจริงๆ เขาคือฆาตกรฆ่าเมียตัวเองหรือไม่ ในเมื่อพยานหลักฐานแทบไม่เพียงพอต่อการชี้ว่าเขากระทำความผิด แล้วเรื่องจริงเป็นอย่างไร ตัวเรื่องพยายามเอาหลักฐานที่มีตั้งแต่แรกมาประกอบร่างใหม่กลายเป็นความเชื่อที่แตกต่างกัน โดยมีทนายโจทย์ที่พยายามต่อเรื่องให้พลิกฟื้นคดีนี้กลับมาในศาลหลังจากที่ผ่านไป 7 ปี ในขณะที่ฝ่ายตำรวจเองกลับตีความหลักฐานที่เห็นนั้นเป็นเรื่องเล่าต่างกันไปอีกแบบ ทำให้ตัวสามีกลายเป็นจำเลยสังคมที่น่าสงสาร ซึ่งตัวเรื่องแอบหลอกคนดูให้เขวไปเขวมาได้พอสมควร คือไม่ว่ายังไงก็ไม่แน่ใจว่าเรื่องจริงเป็นยังไง ทำให้เรื่องช่วงหลังมีประเด็นน่าสนใจน่าติดตามผิดกับช่วงแรกมาก

แต่ปัญหาของเรื่องก็มาในตอนจบที่ไขคดีสู้กันในศาล ตัวเรื่องตัดบทสู้กันในศาลให้เป็นสรุปจบง่ายๆ แล้วก็ไม่ได้เฉลยความจริงของเรื่องว่ายังไงกันแน่ แม้พอจะเข้าใจโน้มเอียงได้ว่าน่าจะเป็นคดีฆาตกรรมจริงๆ ซึ่งเข้าใจว่าตัวเรื่องพยายามทำให้คดีในเรื่องนี้เหมือนจริงว่าคนผิดหรืออาชญากรไม่ถูกลงโทษจากฎหมายได้ยังไง แต่ความที่เรื่องไม่ชี้ให้ชัดเจนน่าจะทำให้คนงงกับตอนจบพอสมควรว่าจบกันง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ แต่ก็ไม่ถือว่าแย่ นับว่าเป็นซีรีส์จากชิลีเรื่องแรกที่รวมๆ แล้วก็ผ่านมาตรฐานได้ แต่แค่ไม่มีความสดใหม่ในพล็อตเรื่องเท่านั้นครับ

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!