playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Home for Christmas SS1-2 เรื่องจริงของสาวโสดที่โหดร้ายต่อใจมาก!

สรุป

ซีรีส์ที่เอาเรื่องจริงแบบเรียลสตอรี่ของสาวโสดวัย 30+ มาเล่นได้แตกต่างจากที่เคยมีมาก่อนทั้งหมด ให้อารมณ์ฟีลกู๊ด เศร้า ตลก พร้อมบทฉลาดๆ เกินหนังคริสต์มาส แถมยังไม่มีความน้ำเน่าเจือปนอยู่เลย พร้อมกับฉากจบที่เท่เก๋ไก๋เอามากๆ แต่หนังมีฉาก 18+ จัดเต็ม ไม่เหมาะกับดูพร้อมครอบครัว ถ้าเผลอมีเหวอแน่นอนครับ!

ส่วน SS2 ก็ยังคงเส้นคงวาแบบเดิมไม่มีเปลี่ยน แต่เล่นเรื่องการครองคู่ใช้ชีวิตด้วยกันที่ต่างออกไปจากแนวเดทด่วนในซีซั่นแรก และก็จบลงตัวสมบูรณ์แล้วใน SS2 ครับ

 

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
4.67 (3 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • มิตรภาพในเรื่องหลากหลายแบบน่าประทับใจ
  • นางเอกสวยมีเสน่ห์มากๆ
  • หนังไม่มีความน้ำเน่ามาเจือปน
  • เล่นเรื่องทันสมัย แถมยังกล้าใส่ฉาก 18+
  • มีเรื่องการเมือง ชีวิตการเป็นพยาบาลที่หนักอึ้งมาประกอบทำให้ดูจริงจังกว่าเป็นแค่เป็นหนังรัก
  • ประเด็นครอบครัวที่เป็นปัญหาซุกซ่อนไว้ทำได้ดี
  • มีการตอบโจทย์เรื่องการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวได้อย่างเข้าท่า
  • ฉากจบ SS1 ที่อินดี้แต่เจ๋งจริงๆ

Cons

  • นางเอกสวยเกินกว่าสาวโสดในชีวิตจริงที่หนังใช้มาเป็นเรื่องราว
  • หนังตลกเล่นมุกสัปดนเกินกว่าหนังคริสต์มาสให้ครอบครัวดู อย่างที่หน้าหนังหลอกไว้
  • มีช่วงเบาๆ จางๆ ของเรื่องราวพอสมควร

Home for Christmas มินิซีรีส์ 6 ตอนจบ ตอนละ 30 นาทีของ Netflix จากนอร์เวย์ ทุกคนเจอรักมีคู่ และเตรียมมาทานข้าวกับครอบครัวแบบพร้อมหน้าพร้อมตาช่วงคริสต์มาส ยกเว้น “โยฮันเน” พยาบาลสาวโสดวัย 30 ที่เบื่อฟังคำถามซอกแซกที่คนอื่นชอบถามเรื่องชีวิตรักของเธอเองเต็มทน เลยบอกกลางวงกินข้าวครอบครัวว่า “มีแฟนแล้ว” ทำเอาพ่อแม่เซอร์ไพรซ์กันใหญ่อยากเห็นแฟนของเธอในวันคริสต์มาสที่เหลือเวลาไม่ถึงเดือน ก็เลยเป็นเรื่องฮาๆ ที่เธอต้องหาแฟนให้ได้ทันก่อนคริสต์มาสนี้
 Home for Christmas (2019) on IMDb
คะแนน IMDB

ตัวอย่างหนัง Home for Christmas Netflix

Home for Christmas ดึงเอาเรียลสตอรี่ของสาวโสดวัย 30 ที่ผู้หญิงส่วนมากคงต้องเจอเหมือนกับนางเอกในเรื่องเมื่อต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่คาดหวังให้มีแฟนมีครอบครัว จนกดดันตัวเองสุดๆ แบบที่ในเรื่องนางเอกถึงกับต้องระเบิดออกกลางวงว่า “หนูมีแฟนแล้ว” ทั้งๆ ที่ไม่มี เพื่อที่จะหลุดจากความคาดหวังจากคนรอบข้างไปซะที ซึ่งขอเตือนกันไว้ก่อนเลยว่าหนังเรื่องนี้ให้อารมณ์ฟีลกู๊ดก็จริง แต่ไม่ได้เป็นหนังรักน้ำเน่าแบบที่สร้างกันมาทั่วไป แถมยังแอบกัดหนังรักขึ้นหิ้งในใจคนทั่วโลกอย่าง Love Actually อย่างทุกหัวใจมีรัก ซะเจ็บแสบแบบเถียงไม่ออก แต่ฮาในความครีเอทเรื่องราวโดยเฉพาะฉากนี้จริงๆ ซึ่งเรียกว่าเป็นอะไรที่เรื่องนี้ต้องการจะสื่อไปถึงสาวโสดทั้งหลายว่าทำไมถึงเตรียมจะขึ้นคานเป็นหลัก (ขออภัยที่อาจจะใช้คำทำร้ายจิตใจ แต่หนังต้องการให้เห็นเหตุผลนี้จริงๆ) ถ้าใครไม่เคยดู Love Actually มาก่อน ลองอ่านเรื่องย่อด้านล่างนี้ก่อนก็ได้ครับ แล้วลองคิดว่ามันทะแม่งๆ มั้ยกับเรื่องราวนี้ จากนั้นคลิกดูฉากกัดนี้ก่อนจะดูจริงเลยก็ได้ คลิกดูฉากสนทนาที่นี่อยู่ตอนเริ่มต้นของตอน 2 เลยสั้นๆ ไม่มีผลกับสปอยล์หนังครับ เพราะจุดสำคัญของเรื่องไม่ใช่ตรงนี้เลย

เรื่องย่อของ Love Actually

คนบางคนอาจมองว่าโลกนี้เต็มไปด้วยความเกลียดชัง แก่งแย่งชิงดี แต่อันที่จริงแล้ว เราจะพบว่ามีความรักปรากฏอยู่ในทุกแห่งหน ในคนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่นายกรัฐมนตรีหนุ่มคนใหม่ที่เพิ่งเริ่มงานเป็นวันแรก ก็เกิดตกหลุมรักเลขาสาวจอมเปิ่นที่เพิ่งเข้าทำงานเป็นวันแรกเหมือนกัน, เจมี นักเขียนหนุ่มผู้เพิ่งจะพบว่าภรรยาเป็นชู้กับน้องชายของตน จึงหลบไปรักษาแผลใจที่บ้านพักริมทะเลสาบ และพบรักกับหญิงสาวคนทำงานบ้านซึ่งพูดภาษาอังกฤษไม่ได้, หญิงสาวที่แต่งงานแล้วอย่างแคเรน ผู้ซึ่งกำลังสงสัยว่าสามีของเธอกำลังปันใจให้กับเลขาหน้าห้องทำงาน หรือกระทั่งความรักของเด็กชายผู้ซึ่งกำลังพบรักครั้งแรกกับเด็กหญิงเพื่อนร่วมโรงเรียนที่ไม่เคยแม้แต่จะคุยกัน และพ่อม่ายที่ประสบปัญหาการเข้าถึงลูกชายผู้เพิ่งจะสูญเสียแม่ไป

เมื่อเทศกาลคริสต์มาสกำลังย่างกรายมาถึง เรื่องราวของแต่ละคนในลอนดอนจึงบังเกิดขึ้นด้วยความมหัศจรรย์ที่มีรสชาติทั้งหวานและขม ตามแต่จะบังเกิดขึ้นในทุกหัวใจที่มีรัก

ภาพยนตร์ฉบับที่ฉายในประเทศไทยและทวีปเอเชีย ผู้กำกับได้ตัดฉากตัวละครออกไปคู่หนึ่งคือ จอห์นและจูดี (แสดงโดยมาร์ติน ฟรีแมน และโจแอนนา เพจ) ซึ่งรับบทเป็นตัวแสดงแทนในการถ่ายหนังโป๊ เนื่องจากมีฉากที่ไม่เหมาะสม
**ข้อมูลจากวิกิพีเดียไทย

Love Actually
ฉากเดทแรกกับการให้อาหารกวางพร้อมสับหนังในดวงใจนางเอกซะเละ

จากย่อหน้าด้านบนถ้าดูฉากนี้แล้วชอบบอกเลยไม่ต้องอ่านรีวิวจากนี้ต่อไปก็ได้ครับ เพราะนี่คือตัวตนของหนังเรื่องนี้เกือบทั้งหมด ซึ่งหนังทำออกมากระแทกใจสาวโสดทั้งหลายที่อาจจะไม่ได้เคยหันมาสำรวจตัวเองว่าทำตัวแย่ๆ ยังไง หรือคาดหวังอะไรกับผู้ชายที่เข้ามาไว้บ้าง อ่านมาตรงนี้อาจจะแย้งกลับว่าก็ “คุณเป็นผู้ชายจะมาเข้าใจอะไร” ซึ่งผมว่าต้องคิดกันแน่ๆ อันนี้ต้องบอกว่าหนังก็ดักทางเรื่องราวแบบนี้หมดไว้แล้ว ด้วยการที่ทำให้เห็นเรื่องราวทั้งสองมุมว่าจริงๆ ก็ไม่ได้มีฝ่ายไหนคิดผิดหรอก แต่เรื่องราวชีวิตจริงมันไม่ได้เป็นไปตามที่ทั้งผู้ชายกับผู้หญิงคิดไปทั้งหมด มันเลยทำให้หนังเรื่องนี้ดูเรียลสตอรี่แบบที่ต้องชมคนเขียนบทเรื่องนี้จริงๆ ว่าสามารถเอาเรื่องจริงมาเล่นได้ทั้งหญิงชาย แม้หนังจะวางตัวขายสาวโสดวัย 30+ โดยเฉพาะก็ตามที แถมยังไม่ใช่แค่นั้นหนังยังพาไปพบกับปัญหาครอบครัว ความรักลวงตาจากพ่อแม่ที่ปกปิดเพื่อให้ลูกๆ ไม่กระเทือนจิตใจ ซึ่งหนังใส่เข้ามาแบบถูกจังหวะ เมคเซนส์ และกลมกลืนไปกับเรื่องราวมากๆ ในขณะที่ยังคงรักษาเส้นเรื่องของการหาแฟนด่วนของนางเอกไว้ได้ตลอดเวลา

 

หนังแนวเดทด่วนเทด่วน 18+ ด้วย!

หนังให้นางเอกหาแฟนในแบบที่คนปัจจุบันเขาใช้กันผ่านแอพพลิเคชั่น Love match ที่ไม่แน่ใจว่าของจริงอันไหน แต่การใช้งานดูเหมือนทินเดอร์มากๆ แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น คือนางเอกจากที่ปิดตัวเองมาสามปีหลังเลิกกับแฟนที่คบกันยาวนาน (ในหนังไม่ได้บอกสาเหตุ แต่คาดเดาได้ว่าเพราะตัวนางเอกเอง) พอเปิดตัวเองอีกครั้งเลยต้องหาทางด่วนๆ ซึ่งก็ลองทั้งบาร์นัดเดท (เหมือนกิจกรรมนัดเจอดูใจด่วนๆ) การเลือกคนแปลกหน้าที่บังเอิญเจอ ก็ไม่แมตซ์สักที สุดท้ายก็มาลงเอยที่แอพหาคู่ ซึ่งกลายเป็นว่าเธอต้องเปิดใจกว้างเอามากๆ กับการไปลองเดทกับคนในแอพเหล่านี้ ซึ่งหนังจับหนุ่มหลายแนวมาเสิร์ฟให้ลองเดทออร์เดิร์ฟดูไวๆ แล้วก็ตัดไปเรื่อยๆ เรียกว่ามีผู้ชายแทบทุกแบบที่นางเอกต้องได้ลองเดทด้วย

แต่แม้จะเป็นแนวลอง “เดทด่วนเทด่วน” แต่หนังไม่ได้มีการทิ้งตัวละครเหล่านี้ไปเลย แถมยังเอาทุกคนกลับมาใช้เป็นตัวเล่นในเรื่องราวต่อไป ซึ่งก็สื่อเป็นนัยๆ ว่าการเดทแล้วตัดสินใจแค่หนเดียวมันไม่ใช่ว่าจะถูกเสมอไป การที่จะรู้จักใครได้จริงๆ อาจจะต้องให้โอกาสมากกว่าแค่ครั้งแรกแล้วตัดสินใจเลย ซึ่งส่วนใหญ่หลายๆ คนคงเอาแค่มองหน้าท่าทางถูกใจก็ไฟเขียวให้ไปต่อ ซึ่งแบบนี้ก็คงไม่ผิดอะไร และหนังก็มีบทให้คนแบบที่นางเอกถูกใจสุดๆ ขนาดยอมไปมี SEX ได้ทันทีที่เจอ ซึ่งถ้าใครดูมาถึงตรงนี้คงเบ้ปากแน่นอน เพราะหนังเปลี่ยนจากนางเอกที่อาจจะดูไม่กร้านโลกในตอนแรกมาก กลายมาเป็นคนวัดความรักจากการถึงจุดสุดยอดมากกว่าเรื่องอื่นๆ และหนังก็เปิดตัวตนด้านนี้แบบแรงเลยทีเดียว มีฉากที่เปลือยแบบ 18+ ให้เห็น จนกลายเป็นหนังที่ต้องบอกว่าไม่แนะนำให้ครอบครัวหรือเด็กดูได้เลย จากใสๆ ตอนแรกมีเหวอแน่นอน

 รักกับเด็ก 18+
รักกับเด็ก 18+

แต่อย่าพึ่งเบ้ปากพาลเกลียดหนังเรื่องนี้ไป คือต้องบอกว่าหนังสร้างโดยยืนพื้นจากเรื่องราวความคิดความฝันของสาวโสดมีอายุจริงๆ ทำให้หนังต้องพาเราไปสำรวจความคิดลึกๆ ที่ผู้หญิงก็คงต้องการมีหนุ่มหล่ออายุน้อยมาเอาใจ แถมยังตอบสนองความต้องการทางเพศได้ทุกอย่าง โดยที่ไม่ได้เป็นคนคุมเกม แต่ยอมทำตามที่ผู้หญิงต้องการทั้งหมด ซึ่งถ้าเป็นคุณมีโอกาส มีหรือจะไม่อยากลองแบบนี้ดูบ้าง?

การที่หนังใส่เรื่องราวตรงนี้มาเพื่อให้สมจริงที่สุด เพราะการใช้แอพหาคู่ส่วนใหญ่ก็เพื่อไปมีอะไรกันมากกว่าสานสัมพันธ์ยาวๆ ซึ่งนางเอกที่เคยปิดตัวเองในเรื่องแบบนี้มาก่อน ก็เลยกลายเป็นเตลิดใจไปกับสิ่งใหม่ๆ ที่หาไม่ได้ในการใช้ชีวิตในสังคมแบบปกติ ที่จู่ๆ จะซั่มกับใครก็ได้ง่ายๆ แล้วดีแบบนี้ แต่นั่นแหละอะไรได้มาง่ายๆ ก็ต้องมีผลเสียตามมาเช่นกัน หนังไม่ลืมที่จะโยนระเบิดตูมใหญ่ลงในชีวิตของนางเอกช่วงนี้ ที่กลายมาเป็นเรื่องราวจริงต่อมาอีกแบบที่เชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะคงเคยพบเจอกับการคาดหวังความรักในช่วงอายุมาก แต่กลับผิดหวังจนแทบไปต่อไม่ได้ในชีวิต ซึ่งกลายเป็นว่าหนังเปิดเรื่องราวทุกแง่มุมที่สาว 30 หรือแม้แต่หนุ่มๆ มีอายุที่หวังหาสาวไปลงหลักปักฐานเป็นแฟนกันยาวๆ ก็ต้องดูว่าสาว 30+ เขาคิดอะไรกับผู้ชายที่เข้ามาจริงๆ บ้าง


ที่ทำงาน
Home for Christmas Netflix

และไม่ใช่แค่หนุ่มๆ ในแอพที่นางเอกได้พบเจอ หนังไม่ลืมที่จะใส่คนรอบตัวในที่ทำงาน ที่เรื่องจริงก็คงมีอยู่ ซึ่งก็มักถูกมองข้ามไป แม้จะเห็นนิสัยใจคอว่าดีกันมาตลอด ซึ่งหนังก็ทำในมุมนี้ออกมาได้แบบซ่อนแอบไปกับเรื่องราวที่นางเอกพบหนุ่มในแอพได้อย่างเนียนๆ เลือกตัดสลับกลับไปชีวิตข้างนอกกับการทำงาน คือเราดูพอรู้เลยว่าใครชอบนางเอกบ้าง แต่อย่าพึ่งคิดนะว่าตัวเลือกดีๆ แบบนี้จะคือพระเอกแบบหนังรักน้ำเน่าทั่วไปง่ายๆ หนังยังคงเส้นคงวากับความเรียลมากๆ ไปจนจบที่รับรองว่าอึ้งกันทุกคนแน่นอนกับฉากจบที่อินดี้แล้วเท่เอามากๆ

สิ่งเดียวที่คิดว่าหนังเรื่องนี้พลาด หรืออาจจะไม่พลาดก็ได้คือ ตัวนางเอกเองนี่แหละที่คนรับบทสวยเกินไปกว่าการเป็นสาวโสดตามท้องเรื่อง (แม้จะเคยมีแฟนมาก่อนแล้ว) แต่ก็พอเข้าใจว่านางเอกปิดใจจากความผิดพลาดคราวก่อน แต่ก็ยังรู้สึกว่าไม่น่าใช้ดาราที่สวยกว่าสาวโสดหาแฟนยากในชีวิตจริงมาเล่น ตรงนี้ก็คงมีสาวแบบนี้จริงๆ อยู่ แต่พอใช้ดาราที่สวยมากไปทำให้รู้สึกว่าหนังไม่แฟร์ที่จิกกัด Love Actually ซะขนาดนั้น โดยเฉพาะที่ว่ามีคู่นึงเลือกทิ้งคนอ้วนไปเอาคนสวยกว่ามาเป็นแฟน กลายเป็นในหนังนางเอกเหมือนมีคนมามะรุมมะตุ้มรุมรักมากกว่าจะครองตัวโสดได้นาน แล้วพวกนี้ก็ไม่เผยตัวเลยจนมารุมๆ ช่วงคริสต์มาสนี้ แต่ก็ไม่ได้ถึงกับขัดใจหรือเป็นไปไม่ได้นะครับ แค่ตะหงิดนิดๆ ตลอดเวลาเท่านั้นเวลาเห็นเธอสวยเกินกว่าสาวโสดปกติในสังคมจริงๆ ที่หนังต้องการสะท้อนออกมาให้เห็น

แม้ว่าหนังจะเรียลเอามากๆ คือมีแต่ความผิดหวังอัดมาเป็นชุดๆ จากการหาแฟนด่วน แต่หนังก็ยังดำเนินไปในแบบฟีลกู๊ดคละเคล้าด้วยความเศร้า ผสมตลกทั้งจากนางเอกและตัวเพื่อนได้ตลอดเวลา แม้อาจจะไม่ได้ถึงกับขำก๊ากไปตลอด จริงๆ ก็แค่ช่วงตอนแรกๆ ด้วยซ้ำที่หนังเล่นมุกคนโสดต้องเจอกับอะไรมั่งมาเป็นชุด แต่หลังจากนั้นหนังก็กลายเป็นโทนเรียบจริงจังที่ขำน้อยลง ดราม่ามากขึ้น ซึ่งถ้าใครชอบหนังที่เล่นจริงจังในเรื่องรักทุกแบบที่ผู้หญิงวัยทำงานต้องได้เจอ บอกเลยแม้แต่เรื่อง LGTB ก็ยังมีด้วยครับ หนังเรื่องนี้ตอบสนองคุณได้แน่ๆ แต่ถ้าต้องการหนังดูจบฝันหวานประทับใจแบบ Love Actually ที่เป็นหนังโปรดของนางเอกในเรื่องนี้ด้วย คงต้องผ่านไป เพราะหนังต้องการกัดหนักๆ หนังแนวพาฝันเกินชีวิตจริงแบบนั้นครับ

 

ติ๊งต๊องๆ สำหรับคนที่ดูมาแล้วใครคือผู้โชคดีคนนั้น?

ต้องบอกเลยว่า Home for Christmas หนังมีตอนจบที่ปลายเปิดได้เก๋มากจริงๆ กับเสียงกริ่งประตูที่ใครกันแน่ที่มาในตอนจบ ระหว่าง Stein หนุ่มนักกีฬากับหมอ Henrik นี่เป็นหนังฟีลกู๊ด แถมยังตอบโจทย์คนที่ชอบคิดตามต่อว่าใครกันแน่ที่นางเอกเลือกได้อย่างเจ๋งมากๆ ซึ่งที่จริงหนังมีคำตอบในตัวอยู่เลาๆ แต่ไม่ได้บอกแบบตรงๆ เพราะนั่นจะดูเป็นหนังเขียนบทให้รักกันธรรมดา แต่หนังเรียลสตอรี่กว่านั้นในเรื่องรัก ก็เลยต้องกลายมาเป็นฉากจบซ่อนแอบแบบนี้ ซึ่งจากนี้ไปคือการวิเคราะห์จากมุมมอมงคนเขียนล้วนๆ นะครับ แต่คิดว่าไม่ใช่ก็ใกล้เคียงกับคำตอบจริงๆ ที่หนังไม่เปิดให้เห็น
Ending Home for Christmas Netflix
Ending Home for Christmas Netflix

ส่วนตัวคิดว่าเป็น Stein ครับ เพราะหนังพูดถึงการให้โอกาสลองผิดถูกทั้งตัวเองและคนอื่นมาตลอด แม้แต่กับคนไข้ที่ต้องได้โอกาสเปลี่ยนแปลงตัวเองในโรงพยาบาล หรือแม้แต่พ่อแม่ของนางเอกที่อยู่ในช่วงทดลองแยกกันไปหาคู่ชีวิตใหม่ ซึ่ง Stein ทำผิดพลาดไปในเดทที่ 2 แม้เดทแรกจะน่าประทับใจมากๆ แต่ก็กลายเป็นนางเอกตัดเขาทิ้งไปจากการไม่ตอบกลับตลอดเวลาในเรื่อง ซึ่ง Stein พยายามส่งข้อความมาขอโอกาสแต่ก็ไม่เคยได้ ซึ่งนั่นก็บอกเลาๆ ว่าการที่ผู้หญิงตัดใครแล้วก็จะไม่เอามาคิด แถมยังดูออกจะรำคาญๆ ที่ตามตื้อในแบบแมสเซจด้วย 

แต่ตอนหลัง Stein กลับได้มาเจอนางเอกในแบบตัวจริงเจอกันโดยทั้งบังเอิญและไม่บังเอิญ ฉากในงานเลี้ยงโรงพยาบาลกับฉากอื่นๆ และฉากก่อนจบที่สำคัญที่เขาเจอกับนางเอกในร้านหนังสือ และพบกว่ามีความชอบกับประสบการณ์กับแม่เหมือนกัน ซึ่งทำเอานางเอกยิ้มกับเขาได้ในแบบที่เป็นธรรมชาติจริงๆ แม้แต่น้องชายยังสังเกตุได้ และพยายามจะถามในตอนก่อนจบ แต่หนังตั้งใจให้ถูกขัดจังหวะ เพื่อไม่ให้เป็นการใบ้มากไป อีกทั้ง Stein เป็นคนที่พยายามมาตลอดแบบทำให้นางเอกเห็นชัดว่าเขาชอบเธอจริงๆ ซึ่งก็น่าจะเป็นคนที่สุดท้ายถ้าให้เลือกคบเป็นแฟนกันก่อน ก็น่าจะเป็น Stein แน่นอนครับ 
ส่วนเหตุผลที่หมอ Henrik ไม่น่าจะใช่คนกดกริ่งก็เพราะจุดสำคัญคือ คืนคริสต์มาสนั้นเขาต้องรับเวรเข้ากะต่อเนื่องไปจนเช้าและยังเจอปัญหาผู้ป่วยหัวใจล้มเหลวฉับพลันด้วย ทำให้ไม่น่ามีเวลามาทำอะไรแบบนี้ ซึ่งในตอนแรกเขาน่าจะตัดสินใจบอกชอบนางเอกในช่วงเข้าเวรสองกะพร้อมกัน แต่พอนางเอกหลุดจาการเข้าเวรเขาเลยต้องยอมบอกก่อนในแบบที่เวลาไม่เป็นใจ ซึ่งจากที่ดูคือนางเอกแอบเซอร์ไพรซ์ไม่คาดคิดมากกว่าจะรู้สึกชอบ เพราะตั้งแต่แรกแล้วนางเอกก็ไม่ได้มองเขาในแบบที่คิดจะเปิดใจอ่อยให้ในแบบที่ทำกับคนอื่นๆ เลย คือมองแค่ว่าเพื่อนร่วมงาน แม้คุณป้าที่นางเอกรักษาจะแอบใบ้ว่าเขาชอบเธอตั้งแต่แรกก็ตามที 
นอกจากตอนที่หมอ Henrik สารภาพ นางเอกก็ดูแค่สนใจฟังแบบอึ้งๆ แถมมีลืมว่าพูดอะไรกันต่อ แล้วตอนโดนขัดจังหวะก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะตอบรับเป็นแฟนกับหมอด้วย เพราะหลังจากนั้นเราจะเห็นว่านางเอกเตรียมการเชิญคนในโรงพยาบาลมาที่บ้านด่วนหลายคน แต่ไม่มีหมอ Henrik มาเกี่ยวด้วยเลย ถ้าลองคิดว่ามีผู้ชายมาขอเป็นแฟน ถ้าชอบคงไม่ปล่อยโอกาสนี้หลุดไปเป็นแน่ หรือก็ต้องตื่นเต้นมากมายที่จะมีแฟนคนใหม่แล้ว แต่นางเอกกลับสงบนิ่งและเลือกที่จะบอกความจริงอ้อมๆ ว่าไม่มีแฟนมางานคริสต์มาสของครอบครัว ซึ่งเสียงติ๊งต๊องๆ ตอนท้ายคือคนที่เซอร์ไพรซ์จริงๆ ว่ามาหาครับ

รีวิว Home for Christmas SS2

ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าซีรีส์เรื่องนี้ที่ดูหมือนลิมิเต็ดจบได้ลงตัวดีแล้ว แต่กลับได้ทำต่อ และก็เป็นตอนต่อจากตอนจบที่ค้างเป็นปริศนาปลายเปิดไว้ร่วมปีว่าฉากสุดท้ายคือใคร ซึ่งเรื่องก็เซอร์ไพรส์คนดูอีกรอบ เชื่อว่าเดากันผิดหมดแน่นอน (รวมถึงผู้เขียนด้วย) ซีรีส์เรื่องนี้เป็นหนังรักในช่วงคริสมาสต์ที่มีบทแบบคาดเดาไม่ได้ต่อเนื่องจนมาถึง SS2 ซึ่งเรื่องก็ยังคงเส้นคงวาทั้งประเด็นจิกกัดวัฒนธรรมทางสังคมของผู้หญิงผู้ชาย ฉากตลกแบบหน้าตายของนางเอกที่มักทำอะไรห่ามๆ เพี้ยนๆ น่ารักแบบไม่แคร์ใคร ซึ่งเรื่องราวในซีซั่นนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องเดทด่วนอีกแล้ว แต่เล่นเรื่องชีวิตของการมีแฟน การครองคู่ พิสูจน์ความรัก เป็นหลัก ซึ่งหนังก็ยังเดินไปในแบบจริงจังเรียลๆ กับชีวิตที่คนคบกันต้องเจอปัญหาอะไรบ้าง และจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี่เป็นตัวเช็คมุมมองได้เลยว่าเรารักเขาหรือไม่รัก ถ้ารักกันเรื่องนี้คือพิเศษ แต่ถ้าไม่รักเรื่องพวกนี้กลับทำให้น่ารำคาญ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่หนังฟีลกู๊ดโรแมนติกอะไรนัก ดังนั้นคนที่คาดหวังหนังรักหวานๆ ผ่านไปเลยครับ แต่ถ้าคนชอบในมุมความรักแบบเรียลๆ นี่ห้ามพลาด เพราะนี่เป็นซีรีส์หนึ่งเดียวในเน็ตฟลิกซ์ที่จริงจังไม่ขายฝัน แต่ก็ยังน่ารัก ตลก มีความโรแมนติกแทรกได้อยู่แบบเรียลๆ ที่สำคัญคือนางเอกมีเสน่ห์เหลือล้นมากๆ ครับ ใครที่ชอบซีซั่นแรกก็ต้องห้ามพลาดดูต่อเลย มี 6 ตอนจบสั้นๆ เหมือนเดิม และตัวซีซั่นสองตอนจบค่อนข้างสมบูรณ์แล้ว ไม่น่ามีต่อ SS3 อีกแล้วครับ

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!