playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว RRR (Netflix) หนังแอ็กชั่นอินเดียทุนสูงที่โม้ระเบิดเถิดเทิงร่วมกับ CG ทั้งเรื่อง

RRR

Summary

หนังแอ็กชั่นฟอร์มใหญ่โม้แตกของอินเดีย บทเชยๆ ขาดความลึก เรื่องเป็นสูตรสำเร็จเดาได้หมด ไปเน้นที่ฉากแอ็กชั่นโม้โอเวอร์เยอะกับ CG ร่วมด้วยช่วยกันโม้ให้สุดๆ ไปเลย แต่ก็ไม่ใช่แนวแอ็กชั่นตลกอินเดีย แม้บางทีก็อดขำกับความโม้ตรงนี้ไม่ได้เหมือนกัน เหมาะกับคนดูที่ไม่คิดมากเน้นดูเพลินๆ ได้อยู่

ปล.เรื่องนี้ถ้าตั้งโปรไฟล์ ENG ถึงจะได้ดูก่อนเข้าจริง 2 มิถุนายน

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ฉากแอ็กชั่นโม้ระเบิดเถิดเทิงมาก
  • โปรดักชั่นย้อนยุคทำได้ดี
  • บทพระเอกสองคนสูสีเท่ากัน
  • เน้นใช้ CG เยอะ
  • ฉากเต้นทำออกมาดี
  • มีซับไทย

Cons

  • บทเชยสุดๆ ไม่ได้มีความลึกอะไรเลยด้วย
  • CG ลอยๆ ไม่เนียน (ช่วงแรกดีกว่าช่วงหลัง)
  • ไม่ได้เน้นนางเอกจาก Gangubai ออกมาไม่ถึง 10 นาที

RRR หนังแอ็กชั่นอินเดียทุนสูงที่ทำรายได้ทั่วโลก 150 ล้านเหรียญสหรัฐ ด้วยเรื่องราวย้อนยุคสมัยอินเดียถูกปกครองด้วย จักรวรรดิอังกฤษ คนอินเดียถูกกดขี่เป็นทาส จนมีผู้กล้าสองคนที่ลุกขึ้นมาทำภารกิจปลดปล่อยชาติ
 RRR (2022) on IMDb

ตัวอย่าง RRR

หนังอินฟอร์มใหญ่ฉายโรงที่เน็ตฟลิกซ์ซื้อมาลงในระบบตามหลังกระแสหนัง Gangubai ซึ่งเรื่องนี้ก็มีเธอร่วมเล่นด้วยในบทเล็กๆ เป็นนางเอกที่ออกมาแค่ไม่กี่ฉาก รวมกันไม่ถึง 10 นาที ซึ่งถ้าใครตั้งใจมาดูเธอก็ต้องผิดหวังแน่ๆ เพราะตัวเรื่องนี้เป็นแนวแอ็กชั่นโม้ระเบิดเทิดเทิงตามสไตล์หนังอินเดียแนวๆ นี้ แต่แค่เรื่องนี้ไม่ได้ทำเป็นแนวแอ็กชั่นตลกเท่านั้น

พล็อตเรื่องนี้เป็นไปแบบง่ายๆ แค่พระเอกสองคนมาจากที่ต่างกัน คนหนึ่งเป็นเหมือนไฟ อีกคนเป็นน้ำ (ถูกเอามาตั้งเป็นหนังแบบงงๆ จากตัว R ใน Fire กับ Water ด้วย) แล้วก็มีเป้าหมายต่างกัน แต่ศัตรูก็คือกองทัพอังกฤษที่ปกครองอินเดียอยู่ ทั้งคู่มาเจอกันแต่อยู่คนฝ่ายแล้วเป็นเพื่อนรักกันในเวลาต่อ จากนั้นก็ต้องมาพบกับชะตากรรมรันทดที่ทั้งคู่ต้องมาต่อสู้กันเอง

ใครที่หวังหนังอินเดียพล็อตเรื่องซับซ้อนหรือดราม่าผูกปมกินใจอะไรนี่ตัดไปได้เลย เพราะเรื่องนี้บทแทบจะไม่เน้นความลึกอะไรเลย ทุกอย่างถูกทำออกมาผิวๆ ง่ายๆ ไปหมด ถึงเรื่องเหมือนจะดูมีความลับจุดหักมุมอยู่ แต่มันก็แทบจะเดาได้ง่ายๆ แล้วก็เป็นพล็อตน้ำเน่ามากแบบที่หนังไทยเองก็ยังใช้พล็อตนี้อยู่เรื่อยๆ เช่นกัน ซึ่งถ้าใครหวังตรงนี้บอกเลยว่าผิดหวังอย่างแรงมากแน่ๆ แต่คนอินเดียเองดูก็คงฮึกเหิม เพราะบทมันย้อนกลับไปยุคสมัยที่โดนกดขี่ทารุณเยี่ยงทาส คนขาวก็โหดร้ายป่าเถื่อนเป็นตัวโกงสมบูรณ์แบบ คนในชาติเขาดูแล้วต้องมีอารมณ์ร่วมสุดๆ ได้แน่นอน แต่เรื่องก็มีหยอดให้นิดนึงว่านางเอกเป็นสาวผิวขาวจิตใจดี พอให้ดูว่าอังกฤษไม่ได้เป็นตัวร้ายไปหมดแค่นั้น

แต่ทางผู้สร้างก็คงตั้งใจแค่มาขายฉากแอ็กชั่นเท่านั้นจริงๆ เพราะเรื่องนี้คือเป็นหนังแอ็กชั่นแทบจะเต็มสูบจากความยาว 3 ชั่วโมง 7 นาที (หนังโรงอินเดียส่วนใหญ่จะยาวเป็นปกติอยู่แล้ว) แถมด้วยความโม้แตกสุดๆ แบบที่ใช้ CG ร่วมด้วยช่วยกันโม้ให้สุดๆ ระดับความโม้ของเรื่องนี้ก็เอาแค่ฉากต้นเรื่องพระเอกมือเปล่าคนเดียวสู้กับคนนับพันได้หน้าตาเฉย แถมยังกระโดดลอยตัวทำนั่นนี่แทบจะเป็นหนังกำลังภายในจีนได้เลย แล้วก็ใช้พวก CG ระเบิด สัตว์ป่า เอาเสือ หมาป่า มาร่วมสู้กับกองทัพอังกฤษหน้าตาเฉย (แต่ CG ทำออกมาค่อนข้างลอย แรกๆ รู้สึกว่าดีกว่าหลังๆ) ตอนใกล้จบอยู่ๆ ก็อัญเชิญพลังเทพมาสิง กลายเป็นนักธนูที่สู้ปืนทั้งกองทัพได้ ยิ่งว่าเลโกลัสของลอร์ดออฟเดอะริงอีก โดยไม่ต้องถามหาความสมเหตุผล บอกเลยไม่มี และทางคนสร้างก็ไม่ได้ตั้งใจจะให้มีด้วย เพราะแต่ละฉากมันฉีกกฎฟิสิกส์ทิ้งกระจุยหมด ความเว่อร์ระดับเดียวกับฉากสู้ของเมทริกซ์ เพียงแต่พระเอกสองคนนั้นบินไม่ได้ก็เท่านั้น  ตัวบทของนักแสดงนำหลัก N.T. Rama Rao Jr. กับ Ram Charan ก็ทำออกมาสูสีกัน ไม่มีใครเด่นน้อยกว่าใคร

ส่วนฉากเต้นแน่นอนว่านี่เป็นโรงอินเดียโดยตรงจึงทุ่มทุนสร้างฉากเต้นเต็มที่ค่อนข้างเยอะ และนำมันมาใช้ร่วมกับฉากแอ็กชั่นในเรื่องด้วย อีกส่วนก็ไว้เล่าเนื้อเรื่องดราม่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่ที่เป็นเพื่อนรักเพื่อนแค้น ฉากเต้นเหล่านี้มีซับแปลหมด ทำให้รู้เรื่องได้ฟีลลิ่งที่ฉากนั้นต้องการสื่อ ทำออกมาเพลินดีไม่น่าเบื่ออะไร แต่ถ้าใครไม่ชอบก็คงต้องกดข้ามไปนั่นแหละครับ

นี่เป็นหนังแบบที่คนดูต้องไม่คิดมาก เน้นแอ็กชั่นดูเอาสนุกเพลินๆ ก็ได้อยู่ แต่ก็น่าเสียดายที่บทน่าจะมีความลึกมากกว่านี้ มันเลยกลายเป็นหนังโปรโมทฟอร์มใหญ่รายได้ดี แต่ดูแล้วค่อนข้างผิดหวังต่างจากที่คาดไปมากครับ

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!