playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Thieves of the Wood กบฏแห่งพงไพร นี่ไม่ใช่โรบินฮูดอย่างที่คิด!

สรุป

ซีรีส์เรื่องนี้อาจจะขึ้นต้นช่วงแรกดูธรรมดา เอื่อยๆ เรื่อยๆ ยาวนานสักหน่อย แถมเรื่องราวก็ไม่ได้เดินตามสูตรหนังแมส หรือเป็นแนวโรบินฮูดอย่างที่คิด หนังเล่นเรื่องราวด้านมืดความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ทุกตัวละคร ไม่มีใครขาวสะอาดหรือเป็นพระเอกฮีโร่ได้จริงๆ แต่ช่วง EP7 ไปหนังกลับมาในแบบที่เป็นคนละม้วนกับช่วงแรก และเป็นช่วงเอาคืนของจริงที่เรื่องราวสนุกสะใจเอามากๆ พอดูจบรู้สึกเลยว่าองค์รวมทั้งหมดของซีรีส์เรื่องนี้ทำได้ดีกว่าที่คิดตอนแรกมากครับ

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • ตัวละครมีความลึก ออกแนวสีเทาๆ กันทุกคน
  • ตัวละครบทสมทบเยอะ แต่สำคัญกับเรื่องราวทั้งหมด
  • การพลิกกลับของเรื่องราวช่วงแรกกับช่วงหลังทำได้ดี
  • หนังมีฉากโหดร้ายทารุณสมจริงเยอะ
  • เรื่องราวมีส่วนอิงกับประวัติศาสตร์จริง

Cons

  • ช่วงแรกเอื่อยๆ ไม่น่าติดตาม
  • ไม่มีแอ็กชั่นหวือหวาอะไรทั้งสิ้น (ไม่ใช่หนังแบบโรบินฮูด)

 

Thieves of the Wood กบฏแห่งพงไพร ซีรีส์ Netflix จากประเทศเบลเยียม เรื่องราวของคนเร่ร่อนที่ถูกขับไล่ไปอยู่ป่า ได้รวมตัวกันต่อสู้กับขุนนางในเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่งในสมัยยุคล่าอาณานิคมของฝรั่งเศส

 Thieves of the Wood (2018) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่าง Thieves of the Wood กบฏแห่งพงไพร

ซีรีส์เรื่องนี้พูดคุยด้วยภาษาเฟลมิช ซึ่งมาจากมณฑลเฟลมิชบราบันต์ของเบลเยียม โดยอิงกับประวัติศาสตร์จริงช่วงสมัยที่เบลเยียมยังไม่ได้รวมตัวกันเป็นประเทศเดียวในปัจจุบัน ซึ่งเมืองในเรื่องราวนี้อยู่ใต้การปกครองของฝรั่งเศส และต้องจ่ายค่าส่วยสงครามอย่างหนัก จนขุนนางชนชั้นสูงหาทางออกด้วยการรีดภาษีเก็บเกี่ยวจากประชาชน โดยไม่สนใจความเดือดร้อนต่างๆ ที่ตามมา ซึ่งก็เลยกลายเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มีกลุ่มคนรวมตัวกันในป่า ต่อต้านการกดขี่ข่มเหงของขุนนางพวกนี้

ถ้าดูจากตัวอย่างหรือชื่อเรื่องคงชวนให้คิดว่านี่เป็น “โรบินฮูด” อีกเวอร์ชั่นแน่ๆ ซึ่งก่อนดูผมเองก็คิดแบบนั้น และเผลอปักธงคิดว่าเรื่องต้องเดินตามรอยขุนนางกดขี่ มีผู้กล้าก่อการกบฎ ปล้นคนรวยแจกคนจนอะไรทำนองนั้น ซึ่งถ้าใครดูเรื่องนี้ขอให้ลบภาพหรือแนวเรื่องแบบโรบินฮูดออกไปเลยครับ เพราะซีรีส์เรื่องนี้มีเรื่องราวแตกต่าง และก็ไม่ได้เป็นการผจญภัยต่อสู้ผดุงความยุติธรรมที่ดูเท่อะไรแบบนั้นเลย กลับกันคือหนังทำออกมาดิบๆ มีความเป็นมนุษย์สีเทาๆ ดำๆ กันทุกตัวละคร แม้แต่พระเอกของเรื่องที่ถ้ามองจากพล็อตน่าจะเหมือนโรบินฮูด ดูยังไงก็ต้องเป็นคนดีแน่ๆ แต่ในเรื่องนี้ก็ยังทำให้เขาเป็นตัวละครที่เทาๆ ดำๆ แบบให้เห็นกันแต่แรกเลยว่าหมอนี่ไม่ใช่คนดีอย่างที่เห็นภายนอก ซึ่งยอมรับว่าการดูในช่วงแรกขัดใจมากกับการที่ตัวละครฝ่ายพระเอกดูแล้วไม่อยากเอาใจช่วยเลย เพราะการกระทำก็ดูเป็นโจรจริงๆ เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าจะเป็นแบบโรบินฮูดที่รู้สึกว่าเป็นฮีโร่ของคนที่ถูกดขี่จากระบบชนชั้นในสมัยก่อน

อย่างที่บอกไปข้างต้นถ้าดูแล้วคิดว่าเป็นแนวโรบินฮูดจะทำให้การดูเรื่องนี้แบบผิดฟีลไปมาก ดูแล้วน่าเบื่อชวนหลับไม่ชวนลุ้นน่าติดตามอะไรเลย เพราะแทนที่จะได้ลุ้นกับภารกิจปล้นหนีมีแอ็กชั่นเท่ๆ หนังกลับไม่มีพวกนั้นเลย หนังเน้นหนักไปที่เรื่องราวดราม่า การหักหลังเอาตัวรอด ความเห็นแก่ตัว และความโลภของมนุษย์ และอิงกับยุคสมัยโบราณที่มีการกดขี่ทารุณผู้หญิงหลายอย่าง ตัวละครชนชั้นล่างตกอยู่ชะตากรรมที่ไร้ทางออก ชวนให้หดหู่สิ้นหวังมาก

กบฎแห่งพงไพร
ผู้หญิงในเรื่องนี้เหมือนเป็นสิ่งของให้ผู้ชายใช้สนองความต้องการตลอดเรื่อง

แต่อย่าพึ่งคิดว่าหนังทำออกมาน่าเบื่อ เพราะนี่เป็นความตั้งใจของเรื่องนี้ที่ทำให้ดูแล้วรู้สึกถึงช่วงยุคสมัยที่มีกดขี่เอารัดเอาเปรียบมนุษย์ด้วยกันเพื่อประโยชน์ส่วนตัวโดยไม่รู้สึกว่าผิดอะไร หนังต้องการสะท้อนให้เห็นความจริงของมนุษย์ คนดีจอมปลอม การทำดีแบบแอบหวังผลเข้าตัวเอง หนังมีตัวละครหลายตัวมาก แต่มีตัวหลักของเรื่องราว 4 คนที่ทำให้เรื่องราวดูเทาๆ ได้อย่างน่าสนใจคือ

“ยาน” ตัวละครพระเอกของเรื่องที่เป็นทหารหนีทัพมีคดีติดตัว เป็นตัวละครสีเทาดำมาตั้งแต่เริ่มเรื่อง หน้าฉากดูเป็นคนดีพยายามไถ่บาปหรือแก้ไขความผิดที่ตัวเองก่อ ก่อนจะนำพากลุ่มคนจรไปปล้นรถม้าขุนนาง ที่กลับกลายมาเป็นความผิดพลาดทำให้คนอื่นมาตายแทน

“ติงเก” พี่ชายของยานที่ดูเป็นตัวละครขี้เหล้าเมายา เป็นคนดูแลคุมซ่องโสเภณีหากินกับอะไรที่ไม่ค่อยชอบธรรมนัก แต่กลับต้องมาร่วมกลุ่มปล้นรถม้าของขุนนางเพราะติดหนี้ส่วนตัว เขาเป็นตัวละครที่คนดูเกลียดแน่นอน แต่พอมองลึกๆ เขาก็เป็นคนที่ทำไปเพื่อความอยู่รอดของตัวเองตามปกติ ไม่ได้เลวร้ายอย่างภาพที่เห็น

“แอนมารีย์” สาววัยรุ่นจากบ้านเด็กกำพร้า ที่ถูกซื้อตัวมาปล่อยในเกมไล่ล่าข่มขืนผู้หญิงของเหล่าขุนนาง หลังเธอรอดไปได้ก็กลายเป็นโสเภณีที่พยายามหาทางถีบตัวเองออกจากสภาพที่เป็นอยู่ แม้ว่าจะต้องทรยศทุกคนก็ตาม

“บารู” ผู้ดูแลที่ดินที่ไม่ได้มีเชื้อขุนนางและต้องมารับหน้าที่คุมการใช้กฎหมาย ในเมืองที่ขุนนางอยู่เหนือกฎหมายได้เสมอ เป็นตัวละครที่มีความพยายามทำทุกสิ่งทุกอย่างให้ถูกต้อง ดูเป็นคนดีที่ต้องตกอยู่ภายใต้เท้าคนเลวจนรู้สึกน่าเห็นใจ น่าเอาใจช่วยมากกว่าฝ่ายพระเอกซะด้วยซ้ำ

หนังอาจจะดูเรื่อยๆ ไม่ค่อยเร้าอะไรมากในช่วงครึ่งแรกค่อนเรื่อง แต่ช่วงหลังจาก EP7 ไปคือช่วงปลดปล่อยเรื่องราวของจริง หนังจะกลายเป็นคนละม้วนกับช่วงแรกเลย ซึ่งเรื่องราวจะหลุดพ้นจากดราม่าส่วนตัวของทุกตัวละคร มาสู่องค์รวมของเรื่องราวการกบฎ แก้แค้น เอาคืนที่สนุกสะใจเอามากๆ ตัวละครในเรื่องช่วงแรกก็มีการพลิกกลับอีกครั้ง ซึ่งเราจะได้เห็นว่าที่หนังปูมาทั้งหมดช่วงแรกสำคัญกับเรื่องช่วงหลังยังไง และก็ดูเป็นไปในทิศทางฮีโร่มากขึ้นกว่าช่วงแรกมาก แต่ด้วยความที่หนังยังตั้งอยู่บนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์จริง เรื่องราวทั้งหมดก็ยังไม่ใช่หนังฮีโร่ในแบบโรบินฮูดอยู่ดี หนังยังคงมีความดาร์คหดหู่แบบสมจริงกับเรื่องราวไปจนจบ ซึ่งนี่เป็นข้อดีของหนังจริงๆ ที่ยังคงทิศทางเรื่องราวไว้ไม่เปลี่ยนแปลงไปแบบโลกสวยเกินจริง

เกมล่าข่มขืนผู้หญิงของขุนนางโฉด

สรุปความน่าสนใจของ Thieves of the Wood กบฏแห่งพงไพร

ซีรีส์เรื่องนี้อาจจะขึ้นต้นช่วงแรกดูธรรมดา เอื่อยๆ เรื่อยๆ ยาวนานสักหน่อย แถมเรื่องราวก็ไม่ได้เดินตามสูตรหนังแมส หรือเป็นแนวโรบินฮูดอย่างที่คิด หนังเล่นเรื่องราวด้านมืดความเห็นแก่ตัวของมนุษย์ทุกตัวละคร ไม่มีใครขาวสะอาดหรือเป็นพระเอกฮีโร่ได้จริงๆ แต่ช่วง EP7 ไปหนังกลับมาในแบบที่เป็นคนละม้วนกับช่วงแรก และเป็นช่วงเอาคืนของจริงที่เรื่องราวสนุกสะใจเอามากๆ พอดูจบรู้สึกเลยว่าองค์รวมทั้งหมดของซีรีส์เรื่องนี้ทำได้ดีกว่าที่คิดตอนแรกมากครับ

ติดตามรีวิวหนัง/ซีรีส์ Netflix คลิกที่นี่

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!