playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว ห้องนี้ ไม่มีห่วย (Netflix) ซีรีส์สุดป่วยและกลวงของ BNK48 อัพเดท EP2

สรุป

นี่เป็นซีรีส์ไทยที่ขนเอาไอดอลมารวมตัวกัน มีทุนสร้างที่อย่างน้อยก็คงได้มาจาก Netflix รองรับไว้ด้วย แต่กลับมีมาตรฐานงานที่ต่ำมาก ต่ำกว่าหลายเรื่องในค่ายที่เคยทำมาซะอีก แม้ผ่านมา 2 ตอนแล้วก็ยังไม่มีอะไรดีขึ้นมาก และดูท่าว่าจะเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าไม่ใช่แฟน BNK48 จริงๆ ผ่านเถอะครับ หรือถ้าเป็นคนที่ตั้งใจจะดูจริงๆ ก็ต้องยอมรับข้อเสียหลายอย่างของเรื่องให้ได้ ถึงจะทนดูไหว

Overall
3/10
3/10
Sending
User Review
3.15 (26 votes)

Pros

  • รวมไอดอล BNK48 ในชุดนักเรียนสีสดเหมือนต่างประเทศ
  • การแบ่งแยกชนชั้นนักเรียนผ่านคะแนนในแอปจัดอันดับนักเรียน
  • จำลองความอยุติธรรมในสังคมปกติมาไว้ในโรงเรียน

Cons

  • บทพูดกับการแสดงที่ไม่เป็นธรรมชาติ
  • เนื้อเรื่องธรรมดามาก ขาดความแปลกใหม่ กลวงในเนื้อหา
  • ตัวเรื่องพยายามจะตลก แต่กลับไม่ตลก ออกแนวป่วยๆ
  • มีความทุนต่ำไม่ลงทุนหลายอย่างให้ดูสมจริง
  • กล้องถ่ายทำคุณภาพต่ำกว่ามาตรฐาน ยิ่งเวลาอยู่ในที่มืดจะเห็นเม็ดน้อยซ์ขึ้นมายิบๆ ชัดเจน
  • บทครูพละที่เป็นพระเอกนำเสนอในแบบพยายามตื้อจีบนักเรียน โดยไม่มองว่าเป็นปัญหาหนึ่งของวงการศึกษาที่ตัวซีรีส์เองพยายามเล่นเรื่องนี้อยู่ด้วย

ห้องนี้ ไม่มีห่วย The Underclass (Netflix) เมื่อเด็กห้อง A จะต้องตกไปอยู่ห้อง F ห้องสุดห่วยที่ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เธอจะทำอย่างไร ให้ได้กลับมาอยู่ห้อง A อีกครั้ง?

ตัวอย่าง ห้องนี้ ไม่มีห่วย The Underclass

เรื่องย่อ

ที่โรงเรียนมัธยมหญิงล้วนชั้นนำแห่งหนึ่ง ซึ่งแบ่งห้องเรียนตามระดับคะแนนการเรียนของนักเรียน ตั้งแต่ห้อง A ไปถึงห้อง F โดยที่ไม่มีการแบ่งสายการเรียน ใช้เพียงหลักสูตรเดียว แต่มีวิชาเลือกให้เลือกลงได้ตามคะแนนและหน่วยกิตที่มี สำหรับใครที่อยู่ห้อง A นั้นถือเป็นจุดสูงสุดของโรงเรียน เพราะเต็มไปด้วยเด็กหัวกะทิที่เรียนเก่ง เป็นแบบอย่างของโรงเรียน โดยที่ห้อง A นั้นได้รับสิทธิพิเศษที่มากกว่าห้องปกติ จึงเกิดความเชื่อที่ว่าถ้าใครอยู่ห้อง A ก็จะมีอนาคตที่ดี ได้เข้ามหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง ในคณะที่มีคะแนนสูงสุด และมีโอกาสทางสังคมที่เหนือกว่าคนอื่น ขณะที่ห้อง F ห้องที่นักเรียนแทบทุกคนไม่อยากอยู่มากที่สุด เพราะคือห้องที่ได้ชื่อว่ามีผลการเรียนระดับต่ำที่สุด หรือที่ถูกตีตราว่า “โง่” ที่สุดนั่นเอง

พะแพง (มิวนิค-นันท์นภัส เลิศนามเชิดสกุล) เด็กห้อง A คนเก่งที่ต้องตกไปอยู่ห้อง F เพราะเธอดันถูกจับได้ว่าโกงข้อสอบ แต่ชีวิตในห้อง F มันไม่ง่ายเลย เพราะพะแพงเข้ากับใครไม่ได้ สังคมต่างจากห้อง A ที่เธอมาโดยสิ้นเชิง แถมเธอยังมีเรื่องกับ มีน (มิวสิค-แพรวา สุธรรมพงษ์) หัวโจกของห้องอีกต่างหาก และแล้ววันหนึ่ง พะแพงดันเข้าไปพัวพันกับขบวนการ “แกะดํา” โดยไม่ตั้งใจ รองผอ. จึงยื่นข้อเสนอให้เธอแฝงตัวเข้าไปสืบ และเปิดโปงกลุ่มแกะดําให้ได้ ถ้าทําสําเร็จเธอก็จะได้กลับไปอยู่ห้อง A อีกครั้ง สุดท้ายแล้ว พะแพงจะเลือกอะไรระหว่าง ห้อง A ที่เธอภาคภูมิใจ หรือมิตรภาพ ความจริงใจ จากห้อง F


รีวิว ห้องนี้ ไม่มีห่วย The Underclass ตอน 1

ซีรีส์ที่ลงช่อง GMM25 พร้อมกับลงใน Netflix ด้วย โดยเป็นผลงานการสร้างร่วมกันกับไอดอลวง BNK48 โดยศิลปินในสังกัดมาแสดงในเรื่อง และฉายอาทิตย์ละตอน เริ่มวันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2563 เวลา 21.30 น.

ต้องบอกก่อนว่าทางผู้เขียนไม่ได้เป็นแฟนคลับของวงนี้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ติดตามหรือรู้จัก และก็ได้ดูภาพยนตร์ที่มีไอดอลวง BNK48 เล่นมาก่อนแล้ว 3 เรื่อง อย่าง App War แอปชนแอป โฮมสเตย์ Where We Belong ที่ตรงนั้น มีฉันหรือเปล่า ซึ่งไม่ได้มีกังขาอะไรนักกับบทบาทของพวกเธอที่ได้รับ และก็ยอมรับว่าโอเคอยู่กับงานภาพยนตร์ที่ออกมา มีมาตรฐานที่ผ่านเลย แต่ว่ากับเรื่องนี้ที่เป็นซีรีส์ลงทีวีกับลง Netflix ต้องบอกว่าไม่ผ่านในแทบทุกอย่างเอามากๆ ตั้งแต่การแสดงที่ไม่เป็นธรรมชาติเอาซะเลย ทั้งตัวนักแสดงนำอย่าง มิวนิค ในบทพะแพง สาวน้อยห้อง A ที่อยู่ๆ ก็โกงข้อสอบแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย บทไม่ให้รายละเอียดที่มาที่ไปอะไรสักเท่าไหร่เลย แล้วการแสดงก็เก้อๆ กังๆ แต่หลักๆ ก็คงเพราะบทพูดกับอะไรหลายๆ อย่างในเรื่องนี้ค่อนข้างแย่ และก็ไม่ใช่แค่บทพูดของเธอ แต่บทพูดของคนอื่นๆ ทุกตัวละครไม่ว่ามีบทนำ สมทบ หรือตัวประกอบก็แทบไม่แตกต่าง ยังดีที่มิวสิคในบทมีนคู่ปรับยังพอถูไถผ่านได้ ซึ่งบทพูดไม่เป็นธรรมชาติบวกกับการท่องบทพูดต่อกันแบบไร้อารมณ์นี้แหละเป็นปัญหาของเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มเรื่องมาก็สังเกตุได้ทันที และก็มีปัญหาไปจนจบเรื่องก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย ทำให้นักแสดงเองก็คงไม่รู้จะแก้ไขเล่นให้ดีได้ยังไงไปด้วย ต้องโทษผู้กำกับอาจจะถูกต้องที่สุดก็เป็นได้ครับ (กำกับโดย ภาส พัฒนกำจร)

ส่วนตัวบทพูดว่าแย่ แต่เนื้อเรื่องยิ่งแย่กว่าตรงไม่มีอะไรน่าสนใจในตอนแรกนี้เลย เนื้อเรื่องขาดความลึกหรือรายละเอียดที่ควรจะมี แม้จะใส่ปมปัญหาเรื่องการแบ่งแยกชนชั้นนักเรียนไว้ดูน่าสนใจ มีแอปของโรงเรียนที่ไว้จัดอันดับคะแนนกันให้เห็นๆ ว่าใครอยู่ชนชั้นไหน มีการใช้อำนาจของ รอง ผอ. ที่พยายามแบ่งแยกนักเรียนตามระดับคะแนน แต่ว่าตัวเรื่องเหมือนใส่มาทื่อๆ งั้นๆ แบบไม่มีกึ๋น ไม่มีความรู้สึกว้าวแปลกใหม่น่าสนใจเลยสักนิด

แถมภารกิจของแก๊งแกะดำห้อง F ที่พยายามทลายชนชั้นในโรงเรียนก็ดูง่อยมาก คือไม่ได้รู้สึกว่าตื่นเต้น ลุ้น หรือหักมุมใดๆ ทั้งสิ้น และก็ยังดูทุนต่ำโลวคลาสด้วยการใส่ชุดดำ ใส่หน้ากาก ใส่ผ้าคลุมตลกๆ ซึ่งก็ไม่รู้จะใส่ไปทำไมให้ตัวเองเกะกะทำงานไม่สะดวก หรือผู้กำกับต้องการให้เรื่องดูตลกๆ ก็อาจจะเป็นได้ แต่ส่วนตัวก็ไม่ได้รู้สึกว่ามุกในเรื่องมันตลกอะไรเลย (นึกฉากให้ขำยังนึกไม่ออกเลยด้วยซ้ำ) แถมยังขาดความสมจริงในรายละเอียด อย่างฉากง่ายๆ อย่างการตัดโซ่เหล็กก็ไม่ได้ตัดจริง ก็ไม่รู้ว่าจะทุนต่ำขนาดไหน แค่โซ่เส้นเดียวยังไม่ลงทุนทำให้ดีได้เลยด้วยซ้ำ

แสงเงา มุมกล้อง งานโปรดักชั่นของเรื่องก็ไม่ได้ดีหรือมีความโดดเด่นอะไรให้พูดถึงด้วย มีแต่ชุดเสื้อผ้านักเรียนในเรื่องที่ดูไฮโซอินเตอร์ดูดีหน่อย จนทำให้หน้าปกของเรื่องนี้ดูอินเตอร์มีความน่าสนใจให้น่าดูเท่านั้นครับ แต่ตัวห้องเรียนนี่ดูโลวย้อนแย้งไม่สมกับชุดนักเรียนที่ดูแพงเลยสักนิด

นี่เป็นซีรีส์ไทยที่ขนเอาไอดอลมารวมตัวกัน มีทุนสร้างที่อย่างน้อยก็คงได้มาจาก Netflix รองรับไว้ด้วย แต่กลับมีมาตรฐานงานที่ต่ำมาก ต่ำกว่าหลายเรื่องในค่ายที่เคยทำมาซะอีก จัดว่าแย่ ถ้าไม่ใช่แฟน BNK48 จริงๆ ผ่านเถอะครับ ข้ามไปเลยดีกว่าเอาเวลามาทิ้งเปล่าๆ กับเรื่องนี้


ห้องนี้ ไม่มีห่วย ตอน 2 ศาลนักเรียน (ไม่สปอยล์)

ในตอนสองเรื่องราวเพิ่มมาอีกนิดเป็นเรื่องเกี่ยวกับระบบศาลจำลองในโรงเรียน ที่นักเรียนห้อง A ได้เป็นตำแหน่งผู้พิพากษา และก็เป็นคนตัดสินคดีต่างๆ ที่เกิดในห้องเรียน ในอีกทางหนึ่ง ตัวนางเอกแพงก็ถูก ผอ.ยื่นข้อแลกเปลี่ยนให้สืบเรื่องแก๊งแกะดำที่คิดว่าเป็นพวกห้อง F โดยถ้าทำสำเร็จจะย้ายเธอกลับมาอยู่ห้อง A ซึ่งแพงก็ตกลงและพยายามหาทางตีสนิทกับมีนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มให้ได้ แต่จะสำเร็จหรือไม่ก็ต้องรอดูกันต่อไป

ห้องนี้ ไม่มีห่วย ตอน 2 ศาลนักเรียนในตอนนี้มีเรื่องราวที่ดูดีน่าสนใจขึ้นมามากกว่าตอนแรก เกี่ยวกับระบบศาลนักเรียน ซึ่งจะว่าไปก็ทำให้เราเห็นว่าซีรีส์เรื่องนี้ต้องการถ่ายทอดระบบความไม่เป็นธรรมในสังคม ให้เข้ามาอยู่ในโลกของนักเรียนในโรงเรียน ซึ่งศาลก็ถูกแต่งตั้งจาก ผอ. และตัวนักเรียนที่ได้รับอำนาจนี้มาก็ตัดสินคดีอย่างไม่เป็นธรรม แถมยังใช้อำนาจนี้เข้ามาหาผลประโยชน์ใส่ตัว ซึ่งตัวเรื่องจะเริ่มโฟกัสว่าห้อง A มีอะไรมากกว่าแค่รวมตัวเด็กเรียนเก่ง ซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นปมสำคัญของซีรีส์เรื่องนี้ที่จะเฉลยออกมาตอนท้ายๆ

แม้โครงเรื่องตอนนี้จะมีความน่าสนใจ แต่ปัญหาของเรื่องก็ยังเป็นไปในแบบเดิมคือ ตัวละครทั้งพูดและแสดงไม่ได้เป็นธรรมชาตินัก ตัวหลักมีนกับแพงถือว่ายังพอโอเค แต่พอหลุดจากสองคนนี้ไปยังตัวละครอื่นๆ ก็กลายเป็นท่องบทพูดกันเป๊ะๆ ทื่อๆ ซึ่งใครที่ตั้งใจจะดูซีรีส์เรื่องนี้ก็คงต้องทำใจว่าจะต้องเจอแบบนี้ไปจนจบแน่นอน

อีกอย่างคือตัวบทให้มีเรื่องราวการสืบคดีว่านักเรียนห้องบีทุจริตข้อสอบจริงหรือไม่ แต่รายละเอียดในการสืบกลับเอาเรื่องง่ายมาทำให้ดูเหมือนยาก อย่างการหาเบอร์คุณครูที่ดูแลข้อสอบ ที่ต้องย่องเข้าห้องพักครูไปดูที่แปะประกาศไว้ เพื่ออะไรทั้งๆ ที่ก็มีครูพละพี่ชายมีนอยู่ด้วยแท้ๆ แถมหลายอย่างก็ดูง่าย เบาๆ ไปหมด จนถึงการพิจารณาคดีอยู่ๆ ก็มีแก๊งแกะดำโผล่มายืนบนโต๊ะ มีสปอร์ตไลท์ส่องลงมา ซึ่งตอนนี้เข้าใจว่าจะพยายามทำให้เรื่องดูเป็นแนว Live Action แบบญี่ปุ่น แต่ว่ามันกลับดูไม่เข้ากันอย่างมากกับตัวเรื่องที่ห้อง A กำลังตามหาตัวแก๊งแกะดำ พอมาปรากฎตรงหน้ากลับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ปล่อยให้หายตัวไปซะงั้น ซึ่งถ้าบทต้องการให้ดูเบาสมองแบบนี้ก็ไม่ควรจะหยิบจับเรื่องเชิงลึกของโครงสร้างปัญหาความยุติธรรมในสังคมมาเล่นเลย มันเลยดูเป็นการย้อนแย้งกันไปในตัวเอง ทำให้เรื่องที่ดูเหมือนจะมีอะไร แต่ก็กลายเป็นตลกเบาสมองไปแทน

นอกจากนี้ตัวละครครูพละฝึกสอนที่วางตัวเป็นพระเอกก็มีความไม่เข้ากันอย่างมากกับบท ดูขัดตาตลอดเวลาทั้งหน้าตาเด็กเกินกับบุคลิกท่าทางที่ออกมา สรรพนามที่เรียกตัวเองว่าเรา เธอ รวมถึงการพยายามตามตื้อกึ่งจีบนางเอก ซึ่งกลายเป็นเรื่องไม่ได้สนใจเลยหรือว่า นี่เป็นปัญหาอีกอย่างของในวงการศึกษาเรื่องครูกินเด็กหรือพยายามมีอะไรกับเด็กเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง แต่กลับนำเสนอออกมาให้เป็นเรื่องปกติ สวนทางกลับตัวซีรีส์ที่เล่นเรื่องปัญหาในโรงเรียนได้หน้าตาเฉย

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!