playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว A Fall From Grace ความรักบังตา ฆาตกรรมไร้ศพ

A Fall From Grace

สรุป

หนังเล่นเรื่องความเหงาของผู้หญิงสูงวัยที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตรัก ก่อนจะมาถูกหลอกให้รักแล้วปอกลอกหมดตัว ซึ่งพบเห็นอยู่บ่อยๆ ในชีวิตจริง หนังทำออกมาได้ดีมีความเข้าใจในจุดเปราะบางของผู้หญิงว่าทำไมถึงถูกหลอกได้ แม้ว่าจะมั่นใจว่าตัวเองรู้ทันคนก็ตาม ผสมกับเรื่องราวฆาตกรรมที่มาแปลกตรงเรารู้ว่าเกิดขึ้นยังไงละเอียดยิบ แต่เราก็รู้ว่าหนังต้องมีหักมุมซ่อนอะไรไว้ในนั้นแน่ๆ ซึ่งแอบคาดเดาได้ยากอยู่เหมือนกัน แต่พอบทเฉลยกลับมาไวไปไวรีบจบแบบไม่มีชั้นเชิงเลย ทำให้ที่ปูมาทั้งหมดอ่อนยวบไปในทันที

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (1 vote)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • เรื่องราวผู้หญิงสูงวัยถูกหลอกให้รักแบบที่พบได้ในชีวิตจริง
  • จุดหักมุมโอเวอร์เล่นใหญ่กว่าที่คิด

 

Cons

  • ฉากว่าความสู้คดีที่ทำออกมาลวกๆ
  • ช่วงเฉลยที่รีบร้อนเฉลยแบบพรวดๆ

 

A Fall From Grace หนัง Original Netflix เรื่องราวของ ทนายสาวผู้อ่อนหัด ที่ต้องมาปิดคดีของสาวสูงวัยที่รับสารภาพว่าฆ่าสามีตัวเอง ก่อนจะมาพบความผิดปกติหลายอย่าง จนไม่เชื่อว่าเกรซฆ่าสามีของเธอจริง

 A Fall from Grace (2020) on IMDb

ตัวอย่างหนัง A Fall From Grace

ชื่อหนังเป็นเรื่องราวจุดตกต่ำสุดของ “เกรซ วอเตอร์ส” สาวสูงวัยฐานะดีผู้โดดเดี่ยวในบ้านหลังใหญ่ หลังจากหย่าร้างกับสามีเมื่อจับได้ว่าเขาคบชู้ เธอปิดตัวเองอยู่นานมีชีวิตอยู่แค่ส่งลูกเรียนให้จบ แต่แล้วเธอกลับได้เจอรักครั้งใหม่อีกครั้งกับ “แชนนอน เดลอง” หนุ่มหล่อช่างภาพที่เข้ามาเยียวยาหัวใจของเธอ ก่อนที่เรื่องราวจะพลิกผันไม่เป็นดั่งที่เธอฝันไว้

แม้เรื่องราวหลักจะเป็นของ “เกรซ” ตามชื่อเรื่อง แต่ตัวละครที่ดำเนินเรื่องหลักคือ “แจสมิน” ทนายสาวของรัฐ ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ว่าความใดๆ ทำหน้าที่เพียงแค่ปิดคดีที่ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพเท่านั้น ซึ่งแจสมินเองก็เริ่มรับไม่ได้กับชีวิตของตัวเองที่ไม่อาจจะเป็นทนายว่าความได้ตามฝัน จนเธอได้มาเจอเกรซที่อยากรับสารภาพความผิดของตัวเองที่ฆ่าสามีไป แต่แจสมินเองกลับเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติของคดี จนตัดสินใจสู้คดีให้เกรซพ้นผิด พร้อมทั้งต้องตามสืบด้วยตัวเองว่าเรื่องราวที่เกรซสารภาพมา ความจริงเป็นเช่นไรกันแน่

หนังเดินเรื่องตัดสลับกันระหว่างการเล่าเรื่องย้อนอดีตของเกรซที่พบเจอกับความรักครั้งใหม่ เรื่องเดินไปแบบสวยงามตามคำบอกเล่าชวนฝันของเกรซ ทำให้เราเชื่อได้เลยว่าเธอได้พบรักกับแชนนอนจริงๆ ก่อนจะขยักเรื่องไว้ทีละช่วงให้แจสมินทนายสาวอ่อนหัดสงสัย จนมีไฟอยากว่าความสืบคดีด้วยตัวเอง  และยังต้องเดินหน้าชนกับสำนักงานตัวเองที่อยากปิดคดีนี้ไปให้จบๆ จากคำสารภาพของเกรซเองที่ต้องการจบชีวิตบั้นปลายในคุก

ซึ่งช่วงการเล่าเรื่องจากในคุกของเกรซสลับกับการเดินเรื่องภายนอกของแจสมิน ทำให้หนังดูมีอะไรน่าสนใจ แถมมีเรื่องการซ่อนศพที่ยังตามหาไม่เจอ ชวนให้สงสัยว่าเรื่องราวจะหักมุมจากเรื่องจริงที่เกรซเล่าไปได้ยังไง โดยมีตัวแปรเป็นลูกชายกับเพื่อนสนิทของเธอเข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติมในภายหลัง แม้เรื่องราวจะเดินไปอย่างเรียบๆ ไม่ได้หวือหวาอะไร แต่ก็ทำออกมาได้น่าติดตาม เพราะเรารู้แน่ชัดว่ามีความผิดปกติซุกไว้ใต้คำสารภาพของเกรซแน่นอน

หนังใช้ตัวละครน้อย แต่เดินเรื่องราวให้ดูลึกลับได้ดี ซึ่งตัวละครนอกจากเกรซกับแจสมินที่สำคัญอีกคนคือ “แชนนอน” หนุ่มเจ้าเสน่ห์ชวนฝันที่มาจีบเกรซ เขาทำให้เชื่อเลยได้เลยว่ามีตัวตนสองด้านเทพบุตรกับปีศาจ แนว Romance scam (โรแมนซ์ สแกม) หรือพวกมิจฉาชีพที่หลอกให้รัก แต่ปกติพวกนี้มักหลอกจากโลกออนไลน์ไม่เจอกันจริงๆ แต่กรณีของแชนนอนสมจริงกว่าด้วยการรุกหาเหยื่อแบบเทพบุตรทุ่มเทให้หมดใจ ทุกอย่างละมุนละไมชวนให้สาวสูงวัยหวั่นไหวเหมือนย้อนไปสมัยสาวๆ และเมื่อได้ตามต้องการแล้วก็ค่อยๆ เผยตัวตนในคราบซาตานความรักออกมา

หนังนำเสนอภัยร้ายของคดีโรแมนซ์สแกมจากเรื่องจริงได้ดีเลย ไม่ว่าใครก็อาจจะตกเป็นเหยื่อได้เสมอ แม้จะคิดว่าตัวเองฉลาดแค่ไหนก็ตามที ในเมื่อความรักที่ดีเป็นสิ่งที่ลึกๆ คนโหยหาต้องการ ถ้ามีความหวังเข้ามาแม้จะพยายามบอกตัวเองว่าไม่จริงเป็นไปไม่ได้ แต่น้ำหยดลงหินทุกวันก็ยังกร่อน หนังทำให้เห็นเลยว่าเกรซรอบคอบมากที่สุดแล้วจากประสบการณ์หย่าร้างมาก่อน ก็ยังโดนความรักบังตาจนตกหลุมพรางเข้าจนได้ และมิจฉาชีพพวกนี้ก็พร้อมใช้ความรักไปแล้วนี้แหละปอกหลอกเหยื่อไปได้เรื่อยๆ และยังมีเรื่องการขโมยตัวตน (identity) อย่างการเข้าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มือถือ ที่พอตกหลุมรักกัน อะไรๆ ก็ง่ายเพราะต้องเปิดเผย อ้างว่าถ้ารักกันจริงต้องให้ได้  แม้จะโดนจับได้ฝ่ายที่ยังรักอยู่ก็พร้อมให้อภัย จนสุดท้ายหมดตัวกลายเป็นเหยื่อที่พังทลายทั้งชีวิตและจิตใจโดยสมบูรณ์แบบอย่างที่เกรซเป็น

A Fall From Grace
A Fall From Grace

ชั่วโมงแรกของหนังเดินเรื่องราวผ่านคำสารภาพให้เห็นชีวิตเกรซ ก่อนจะตัดฉับปรับเปลี่ยนมาเป็นฉากการสู้คดีของแจสมิน ซึ่งกลายเป็นว่าความอ่อนหัดของตัวละครส่งผลมายังบทในช่วงนี้ตามไปด้วย หนังจากที่ดูมีอะไรซ่อนอยู่มากมาย กลับกลายเป็นฉากว่าความแบบลวกๆ จนดูเหมือนหนังไม่ได้คิดจะทำตรงส่วนนี้ให้ดีเลยด้วยซ้ำ จนทำให้ชั่วโมงแรกที่เล่าเรื่องปูมาดีๆ แทบจะพังไปซะทั้งหมดเลย

แถมพอพ้นช่วงว่าความในศาลไปแล้ว หนังเหมือนรู้ตัวว่าเวลาเหลือน้อย ก็เลยรีบพลิกเรื่องเป็นหนังทริลเลอร์ระทึกขวัญ พร้อมเฉลยเรื่องราวทั้งหมดเหมือนอั้นเอาไว้ไม่อยู่ ซึ่งง่ายเกินจนกลายเป็นว่าตัวละครหลักในเรื่องไขคดีได้แบบไม่ต้องใช้สมอง แค่ดันฟลุ๊คไปเจอ ฟลุ๊คไปเห็น แล้วก็ปิ๊งคิดได้เป็นฉากๆ ซึ่งไม่ใช่แค่ตัวละครเดียว แต่เกิดกับ 3 ตัวละครที่ดันปิ๊งเจอจิ๊กซอว์สุดท้ายนี้พร้อมกันต่างวาระ แล้วก็มาปิดเรื่องราวทั้งหมดในแบบหนังทริลเลอร์ระทึกขวัญ ซึ่งที่จริงผมชอบนะที่หนังพลิกมาหาทางออกนี้ได้ แต่มันดูรวบรัดเกินไปจนไม่ทันบิ้วอารมณ์ให้เราระทึกขวัญหรือกดดันไปกับจุดนี้ได้เลย ทั้งๆ ที่ตัวเรื่องสามารถทำได้ แต่กลับไม่ทำ (ถ้าเรื่องนี้เป็นซีรีส์อาจจะมีเวลาขยายให้ดีกว่าที่เป็นหนัง) แถมยังจบแบบทิ้งเชื้อไว้ทำต่อได้อีก (หรือตั้งใจไว้เป็นอุทาหรณ์ก็ไม่รู้)

แชนนอนไม่ได้ตายจากที่ถูกเกรซตีหัว แล้วซาราห์เพื่อนสนิทของเกรซกลายมาเป็นแม่ของแชนนอน ทั้งคู่เป็นมิจฉาชีพร่วมกันหลอกลวงเหยื่ออย่างเกรซมาตลอดชีวิต แถมเว่อร์ไปถึงขั้นกักขังคนแก่ไว้ในบ้านมากมายเพื่อรับเงินสิทธิประกันสังคมของรัฐ 

 

หนังเล่นเรื่องความเหงาของผู้หญิงสูงวัยที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตรัก ก่อนจะมาถูกหลอกให้รักแล้วปอกลอกหมดตัว ซึ่งพบเห็นอยู่บ่อยๆ ในชีวิตจริง หนังทำออกมาได้ดีมีความเข้าใจในจุดเปราะบางของผู้หญิงว่าทำไมถึงถูกหลอกได้ แม้ว่าจะมั่นใจว่าตัวเองรู้ทันคนก็ตาม ผสมกับเรื่องราวฆาตกรรมที่มาแปลกตรงเรารู้ว่าเกิดขึ้นยังไงละเอียดยิบ แต่เราก็รู้ว่าหนังต้องมีหักมุมซ่อนอะไรไว้ในนั้นแน่ๆ ซึ่งแอบคาดเดาได้ยากอยู่เหมือนกัน แต่พอบทเฉลยกลับมาไวไปไวรีบจบแบบไม่มีชั้นเชิงเลย ทำให้ที่ปูมาทั้งหมดอ่อนยวบไปในทันที

 

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!