playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Anatomy of a Scandal คดีอภิสิทธิ์ชนนักการเมืองฉาวล่วงละเมิดทางเพศ

สรุป

ซีรีส์ว่าด้วยเรื่องนักการเมืองล่วงละเมิดทางเพศจนเป็นเรื่องราวฉาวซับซ้อน สะเทือนไปถึงความมั่นคงทางการเมืองของรัฐบาล ซึ่งบังเอิญตรงกับข่าวดังในไทยตอนนี้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่นอกจากการต่อสู้คดีที่เข้มข้นทุกตอนแล้ว หัวใจหลักของเรื่องคือมุมมองความรู้สึกของภรรยานักการเมืองที่ต้องเลือกระหว่างความมั่นคงของครอบครัว หรือยอมแก้ไขความยุติธรรมที่ถูกบิดเบี้ยวมาตลอด

 

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

  • ฉากว่าความคดีล่วงละเมิดทางเพศที่มีหลายมุมมองในทางเทคนิคการต่อสู้ในศาล
  • ตัวเรื่องมีหลายปมซ้อนกันมากกว่าที่เห็น
  • ใช้มุมกล้องแทนความรู้สึกอารมณ์ของตัวละครได้เก๋มาก
  • นักแสดงเล่นดีมากทุกคน
  • งานโปรดักชั่นของอังกฤษที่เนี๊ยบมาก
  • ลิมิเต็ดซีรีส์ 6 ตอนจบสั้นๆ
  • มีเสียงพากย์ไทย

 

Cons

  •  เฉลยปมสำคัญของเรื่องไวเกินแทบหมดเปลือก (ในตอน 4)
  • จบแบบสรุปเรื่องราวรวบรัดง่ายๆ ไปหน่อย

Anatomy of a Scandal ฉาวซ่อนเงื่อน ลิมิเต็ดซีรีส์ Original Netflix  6 ตอนจบ แนวดราม่าสืบสวนของอังกฤษ จากผู้สร้าง David E. Kelley ผู้มีผลงานซีรีส์ชื่อดัง Big Little Lies  ของ HBO โดยสร้างจากนวนิยายชื่อเดียวกันของ Sarah Vaughan โดยเล่าเรื่องราวของคดีล่วงละเมิดทางเพศที่เกี่ยวข้องนักการเมืองดังอภิสิทธิ์ชน โดยผ่านมุมมองของภรรยาที่เชื่อใจปกป้องสามีมาตลอด

 Anatomy of a Scandal (2022) on IMDb

ตัวอย่าง Anatomy of a Scandal

เรื่องย่อ

ฉบับนิยาย

เจมส์ ไวท์เฮาส์ นักการเมืองภาพลักษณ์ดีมีครอบครัวอบอุ่นกลับตกเป็นข่าวฉาวมีความสัมพันธ์เชิงชู้สาวกับผู้ร่วมงาน เมื่อความลับนี้ถูกเปิดโปงก็สะเทือนไปถึงคณะรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีคอยอุ้มชูเขาอยู่ เพราะเขาทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันมานาน โดยมีความลับสำคัญในอดีตสมัยเรียนมหาลัยซ่อนอยู่ ในขณะที่ภรรยาของเจมส์ที่เชื่อมั่นและปกป้องเขามาตลอด ก็เริ่มรู้สึกว่าสามีของเธออาจจะไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่คิด

 

รีวิว (ไม่มีสปอยล์ส่วนสำคัญ)

ซีรีส์เรื่องนี้มาได้จังหวะเหมาะเจาะมากกับข่าวฉาวของนักการเมืองดังในไทยฝ่ายรัฐบาล ในข้อหาที่แทบจะเหมือนกันเลยด้วย เกี่ยวกับคดีล่วงละเมิดทางเพศ เป็นความบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ แต่ก็เพราะอาชีพนักการเมืองต้องห้ามเกี่ยวข้องกับดีแบบนี้โดยเด็ดขาด ซึ่งเรื่องราวในเรื่องนี้เริ่มจากปัญหาความสัมพันธ์ชู้สาวในที่ทำงาน ซึ่งเปิดเรื่องมาก็เข้าเรื่องทันที เหมือนเป็นการอุ่นเครื่องก่อนว่าคดีแบบนี้นักการเมืองจะรับมือได้ยังไง ซึ่งก็เป็นข่าวฉาวในระดับที่เสียหายมากแล้ว ก่อนตัวเรื่องจะยกระดับไปอีกขั้นด้วยข้อหาที่ร้ายแรงกว่าเป็นการข่มขืน

ฉากหลักในเรื่องนี้คือการต่อสู้คดีในศาลของอังกฤษ ซึ่งใช้ระบบลูกขุนตัดสิน โดยเรื่องแบ่งฟากให้น้ำหนักไปที่ทนายทั้งสองฝ่ายเท่าๆ กัน มีฉากไล่ต้อนพยานของแต่ละฝ่ายอย่างดุเดือดละเอียดยิบในมุมมองที่ตรงข้ามกัน จนทำให้เราเข้าใจได้เลยว่าเหยื่อที่ถูกละเมิดทางเพศต้องเจอกับอะไรบ้าง และมีโอกาสแพ้คดีสูงเพราะอะไร ระดับของการตัดสินว่าอะไรคือการล่วงละเมิด อะไรคือการสมยอม ในแง่ของคดีมีมุมโต้แย้งถกเถียงกันได้ลึกกว่าที่เราเข้าใจมาก ซึ่งผู้ชมจะได้รับรู้รายละเอียดของคดีที่เกิดขึ้นไปแบบเล่าย้อนหลังในศาลพร้อมกับเรื่องราวที่ค่อยๆ เล่าเบื้องหลังของ เจมส์ ไวท์เฮาส์ ในสมัยอยู่มหาวิทยาลัย ที่ซึ่งเขาได้พบกับ โซเฟีย ภรรยาในปัจจุบัน และความสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่ตอนนั้นจนกลายมาเป็นครอบครัวอบอุ่นมีลูก 2 คน โดยมีอดีตที่พร่าเลือนในคืนหนึ่งซึ่งจะมาเกี่ยวข้องกับคดีในปัจจุบันอย่างไม่คาดคิด ซึ่งตัวเรื่องวางไว้ค่อนข้างซับซ้อนมาก โดยมีเรื่องโยงใยถึงความสัมพันธ์การเมืองระหว่างนายกรัฐมนตรีกับสามีของเธอรวมอยู่ด้วย

ฉากว่าความต่อสู้คดีคือเมนหลักของเรื่อง แต่หัวใจของเรื่องจริงๆ คือมุมมองความเชื่อใจของภรรยาที่มีต่อสามีมาตลอด จนกระทั่งมีคดีฉาวเกิดขึ้น ตัวบทถ่ายทอดมุมมองความเปลี่ยนแปลงในจิตใจของเธอออกมาได้ดีมาก อย่างการใช้มโนภาพที่เธอคิดขึ้นว่าสามีของเธอกำลังเล่นชู้อยู่ต่อหน้าเธอ ไปจนถึงมุมกล้องที่เอียงบิดเบี้ยวในหลายครั้งที่เธอเริ่มรู้สึกว่าสามีกำลังโกหก  แต่ก็ไม่แน่ใจว่าจริงหรือไม่ เพราะภาพลักษณ์และทุกอย่างที่เขาแสดงให้เธอเห็นคือ สามีที่ผิดไปแล้วและอยากให้เธอให้อภัย กับเป็นพ่อแสนดีของลูก ซึ่งตัวผู้ชมเองก็รับรู้ข้อมูลในแบบเดียวกับเธอเห็น และก็ต้องรู้สึกลังเลไม่แน่ใจในแบบเดียวกันว่าเรื่องจริงๆ คืออะไรกันแน่ ซึ่งเธอจะเชื่อสามีหรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่บทวางไว้ให้ลุ้นในตอนจบเรื่องนี้

นอกจากนี้ตัวเรื่องยังมีปมสำคัญซ่อนอยู่อีกชั้น โดยเรื่องราวส่วนนี้จะถูกเฉลยออกมาในตอนที่ 4 ซึ่งเป็นการพลิกจุดโฟกัสของเรื่องราวที่เหนือกว่าคดีที่ต่อสู้กันมา และก็ช่วยให้เรื่องราวซับซ้อนดุเดือดเข้มข้นขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ในอีกมุมก็เป็นการเฉลยที่เปิดมาแทบหมด เปลือก แถมมาไวไปหน่อยทั้งๆ ที่เรื่องสามารถเก็บไว้เฉลยตอนท้ายๆ ก็ยังได้ จนทำให้เรื่องราวหลังจากนี้ค่อนข้างตรงๆ ไปหน่อย ต่างจากตอนที่ผ่านๆ มาที่ผู้ชมยังอาจจะเดาอะไรไม่ถูก แต่ก็ผลักดันเรื่องราวในตอนจบให้ไปไกลกว่าการตัดสินคดีแพ้ชนะในศาล

Naomi Scott
ชู้รักในเรื่องนี้รับบทโดย Naomi Scott จากเจ้าหญิงอะลาดินเวอร์ชั่นล่าสุดของดิสนีย์

เรื่องนี้ด้วยความที่เป็นซีรีส์อังกฤษ อะไรหลายๆ อย่างในเรื่องจึงดูแปลกตากว่าซีรีส์อเมริกาแทบทุกอย่าง ตั้งแต่แท็กซี่คันเล็กของอังกฤษที่ในเรื่องใช้เดินทางตลอด ฉากที่นั่งรัฐสภาอังกฤษที่ฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านนั่งหัวหน้าชนกัน วัฒนธรรมของนักเรียนไฮโซผู้ดีอังกฤษ สถาปัตยกรรมต่างๆ ซึ่งโปรดักชั่นงานสร้างของเรื่องนี้ดีมาก ทุกอย่างดูเนี๊ยบ มีลูกเล่นมุมกล้องที่ปฏิสัมพันธ์กับจิตใจตัวละคร อย่างการเอียงมุมกล้องเมื่อตัวละครกำลังพูดอะไรที่บิดเบี้ยวความจริง ซึ่งมุมกล้องเรื่องนี้แทบจะเป็นการถ่ายทอดความรู้สึกนึกคิดของตัวละครในตอนนั้นๆ ออกมาให้ผู้ชมเข้าใจได้เป็นอย่างดี

ด้านนักแสดงบท เจมส์ ไวท์เฮาส์ แสดงโดย Rupert Friend พระเอกของหนัง Hitman: Agent 47 (ปี 2015) ที่จำไม่ได้เลยเพราะบทนั้นหัวโล้นตลอดเรื่อง กับเล่นซีรีส์ Homeland เขาเป็นดาราอังกฤษแท้ๆ ก็เลยอาจจะไม่ได้เห็นหน้าค่าตากันบ่อยนักด้วย แต่ฝีมือการแสดงและรับบทนำเรื่องนี้เยี่ยมยอดมาก เขาสามารถแสดงเป็นนักการเมืองที่ภาพลักษณ์ดูดีสุดๆ กับสามีที่นอกใจภรรยาแล้วพยายามกลับตัวกลับใจได้อย่างน่าเห็นใจ ในอีกด้านหนึ่งเขาก็มีความลับในอดีตซ่อนอยู่ด้วย เป็นบทที่ต้องเล่นหลายหน้า มีความเทาๆ ในตัวให้ผู้ชมลังเลสุดๆ ซึ่งเขาทำได้ และก็ส่งความลังเลนั้นมาให้บทภรรยา ที่เล่นโดย Sienna Miller นักแสดงหญิงชาวอังกฤษอีกคนที่รับบทส่งต่อกันได้เป็นอย่างดี ผู้ชมจะได้เห็นพัฒนาการทางสีหน้าอารมณ์ของเธอระหว่างที่คดีดำเนินไป ซึ่งสุดท้ายตอนจบของเรื่องราวคือการตัดสินใจว่าเธอจะเชื่อสามีได้หรือไม่

 

สรุป Anatomy of a Scandal สนุกและดีไหม

ตัวเรื่องทำออกมาสนุกเข้มข้นทุกตอน เป็นซีรีส์ที่มีสาระทางกฎหมายดีมากเรื่องหนึ่ง และเข้ากับข่าวดังของการเมืองไทยที่เป็นกระแสอยู่ตอนนี้ด้วย

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!