playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Annarasumanara ซีรีส์ละครเพลงที่ร่ายมนต์สะกดผู้ชมให้หลงรักหมดใจ (ไม่มีสปอยล์)

Annarasumanara โอม รักเอยจงมา

สรุป

ซีรีส์เกาหลีที่ดีงามจริงๆ ในแบบที่ไม่ใช่สูตรสำเร็จโลกสวยหวานทั่วไป และมีความเป็นสากลแบบที่ไม่ทิ้งกลิ่นอายเกาหลี ใช้ฉากการเล่นละครเพลงแฟนตาซีบอกเล่าความในใจตัวละครได้ลึกซึ้ง อีกทั้งมีความดาร์คในเรื่องราวกับตัวละครสีเทาๆ ร่วมปมลึกลับกึ่งแฟนตาซีสอดแทรกไว้ได้อย่างน่าติดตาม พร้อมทั้งการตั้งคำถาม เล่นประเด็นปมปัญหาเด็กที่เกิดจากผู้ใหญ่ได้อย่างตีแสกหน้าตรงจุด ด้วยความยาวที่กระชับมากแค่ 6 ตอนจบสมบูรณ์ และทำได้น่าประทับใจมากจนถึงเอนด์เครดิต นี่จึงเป็นซีรีส์เกาหลี Original Netflix ที่ขึ้นหิ้งทรงคุณค่าแก่การรับชมอย่างมากแน่นอน

Overall
9.5/10
9.5/10
Sending
User Review
4.75 (4 votes)

Pros

  • ธีมแฟนตาซีร่วมกับละครเพลงเพราะๆ
  • ปมลึกลับแฝงไว้ในเรื่องเยอะและก็เคลียร์ได้ลงตัวหมด
  • เรื่องราวดาร์คกว่าที่เห็นภายนอกมาก
  • ความกดดันที่เด็กได้รับจากผู้ใหญ่และการถูกสังคมตีกรอบ
  • นักแสดงอายุเกินเด็กไปมากแต่เล่นแบบลดอายุได้เนียนมาก
  • การแสดงขั้นเทพของน้องนางเอก
  • สร้างจากการ์ตูนขึ้นหิ้งในเว็บตูนเมื่อ 10 ปีก่อน
  • มีพากย์ไทย

Cons

  •  CG ไม่ได้เนียน (แต่ก็กลมกลืนไปกับธีมแฟนตาซีของเรื่อง)
  • ส่วนแฟนตาซีของเรื่องอาจจะไม่ได้เคลียร์หมดจรด (แต่ก็มีคำอธิบายที่เข้าใจได้)

 

Annarasumanara โอม รักเอยจงมา (ชื่อสากล The sound of Magic ชื่อเกาหลีอ่านว่า อัมนารา ซูมานารา )  ลิมิเต็ดซีรีส์เกาหลี Netflix 6 ตอนจบ เรื่องราวของนักมายากลที่อาศัยอยู่ในสวนสนุกร้างสามารถเสกปัญหาของวัยรุ่นสาวคนหนึ่งให้หายไป… และนำความหวังกลับมา ในยามที่ต้องเผชิญความจริงอันโหดร้ายที่พรากความสดใสวัยเยาว์ไปจากเธอ

 The Sound of Magic (2022) on IMDb

ตัวอย่าง Annarasumanara โอม รักเอยจงมา

 

“เด็กน้อยที่อยากโตเป็นผู้ใหญ่ นักมายากลที่อยากเป็นเด็กตลอดไป” นี่คือคีย์เวิร์ดหัวใจของเรื่องราวดราม่าวัยรุ่น Coming of Age กึ่งแฟนตาซี+ด้วยละครเพลง ในรูปแบบซีรีส์เกาหลีที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ด้วยเรื่องราวระดับตำนานจากเว็บตูนเมื่อ 10 ปีก่อน (เริ่มมกราคม 2010 จบมกราคม 2011)  อ่านฉบับแปลไทยได้ที่นี่ ซึ่งทางผู้กำกับคิมซองยุนได้นำมาสร้างลง Netflix เป็นแบบออริจินอล 6 ตอนจบเลย และดัดแปลงเรื่องราวให้ทันสมัยมากขึ้นด้วย

นี่คือซีรีส์ที่มีหัวใจความเป็นเด็กอยู่เต็มเปี่ยม ด้วยเรื่องราวกึ่งแฟนตาซีจนเกือบๆ จะเหมือนนิทานแฟนตาซียุคใหม่ ที่ซึ่งตัวเอกของเรื่อง ยุนอาอี (แสดงโดย ชเว ซุง-อึน นักแสดงอายุ 25 ที่พึ่งเล่นซีรีส์เรื่องที่ 2) สาวน้อยชีวิตรันทดที่ทุ่มเทความหวังให้การเรียนจนไม่เชื่อในสิ่งอื่นใด เธอต้องมาพบกับ รีอึล (นำแสดงโดย ชี ชัง-อุก) นักมายากลที่บอกว่าตัวเองคือผู้ใช้เวทมนต์ ซึ่งเขาก็ร่ายมนต์ปาฏิหาริย์ให้เธอได้เห็น เพื่อหวังว่าเธอจะกลับมาเชื่อในเรื่องนี้อีกครั้ง ซึ่งในสายตาของนางเอกเขาคือลุงที่ออกจะเพี้ยนๆ ในตอนแรก ก่อนจะกลายมาเป็นผู้วิเศษที่คอยปัดเป่าสิ่งร้ายๆ ออกไปจากชีวิตเธอ โดยที่ตัวเรื่องนำเสนอแบบคาบเส้นความจริงกับเวทมนตร์แฟนตาซี ให้ผู้ชมได้หลงไหลไปกับฉากที่ถูกเนรมิตรขึ้นมาอย่างสวยงามระหว่างที่มนต์ของรีอึลทำงานในรูปแบบ “ละครเพลงแฟนตาซี” ซึ่งเป็นการนำเสนอส่วนผสมที่ไม่มีในเว็บตูน ซึ่งเป็นไอเดียที่ผู้กำกับเนรมิตรเข้ามาได้กลมกลืนกับเรื่องราวมากจริงๆ คือนอกจากเราจะได้ฟังเพลงเพราะๆ ตัวละครในเรื่องฉากนั้นก็จะร้องเพลงเต้นรำไปตามอารมณ์แฟนตาซีของฉากเต้น โดยมีซับไตเติลแปลเนื้อเพลงความหมายครบ ที่ช่วยบรรยายอะไรหลายๆ อย่างได้ลึกซึ้งกินใจกว่าการบอกเล่าออกมาจากการพูดแบบบปกติ ซึ่งก็เหมือนพวกฉากเต้นของหนังอินเดียที่หลายคนอาจจะไม่เคยได้ดูที่ดีจริงๆ ว่ามันช่วยเล่าเรื่องได้ลึกซึ้งมากขึ้นยังไง ซึ่งเรื่องนี้ก็ให้ผลลัพธ์แบบนั้นเช่นกัน แล้วยังเป็นฉากละครเพลงจากทางเกาหลีที่ละเมียดละไมแบบที่เข้าถึงกินใจคนดูฝั่งเอเชียได้มากสุดๆ แน่นอน

 

นอกจากนั้นแล้วการที่เรื่องเล่าแบบกึ่งจริงกึ่งแฟนตาซีก็มีความหมายลึกซึ้งถึงประเด็นหลักในเรื่องการเติบของเด็กไปสู่ผู้ใหญ่ที่ดี เป็นการหลอมรวมใส่ปมปัญหาทั้งวิธีคิดปฏิบัติของผู้ใหญ่ที่ทำร้ายเด็กทั้งทางตรงทางอ้อม ซึ่งแฝงมาในรูปพ่อแม่รังแกฉัน เลี้ยงลูกด้วยเงิน หนีปัญหาทิ้งภาระให้ลูกรับผิดชอบ ความกดดันที่เด็กถูกขีดเส้นชีวิตโดยพ่อแม่และสังคมที่ตีกรอบให้เด็กคิดและเชื่อว่าตัวเองต้องเดินบนเส้นทางนี้เท่านั้น ซึ่งพอเรื่องพาให้ตัวเอกเด็กทั้งสองคนต้องมาเจอและเกี่ยวข้องกับนักมายากลที่ใช้ชีวิตนอกกรอบอยู่ในสวนสนุกร้าง โดยไม่แคร์ว่าใครจะคิดยังไง เขาขอเพียงแค่ใครบางคนคนเชื่อในตัวเขาก็พอ โดยมีคำพูดกึ่งคำถามติดปากว่า คุณเชื่อในเรื่องเวทมนตร์ไหม? นี่คือการจุดประกายชีวิตนอกกรอบให้เด็กได้ลองคิดและตัดสินใจ ซึ่งเรื่องก็ไม่ได้นำเสนอแบบให้หลุดกรอบทิ้งอะไรทุกอย่างไป เพียงแต่ให้เลือกทำสิ่งที่ชอบเพิ่มขึ้นกับทดสอบเปิดรับเส้นทางใหม่ๆ เข้ามา ซึ่งความเปลี่ยนแปลงในชีวิตของเด็กก็คือเวทมนตร์หนึ่งในหัวใจหลักของเรื่องนี้ ที่เรื่องนำเสนอประเด็นต่างๆ ได้ค่อนข้างลุ่มลึกและมีคำตอบแบบที่คลี่คลายเรื่องราวทำให้หัวใจอบอุ่นเจือความเศร้านิดๆ โดยอิงกับความเรียลในบริบทสังคมจริงอยู่ ไม่โลกสวยแสนหวานปรุงแต่งกันจนอยู่ในจินตนาการแบบซีรีส์เกาหลีโดยทั่วไป

และสิ่งที่ฉีกให้เรื่องนี้แตกต่างมากขึ้นไปอีกคือการนำเสนอความคิดการกระทำของตัวเอกเด็กทั้งสองคนแบบสีเทาๆ ซึ่งต้องบอกเลยว่าค่อนข้างดาร์คมากในแง่มุมของเรื่องราวที่นำเสนอ ในช่วงแรกตัวเรื่องเหมือนจะตั้งใจหลอกคนดูว่ามีพล็อตรองเป็นเรื่องความรักวัยรุ่น การแอบชอบ หลงรักใสๆ ของ อีลดึง (รับบทโดย ฮวังอินยอบ) ที่แอบชอบอาอีที่นั่งติดกันและเรียนเก่งทั้งคู่แข่งกัน ซึ่งตัวนักแสดงทั้งคู่ก็อายุเกินวัยเด็ก ม.ปลายไปมากมาย (นางเอก 25 ฮวังอินยอบ 31) ตัวบทมีฉากโรแมนติกชวนให้ใจเต้นเบาๆ อยู่พอสมควร แต่แล้วเรื่องก็ฉีกแนวไปเลยเป็นสีเทาๆ ด้วยประเด็นที่คล้ายคลึงกับ ฉลาดเกมส์โกง หนังกับซีรีส์ไทยเรื่องดัง ซึ่งพาให้เรื่องดาร์คแบบเข้มข้นขึ้นมาทันที รวมถึงยังเป็นปมที่ส่งผลถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตและมุมมองต่อโลกของทั้งคู่ด้วย ซึ่งเรื่องบีบคั้นอารมณ์ออกมาได้หนักหน่วงมาก นักแสดงเองก็เล่นพลิกคาแรกเตอร์จากใสๆ มาเป็นตัวละครที่ไม่ยินดียินร้ายกับโลก และละทิ้งศักดิ์ศรีความดีออกไปเพราะมันกินอิ่มไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ทั้งตีแผ่มุมมองของเด็กและผู้ใหญ่ในเรื่องเทาๆ ออกมาได้ตรงจุดแสกหน้ามากๆ โดยไม่ทิ้งปมเรี่องความรักที่ปูมาตอนแรกและดำเนินควบคู่ไป ค่อยๆ คลี่คลายปมรักอย่างสมเหตุผลเป็นธรรมชาติมากๆ กับเรื่องราวที่โหดร้ายหนักหนาสาหัสมากพอดูกับชีวิตเด็กในเรื่องนี้

เหมือนตัวเรื่องยังมีปมไม่สาแก่ใจ ผู้สร้างจึงใส่ความลึกลับทั้งเส้นเรื่องเด็กสาวหายตัวไปอย่างลึกลับพวงกับตัวรีอึลที่ไม่แน่ใจว่าเขาดีหรือร้าย หรือเป็นคนสองบุคลิก หรือจริงๆ แล้วเขาเป็นบ้า จนเลยเถือดถึงการเป็นฆาตกรโรคจิตเลยก็ได้ นอกเหนือจากเรื่องว่าเขาเป็นตัวละครแฟนตาซีจริงๆ ด้วยหรือไม่ ตัวเรื่องวางพล็อตรองตรงนี้ไว้เป็นระยะๆ ตลอดเรื่อง ซึ่งสุดท้ายแล้วเมื่อเรื่องคลี่คลายทั้งหมด ก็ต้องยอมรับเลยว่าผู้สร้างเก่งจริงๆ ที่ยังแทรกเรื่องลึกลับฆาตกรรมมาได้อย่างลงตัวในปมของเรื่องที่อัดแน่นมากขนาดนี้ และก็เคลียร์ทุกอย่างได้เกือบหมดจรด 99% ผู้ชมแทบจะไม่ติดใจอะไรในเรื่องนี้แน่นอน ยกเว้นบางจุดอย่างเรื่องแฟนตาซีที่ตัวเรื่องมีคำอธิบายแบบง่ายๆ ไว้ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่ก็เหมือนประโยคที่รีอึลว่าไว้ คุณเชื่อในเรื่องเวทมนตร์หรือไม่นั่นแหละครับ

3 ตัวละครหลักของ Annarasumanara

เหล่านักแสดงในเรื่องนี้ก็ยิ่งกว่าดีงาม คือนอกจากความสามารถที่ต้องร้องเพลงเอง เต้นเองจริงๆ ในเรื่องประกอบฉากละครเพลงที่ใส่มาค่อนข้างเยอะ (แต่ในเรื่องไม่ได้ถ่ายแบบสด แต่เป็นการรวมๆ แยกเสียงร้องกับอื่นๆ เข้ามาทีหลัง) นี่คือทีมนักแสดงที่เล่นได้แบบเข้าถึงจับจิตหัวใจตัวละครได้ลึกซึ้งจนชวนอินมากๆ โดยเฉพาะน้องนางเอกของเรื่องที่ให้เต็ม 10 กับการแสดงเล็กๆ น้อยๆ ที่สื่อถึงอารมณ์ต่างๆ ในบทที่ต้องสั่นไหวกับพายุปัญหาที่พัดเข้าใส่ในชีวิต ในขณะที่ยามมีหวังจากเวทมนตร์ของรีอึล เธอก็กลายเป็นสาวน้อยที่เจิดจรัสสดใสเอามากๆ จนคนดูต้องหลงรักเธอแน่นอนกับบทที่ส่งให้เธอขนาดนี้

ด้วยความที่เรื่องนำเสนอแบบแฟนตาซี CG ในเรื่องนี้ก็ถูกนำมาใช้เยอะมากแทบตลอดทั้งเรื่องเลยก็ว่าได้ ซึ่งจุดนี้เองในแง่ของระดับ CG ซีรีส์ เรารู้กันอยู่แล้วว่าไม่เนียนมาก ซึ่งผู้สร้างก็รู้ในจุดนี้จึงตั้งใจทำ CG ให้เป็นแฟนตาซีล้วนๆ หลุดออกมาจากโลกความจริงในเรื่องไปเลย ซึ่งก็เข้ากับธีมละครเพลงโดยตรง ซึ่งคนดูเองก็คงเข้าใจและไม่คิดว่าความไม่เนียนที่เห็นจะเป็นปัญหาอะไรในจุดนี้ครับ

Annarasumanara นี่คิอซีรีส์เกาหลีที่ดีงามจริงๆ ในแบบที่ไม่ใช่สูตรสำเร็จโลกสวยหวานทั่วไป และมีความเป็นสากลแบบที่ไม่ทิ้งกลิ่นอายเกาหลี ด้วยความยาวที่กระชับมากแค่ 6 ตอนจบสมบูรณ์ และทำได้น่าประทับใจมากจนถึงเอนด์เครดิตมีฉากร้องเพลงเต้นของนักแสดงทั้งหมดส่งท้ายอีก นี่จึงเป็นซีรีส์เกาหลีที่กล้าแนะนำเลยว่าควรค่าแก่ดูเป็นอย่างมากครับ!

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!