playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว AS WE SEE IT ซีรีส์ออทิสติกที่ซื่อตรงไม่ปรุงแต่ง แต่มอบมุมมองสุดพิเศษน่าประทับใจ

สรุป

นี่คือซีรีส์ที่ซื่อตรงกับชีวิตความเป็นจริงของคนเป็นออทิสติกมากที่สุดที่เคยมีการสร้างกันมา เป็นซีรีส์สั้นๆ ตอนละ 30 นาทีที่สนุกแบบเรียบง่ายไปกับชีวิตของคนเป็นออทิสติกจริงๆ แต่ก็ทำให้ผู้ชมอินตามไปทุกการกระทำของพวกเขาด้วยองค์ประกอบทุกอย่างที่ลงตัวมากๆ ทั้งบทเนื้อเรื่อง นักแสดง ดนตรีประกอบ ชวนให้อินตามได้ง่ายๆ รับรองเลยว่าต้องมีทั้งเสียงหัวเราะกับน้ำตาระหว่างที่รับชมเรื่องนี้ครับ

Overall
9/10
9/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • เรื่องราวสะท้อนชีวิตจริงของคนเป็นออทิสติกแบบตรงไปตรงมาทั้งแง่บวกแง่ลบครบ
  • นักแสดงเล่นได้สมจริงมาก โดยมีนักแสดงออทิสติกจริงเล่นด้วย
  • บอกเล่าปัญหาครอบครัวคนที่มาเกี่ยวพันกับคนเป็นออทิสติกได้อย่างตรงไปตรงมา
  • มุกตลกที่เป็นธรรมชาติคลีนใสไปกับเรื่องมาก (ไม่ใช่ตลกจากการทำให้ออทิสติกเป็นตัวตลก)
  • ดนตรีประกอบช่วยบิ้วอารมณ์ได้อย่างลงตัวทุกช่วง
  • ตอนสั้นๆ แค่ 30 นาที
  • มีซับไทยครบ

Cons

  • บทของตัวละครแมนดี้ที่เป็นผู้ช่วยดูแลอาจจะดูดราม่าเกินชีวิตจริงของอาชีพนี้มากไป
  • เรื่องราวค่อนข้างเรียบง่าย อาจจะดูเฉพาะกลุ่มผู้ชมที่สนใจแนวปัญหาคนเป็นออทิสติกเท่านั้นถึงรู้สึกอินไปกับเรื่องราวแบบนี้

AS WE SEE IT โลกใบใหญ่ในสายตาเรา ซีรีส์แนวดราม่าตลกของ Amazon prime เรื่องราวการใช้ชีวิตของคนออทิสติกที่ยากลำบากในมุมมองแสนพิเศษที่ทุกอย่างในชีวิตปกติของคนเรากลับกลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์แห่งชีวิตสำหรับพวกเขา

 As We See It (2022) on IMDb

ตัวอย่าง AS WE SEE IT โลกใบใหญ่ในสายตาเรา

ซีรีส์เรื่องนี้รีเมคดัดแปลงมาจากต้นฉบับซีรีส์อิสราเอล On the Spectrum ปี 2018 ฉายบน HBO MAX แต่บ้านเราจะไม่มีในระบบของ HBO Go ให้ดูกัน ซึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตตัวละครที่เป็นออทิสติกเป็นหนังมีทำออกมามากมาย แต่สำหรับซีรีส์น้อยกว่ามากที่ค้นเจอของฝรั่งมีแค่ 2 เรื่องที่ตัวละครหลักเป็นออทิสติก

The Good Doctor  ที่มี 3 เวอร์ชั่นรีเมค ญี่ปุ่น เกาหลี อเมริกา กับ Atypical เอทิปปิคอล ที่ทาง Netflix สร้างมามี 4 ซีซั่นจบไปแล้ว และมี Move To Heaven ของ Netflix งานสร้างของเกาหลี กับ The Victims Game ของไต้หวัน โดยทุกเรื่องก็จะเป็นการขายความสามารถพิเศษที่เหนือกว่าคนปกติของคนเป็นออทิสติกเป็นหลัก จนอาจจะทำให้เราจดจำไปแล้วว่าคนเป็นออทิสติกนั้นต้องมีอะไรพิเศษกว่าคนธรรมดาทั่วไป ซึ่งนั่นก็จริงแค่บางส่วน และอาจจะน้อยมากๆ เพราะความพิเศษนั้นเกิดจากความหมกหมุ่นสนใจบางสิ่งบางอย่างมากกว่าคนปกติมากกว่า หรืออาจจะมีบ้างที่สมองบางส่วนโดดเด่นจนทำให้จดจำอะไรได้มากกว่าคนปกติ ทำให้ภาพคนออทิสติกที่ออกมาดูว้าวน่าสนใจ โดยไม่ได้เน้นความเป็นจริงที่ว่าคนเป็นออทิสติกนั้นมีปัญหามากมายในชีวิตเกินกว่าที่คนปกติธรรมดาหรือแม้แต่ครอบครัวที่เลี้ยงเขามาเองจะเข้าใจ ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้ AS WE SEE IT โลกใบใหญ่ในสายตาเรา นี่แหละคือเรื่องเดียวในตอนนี้ที่เน้นเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้เรามองเห็นและเข้าใจชีวิตของคนเป็นออทิสติกที่แท้จริงให้มากขึ้น

ซีรีส์อิสราเอล On the Spectrum
ซีรีส์อิสราเอล On the Spectrum ต้นฉบับของเรื่องนี้

เรื่องย่อ AS WE SEE IT

แจ็ค แฮร์ริสัน และไวโอเล็ต เพื่อนร่วมห้องในวัย 20 กว่าๆ ที่เป็นออทิสติกมาอยู่ด้วยกันเพราะครอบครัวของพวกเขาต้องการฝึกให้ทั้ง 3 คนมีพัฒนาการใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยตัวเอง โดยมีแมนดี้ ผู้ดูแลคอยช่วยเหลือพัฒนาการด้านต่างๆ ให้พวกเขาอย่างใกล้ชิด ขณะที่ พวกเขาดิ้นรนเพื่อหางานทำ รักษางานเอาไว้ หาเพื่อน ตกหลุมรัก และดำเนินชีวิตในโลกที่พยายามหลีกเลี่ยงพวกเขา มองพวกเขาว่าไม่ใช่คนปกติ ทั้งสามคนนี้ต้องเจอกับอุปสรรคและฉลองชัยชนะของการเดินทางใช้ชีวิตแบบของตัวเองที่ไม่เหมือนใคร

รีวิว AS WE SEE IT

เรื่องราวแบ่งเป็นชีวิตของ 3 ตัวละครหลักกับอีก 1 ผู้ดูแล ซึ่งแต่ละคนก็จะมีเส้นเรื่องราวส่วนตัวกับอาการออทิสติกกันไปคนละแบบ

แจ็ค (รับบทโดย Rick Glassman) หนุ่มเนิร์ดโปรแกรมเมอร์ที่พยายามรักษางานที่ทำไว้ให้ได้ เนื่องจากปัญหาคือเขาเป็นกลุ่มอาการแอสเพอร์เกอร์ อาการที่ไม่รับรู้ความรู้สึกคนอื่น ขาดอารมณ์ร่วม แสดงอารมณ์ตัวเองตรงๆ ออกมาไม่ได้ ทำให้เขาปากร้ายกับหัวหน้างานเวลามีปัญหาในโปรแกรมที่เขียนขึ้นมา แถมเขายังพึ่งมารับรู้ว่าพ่อเป็นมะเร็งขั้นร้ายแรง มีโอกาสรักษาไม่ได้ และต้องจากเขาไป พ่อจึงพยายามฝากฝังทำทุกอย่างให้แจ็คอยู่ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเขาก็รับรู้ความหายนี้ดี แต่การเปลี่ยนแปลงตัวเองให้อยู่ในสังคมปกติได้มันไม่ใช่จะทำได้ง่ายๆ เลยกับคนเป็นแอสเพอร์เกอร์

แฮร์ริสัน (รับบทโดย Albert Rutecki) หนุ่มอ้วนบ้านรวย ผู้ซึ่งไม่กล้าออกไปจากอพาร์ทเมนท์ด้วยตัวเองคนเดียว เขาได้พบกับเด็กชายตัวน้อยร่วมอพาร์ทเมนต์ และสานสัมพันธ์กันจนทำให้เขากล้าเดินทางออกสู่โลกกว้าง แต่คนปกติกลับมองว่าเขาอาจจะมีเจตนาร้ายกับเด็ก แม้แต่แม่ของเด็กก็คิดเช่นนั้นจนกีดกันความสัมพันธ์ของทั้งคู่

ไวโอเล็ต (รับบทโดย Sue Ann Pien ) สาวอเมริกันเชื้อสายจีน ที่มีปัญหากับการแสดงออกล้นเกินปกติ เธอไม่สามารถควบคุมการพูดและการแสดงออกเหมือนคนปกติได้ เธอโหยหาการมีแฟนเพื่ออยากให้ตัวเองเป็นคนปกติ จนกลายมาเป็นภัยร้ายกับตัวเธอ แม้เธอจะมีพี่ชายที่คอยปกป้องทุกอย่าง แต่ก็เหมือนกับการพยายามกักขังเธอไว้ไม่ให้มีอิสระกับชีวิต

แมนดี้ (รับบทโดย Sosie Bacon)  ผู้ดูแลบุคคลที่เป็นออทิสติกโดยเฉพาะ เธอรับหน้าที่ดูแลปรับปรุงพัฒนาการของทุกคนให้เข้าสังคมได้ แต่การที่เธอต้องมารับหน้าที่นี้ก็ทำให้ชีวิตส่วนตัวที่อยากเรียนแพทย์ห่างไกลขึ้นเรื่อยๆ เพราะเธอไม่อาจจะทิ้งพวกเขาลงได้

ตัวละครหลักของเรื่องทั้งหมดจะเดินเรื่องตัดสลับกันไปมาในชีวิตประจำวัน โดยมีอพาร์ทเมนต์เป็นศูนย์กลางพักใจของทุกคน เรื่องราวในเรื่องนี้จะเรียบง่ายเป็นชีวิตจริงๆ ของคนออทิสติกที่พยายามอย่างหนักในแต่ละวันเพื่อให้สังคมยอมรับพวกเขา เป็นการมองโลกจากมุมของพวกเขาที่พวกเราคนปกติอาจจะมองเห็นว่าเรื่องเล็กน้อยในชีวิต แต่สำหรับเขาทุกอย่างที่คนปกติทำกันในชีวิตประจำวันนั่นคือเรื่องที่ยากของเขาแทบทั้งหมด อย่างแค่การพยายามทำอะไรให้ปกติ แต่กลับไม่ปกติเพราะความพยายามปกปิดว่าตัวเองเป็นออทิสติก มันเลยทำให้ผู้คนมักมองว่าเขาเป็นคนไม่ปกติ ซึ่งซีรีส์เรื่องนี้แสดงเรื่องราวเหล่านี้ออกมาได้จับใจมาก ทั้งสนุกหัวเราะไปกับความสำเร็จเล็กๆ ของพวกเขา หรือเศร้าไปกับความผิดพลาดในชีวิตที่เล็กๆ ของเรา แต่ใหญ่มากของพวกเขา แทบทุกตอนจะมีเรื่องสะเทือนใจจนน้ำตาซึมแทรกมาเสมอ เชื่อเลยว่าการรับชมเรื่องนี้จะทำให้มุมมองคนคนดูปกติเปลี่ยนแปลงไปไม่มากก็น้อยกับคนที่เป็นออทิสติก ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่ซีรีส์เรื่องอื่นอาจจะไม่ได้เน้นตรงนี้ตรงๆ เพราะมัวแต่ไปโฟกัสกับความสามารถพิเศษของตัวละครมากกว่า

เรื่องราวในซีรีส์ยังครอบคลุมถึงครอบครัวกับผู้คนที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับพวกเขาด้วย ซึ่งแต่ละคนก็จะมีปัญหาส่วนตัวต่างกันออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่ทั้งหมดเหมือนกันคือ ความยากลำบากในการดูแลคนในครอบครัวที่เป็นออทิสติกจนเหมือนเป็นภาระในชีวิตที่ไม่มีวันสิ้นสุดจนกว่าจะตายจากกันไป เรื่องราวเผยให้เห็นมุมความลำบากของแต่ละคนอย่างหนัก พ่อของแจ็คที่เมียทิ้ง ญาติพี่น้องไม่คบเพราะมีลูกเป็นตัวประหลาดในสายตาพวกเขา ถ้าเขาตายไปลูกชายคนนี้จะอยู่ได้อย่างไร ในขณะที่ตัวเองเป็นมะเร็งที่มีโอกาสรอดเพียงน้อยนิด แฮร์ริสันที่ครอบครัวร่ำรวยดูไม่มีปัญหา แต่แล้วกลับพบว่าพ่อแม่กลับรู้สึกว่าไม่เคยมีชีวิตอิสระเป็นของตัวเองมาตลอด จนแมนดี้ก้าวเข้ามาเป็นผู้ดูแลที่ไว้ใจได้ พวกเขาก็เลือกที่จะฝากเขาไว้กับแมนดี้ แต่นั่นคือการทอดทิ้งลูกอย่างใจร้ายที่เป็นเรื่องจริงอย่างหนึ่งของการเลี้ยงดูลูกออทิสติก ส่วนไวโอเล็ตมีพี่ชายเพียงคนเดียวที่ควบคุมชีวิตเธอทุกอย่างเพราะความกลัวว่าเธอจะเป็นอันตราย และนั่นก็ทำให้เขาเองตกที่นั่งลำบากในการคบหากับใคร เพราะสิ่งสำคัญอันดับแรกเวลาต้องเลือกเสมอคือตัวน้องสาวมากกว่าแฟนที่สานสัมพันธ์ด้วย จนกลายเป็นการทำร้ายชีวิตทั้งเขากับน้องไปโดยไม่รู้ตัว ซึ่งเรื่องราวที่ครอบคลุมทุกด้านของชีวิตคนที่เกี่ยวข้องกับคนเป็นออทิสติกในเรื่องนี้ถูกนำเสนอออกมาแบบร้ายๆ ค่อนข้างจริงจังตรงกับชีวิตคนเป็นจริงๆ จนดูเหมือนบางตัวละครอาจจะดูร้ายมากไปหน่อยอย่างพี่ชายของไวโอเล็ต แต่ในอีกมุมเราก็เห็นใจ การใช้ชีวิตที่เหมือนถูกสาปเพียงแค่เพราะมีคนในครอบครัวเป็นออทิสติกเป็นอะไรที่ไม่พบเจอด้วยตัวเองก็คงไม่รู้ซึ้งถึงเรื่องพวกนี้จริงๆ (ในเรื่องมีช่วงนึงที่แฟนของเขาพยายามช่วยไวโอเล็ตด้วยการแนะนำจากมุมมองสาวปกติ แต่กลับทำให้เรื่องเลวร้ายมากขึ้น จนเขาต้องระเบิดออกมาว่าคุณรู้จักน้องผมแค่อาทิตย์เดียว แต่ผมอยู่กับเขาทั้งชีวิตอย่ามาบอกว่าผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง)

แต่ก็ไม่ใช่ว่าการรับชมเรื่องนี้จะมีแต่เรื่องดราม่าเครียดๆ ที่จริงเรื่องนี้เป็นแนวตลก แต่ก็ต้องบอกว่านี่ไม่ใช่มุกตลกแบบเอาตัวละครเป็นออทิสติกมาเป็นตัวตลกให้คนหัวเราะในความผิดปกติ ซีรีส์ใช้มุกตลกแบบค่อนข้างเป็นธรรมชาติมากๆ กับเรื่องราวการกระทำของตัวละครที่บริสุทธิ์ เหมือนอย่างหนัง ฟอร์เรสท์ กัมพ์ ซึ่งคุณจะหัวเราะกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเชิงบวก รู้สึกดี ให้อารมณ์ใสๆ ฟีลกู๊ดมากกว่าตลกแบบบูลลี่ตัวละคร เรียกว่ามุกตลกในเรื่องนี้เซฟและคลีนมากกับมุมมองพวกนี้

ส่วนที่ทำให้เรื่องนี้พิเศษมากๆ คือการแสดงของตัวเอกทั้ง 3 คนแบบให้เต็มสิบไม่หักเลย ริก กลาสแมน นักแสดงในเรื่องวัย 37 เล่นเป็นแจ็ค หนุ่มแอสเพอร์เกอร์ที่พูดตรงปากร้าย พยายามซ่อนความผิดปกติของตัวเองตลอดเวลาจนดูแรกๆ เราอาจจะคิดว่าตัวละครนี้เป็นคนปกติที่สุดในกลุ่ม ซึ่งแจ็คก็คิดว่าตัวเองเป็นแบบนั้น แต่พอรับชมไปเรื่อยๆ เราจะได้เห็นความไม่ปกติที่ปิดซ่อนยังไงก็ไม่มิด จนสะเทือนใจทุกครั้งที่เห็นเขาพยายามเก็บอาการผิดปกตินี้สุดๆ

ซู แอนน์ เพียน ที่อายุนักแสดงจริง 42 ต้องมารับบทสาวอายุ 20 กว่าอย่างไวโอเล็ตก็เล่นได้เหมือนจับจิตจับใจทั้งการพูดรัวๆ แบบไม่คิด การแสดงออกแบบหมดเปลือกกับสิ่งที่ตัวเองต้องการเหมือนเด็กๆ คือเชื่อเลยว่าผู้ชมต้องสงสัยตั้งแต่แรกว่าเธอเป็นออทิสติกจริงหรือเปล่า และหลายๆ ครั้งบทของเธอนี่แหละที่ทำให้คนดูสะเทือนใจจนน้ำตาไหลมากกว่าใครด้วย

อัลเบิร์ต รูเทคกี้  นักแสดงที่เล่นเป็นแฮร์ริสันคนนี้พิเศษกว่าใคร เพราะเขาเป็นออทิสติกจริง และก็ไม่ได้เป็นนักแสดงอาชีพอะไรมาก่อน (เคยแค่เป็นตัวประกอบผ่านฉากในหนังสั้นเรื่องเดียว) ซึ่งไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขาเล่นได้เหมือนขนาดนี้ แต่สิ่งที่พิเศษคือความไม่พิษมีภัยใสบริสุทธิ์ของคาแรกเตอร์ตัวละครที่ต่างไปจากคนอื่น ในกรณีของแจ็คกับไวโอเล็ตมักจะมีอะไรร้ายๆ แง่ลบออกมาจากตัวทั้งคู่เสมอ แต่กับแฮร์ริสันนี่คือคนที่ใสบริสุทธิ์ทุกอย่างทั้งวิธีคิด พูด การกระทำ ซึ่งบอกเลยว่าผู้ชมจะต้องหลงรักตัวละครนี้อาจจะมากที่สุดในเรื่องด้วย เพราะความที่เขาบริสุทธิ์แต่กลับต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ จากปัจจัยภายนอกที่ไม่ใช่ความผิดเขาเลยแม้แต่นิดเดียว (ในชีวิตจริงของอัลเบิร์ตพ่อแม่ก็เป็นคนพิการด้วย ชีวิตค่อนข้างลำบาก ใครสนใจตัวจริงติดตามได้ที่เฟซบุ๊ก https://www.facebook.com/albert.rutecki IG: albertrutecki)

นอกจากนี้องค์ประกอบที่ทำให้ผู้ชมอินไปกับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ ก็มาจากดนตรีประกอบที่ลงตัวเอามากๆ เรียกว่าทุกจังหวะที่ดนตรีขึ้นมานี่สะท้อนอารมณ์ของเรื่องราวขณะนั้นได้อย่างหมดจรด ซึ่งมีหลากหลายอารมณ์ สดใส ตลก เศร้า สะเทือนใจ โกรธ ครบทุกอารมณ์ และออกมาดีมากจนบางครั้งแค่ได้ยินดนตรีขึ้นมาก็กระชากอารมร์ของเราไปได้โดยไม่ต้องมีบทพูดใดๆ ทั้งสิ้นด้วย

สรุป AS WE SEE IT สนุกและดีไหม

ซีรีส์สั้นๆ ตอนละ 30 นาทีที่สนุกแบบเรียบง่ายไปกับชีวิตของคนเป็นออทิสติกจริงๆ และเปี่ยมด้วยคุณภาพในทุกด้าน ไม่ว่ามองในมุมไหนนี่คือซีรีส์ที่สะท้อนเรื่องราวชีวิตคนเป็นออทิสติกที่ดีที่เคยมีมาเลย

AS WE SEE IT SS2 มีไหม จะมาเมื่อไหร่

ตอนจบของเรื่องทิ้งท้ายไว้ว่ามีต่อ SS2 แน่นอน ตัวซีรีส์เองก็ได้รับคะแนนวิจารณ์ในแง่บวกท่วมท้น เสียงตอบรับจากผู้ชมก็ดีมากเช่นกัน แต่ทาง Amazon prime ยังไม่ประกาศว่าจะไฟเขียวทำต่อในตอนนี้ ซึ่งอาจจะเพราะเป็นซีรีส์ที่ค่อนข้างเฉพาะกลุ่มผู้ขมไม่ได้วงกว้างมากอย่างแนวอื่นๆ ก็คงต้องรอกันไปก่อน แต่เชื่อว่ามี SS2 แน่นอนครับ

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!