playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Black Box (Amazon prime) จิตหลอนซ่อนลึกอยู่ใต้จิตสำนึก (ไม่มีสปอยล์)

Black Box

สรุป

1 ใน 4 หนังใหม่ของค่าย Blumhouse ที่ลง Amazon ต้อนรับฮาโลวีน ถือว่าโอเคเลยในความเป็นหนังทุนต่ำที่เน้นบทมากกว่า ตัวเรื่องมีความแปลกใหม่อยู่พอสมควร ฉากสยองน่ากลัวใช้ได้ แต่ว่าดันใช้รูปแบบการหลอกเดิมๆ ซึ่งคนดูทั่วไปคงเบื่อแล้วกับท่าทางผีหลอกแบบนี้ครับ แต่ยังดีที่ตัวเรื่องรีบเฉลยกลางเรื่องไว ก่อนที่จะเข้าเรื่องจริงที่มีอะไรให้น่าสนใจกว่าช่วงหลอกหลอนในตอนแรกครับ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • แนวไซไฟท่องจิตใต้สำนึกผสมผีหลอก
  • เฉลยความลับของเรื่องเร็วและมีต่ออีกยาว ซึ่งเป็นเรื่องจริงๆ ที่ซ่อนไว้

Cons

  • รูปแบบการหลอกเดิมๆ
  • ฉากซ้ำวนเวียนอยู่แค่ไม่กี่ที่
  • จบแบบง่ายไปหน่อย แล้วทิ้งเชื้อไว้เผื่อทำต่อ

หนังใหม่แนวทริลเลอร์ไซไฟของ Blumhouse ซึ่งในเดือนตุลาคมนี้ทางค่ายนี้ร่วมกับ Amazon Prime จัดหนังแนวทริลเลอร์สยองขวัญมาลงด้วยกัน 4 เรื่องต้อนรับฮาโลวีน ซึ่งตอนนี้ออกมาแล้วสองเรื่อง The Lie กับ Black Box ที่อยู่ในรีวิวนี้ เรื่องราวของหนุ่มผู้สูญเสียความจำไปและพยายามหาทางรักษา ผ่านการดำดิ่งลงไปในจิตใต้สำนึกค้นหาความทรงจำ จนไปเจอกับเรื่องลึกลับที่ซ่อนอยู่ภายในจิตของตัวเอง

ตัวอย่าง Black Box

 

เรื่องนี้ขึ้นโปรยขายว่าจากโปรดิวเซอร์ Get Out แต่ตัวบทและผู้กำกับไม่มีความเกี่ยวข้องกับ Get Out เลย ดังนั้นถ้าคาดหวังชั้นเชิงการเล่าเรื่องเสียดสีชนชั้นผิวขาวผิวดำ เรื่องนี้ไม่มีอะไรแบบนั้นให้เลยครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องจะขาดกลิ่นอาย Get Out ไป ตรงจุดนี้ยังมีให้เห็นอยู่ในเรื่องบ้าง ซึ่งก็ต้องลองดูกันเองว่าตรงไหน เพราะถ้าบอกไปคือสปอยล์แน่นอน

หนังว่าด้วยเรื่องของโนแลนหนุ่มผิวดำที่ประสบอุบัติเหตุรถคว่ำพร้อมกับภรรยา แต่เขารอดมาได้ในขณะที่เมียเสียชีวิต แต่การรอดมาครั้งนี้ทำให้เขาสูญเสียความจำเรื่องของครอบครัวไปหมด จนกลายเป็นคนด้อยสมรรถภาพทั้งด้านการงาน การเลี้ยงดูลูกสาวคนเดียวที่กลับมาเป็นกำลังให้พ่อสู้ชีวิตต่อไป แต่ด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจที่ลุกต้องมาดูแลพ่อแทน เขาจึงหันไปเข้าโครงการรักษาของด็อกเตอร์ลิเลียน ผู้ซึ่งมีเครื่องมือทางด้านประสาทวิทยาสุดล้ำ ช่วยทำให้เขาดิ่งลึกลงไปในจิตใต้สำนึกค้นหาความจำที่สูญหายไปได้เหมือนจริง (แบบ VR) แต่ที่นั่นเขากลับพบความสยองที่มาในรูปแบบสิ่งแปลกประหลาดที่ไล่ล่าเขาทุกครั้งที่ก้าวเข้าไปในความทรงจำที่หายไป

ต้องบอกเลยว่าพล็อตเรื่องนี้จริงๆ ถ้าเป็นหนังโรงหรือมีทุนมากกว่านี้ ตัวเรื่องมีความแปลกน่าสนใจแบบสามารถขยายสเกลไปเล่นอะไรได้เยอะมากกว่านี้แน่นอน แต่คงเพราะทุนจำกัดลงในสตรีม ตัวเรื่องจึงวางพื้นที่การเล่าเรื่องไว้แคบๆ วนอยู่แค่ไม่กี่ฉากทั้งในความจริงและในจิตใต้สำนึกที่ตัวพระเอกดิ่งลงไปแล้วเจอเรื่องสยอง มีอยู่แค่ 3 ฉากเท่านั้น ซึ่งก็ดูน้อยเกินทั้งๆ ที่ตัวเรื่องว่าด้วยการย้อนความทรงจำ แต่กลับเห็นแค่ฉากแต่งงาน ฉากในห้องครัว กับฉากห้องเซฟเฮาส์ที่เป็นที่ปลอดภัยในจิตของตัวเอกเพียงเท่านั้น ในขณะที่ฉากในชีวิตจริงก็น้อยเช่นกัน มีแค่ที่บ้าน ห้องทดลองที่พระเอกเข้ารับการรักษา สองฉากนี้วนไปมาบ่อยมาก

แต่ก็ต้องบอกว่าข้อด้อยที่ว่ามาเข้าใจได้ เพราะตัวหนังของค่ายนี้มักไปเน้นที่บทให้มีความแปลกใหม่ทดแทน ซึ่งตัวเรื่องก็เดินหน้าไปด้วยความลึกลับ แอบสยองอยู่บ้างจากตัวประหลาดที่พระเอกเจอในจิตที่เหมือนพวกหนังผีหลอกช่วงหลังๆ เป็นคนค่อยๆ คลานด้วยท่าทางประหลาดผิดมนุษย์ แต่ท่าหลอกแบบนี้ค่อนข้างจำเจแล้วในยุคนี้ก็คงไม่ได้ทำให้ใครกลัวสักเท่าไหร่ ตัวเรื่องเดินไปแบบพระเอกเจอตัวประหลาดหลอกทุกครั้งโดยไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนมาเฉลยเอาตอน 1 ชั่วโมงพอดี ซึ่งถือว่าโอเคเลยกับจุดนี้ และก็เซอร์ไพรส์มากที่รีบเฉลยโดยที่ตัวหนังยังเหลือเวลาอีกเกือบ 40 นาทีกว่าจะจบ ทำให้เรารู้ว่าเรื่องจริงๆ คือต่อจากนี้แหละ

เนื้อเรื่องหลังจากนี้คือตัวตนจริงๆ ของหนัง ซึ่งเป็นอะไรที่ล้ำพอควรเลยกับแนวคิดในเรื่องนี้ แม้ไม่ได้แปลกใหม่ แต่ก็เป็นอะไรที่น่าคิดว่าถ้าเกิดขึ้นได้จริงๆ คนๆ นั้นจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แบบไหน ยังไง หนังทำให้เราชวนคิดว่าตัวพระเอกจะเลือกทางไหนหลังรู้ความจริงทั้งหมดว่าตัวเองคืออะไร และก็ดูจะหาทางออกให้เรื่องยากอยู่เหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่บทช่วงนี้กลับไม่ลึก และก็เล่นง่ายไปนิดแบบรีบๆ ให้จบเรื่องปัญหาที่ค้างไว้ เพื่อจะมาต่อกันที่เรื่องความลับสุดท้ายที่ค้างอยู่ในจิตใต้สำนึกอีกครั้ง ซึ่งพอมาถึงตรงนี้เชื่อว่าคนดูเดากันได้แล้วว่าเจ้าสิ่งนั้นที่ไล่ตามพระเอกคืออะไร และก็แทบจะรู้ตอนจบแล้วว่าเรื่องจะออกมารูปแบบไหน ทำให้ไคลแม็กซ์ตอนท้ายดูเบาไปเลย ก่อนที่จะไปหยอดปิดท้ายเรื่องไว้อีกนิดว่าทำภาคต่อได้ ซึ่งน่าเสียดายจริงๆ ที่ตัวหนังน่าจะเมีอะไรมากกว่านี้ ทั้งๆ ที่วัตถุดิบองค์ประกอบพร้อมหมดแล้วแท้ๆ

แต่ถึงยังไงก็ยังถือว่าเป็นหนังที่โอเคเลย ไม่เสียดายเวลาดู และก็มีอะไรให้แปลกใหม่อยู่นิดๆ เหมือนกัน ตามประสาค่าย Blumhouse ที่มักเน้นดัดแปลงเรื่องเล่าใหม่ใส่ลงไปในแนวสยองขวัญแบบเดิมๆ ครับ

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!