playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Burn the House Down ซีรีส์ญี่ปุ่นแนวล้างแค้นที่ทุกอย่างเบาบางมากเหลือเกิน

Burn the House Down

Summary

 ซีรีส์แนววางแผนสืบสวนล้างแค้นของญี่ปุ่น แต่ความดิบโหดไม่มีเลย ทั้งเรื่องเต็มไปด้วยเรื่องตามค้นหาหลักฐานในอดีต ตัวเรื่องเน้นหลอกล่อหักมุมหลายครั้ง แต่ก็ทำให้ดูเกินจริงไปมากจนไม่อินในตอนเฉลย ตัวร้ายก็ออกแนวโรคจิตป่วยๆ แบบไม่ได้เข้มข้นโหดอะไรมาก ที่เด่นคือตัวนางเอกที่หน้าตาสวย อายุน้อย เล่นได้ดีสมบทบาท แม้เรื่องจะดูแปลกๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ถูกนางเอกของเรื่องกลบความผิดปกติทุกอย่างไว้ได้เรื่อยๆ ซึ่งนี่คือตัวแบกเรื่องให้ผู้ชมดูมากที่สุดครับ โดยรวมก็เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่พอดูสนุกเพลินๆ ได้ แต่ถ้าใครต้องการความโหดอะไรนี่ก็ข้ามไปเลยดีกว่าครับ

Overall
6.5/10
6.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  •  ซีรีส์แนววางแผนสืบสวนล้างแค้นของญี่ปุ่น
  • นางเอกสวย เล่นได้ดี
  • ตัวเรื่องซับซ้อน
  • ต้นฉบับมาจากมังงะ

 

Cons

  • ไม่มีความโหด ไม่มีใครตาย
  • ตัวเรื่องมีความแปลกๆ ของเหตุการณ์อยู่ตลอดเรื่อง
  • พยายามวางเรื่องให้ซับซ้อนจนเกินไปในตอนจบ

Burn the House Down ไฟแค้น ไฟอดีต ซีรีส์ Original Netflix ญี่ปุ่นจากมังงะ 8 เล่มจบ ของนักเขียน Moyashi Fujisawa ค่ายโคดันฉะ เรื่องราวของอันซึ หญิงสาวที่ปลอมตัวเป็นแม่บ้านในชื่อ ยามาอุจิ ชิซึกะ เข้าไปรับใช้บ้านเศรษฐีมิตาราอิ เพื่อสืบหาหลักฐานการวางเพลิงบ้านของเธอเมื่อ 13 ปีก่อน จนเป็นเหตุให้แม่ต้องความจำเสื่อมอยู่ในโรงพยาบาลมาตลอด
Burn the House Down (2023) on IMDb

 

รีวิว Burn the House Down ไฟแค้น ไฟอดีต (ไม่สปอยล์)

ซีรีส์พล็อตแนวล้างแค้นที่ดูเป็นเทรนด์แนวฮิตมาตั้งแต่ซีรีส์เกาหลีเรื่อง Glory มาคราวนี้ทาง Netflix ก็ให้ทางญี่ปุ่นเริ่มทำแบบนี้บ้าง โดยนำมังงะปี 2017-2021 มาดัดแปลงเป็นซีรีส์ 8 ตอนจบ ที่เริ่มต้นด้วยการสไตล์คล้ายๆ กันคือตอนเด็กโดนกระทำ โตมาสืบหาและล้างแค้น แต่ว่าด้วยความที่เป็นสไตล์ญี่ปุ่นทำ และดั้งเดิมคือการ์ตูนผู้หญิงด้วย หลายๆ อย่างในเรื่องนี้มันจึงไม่ดาร์ค หรือโหดรุนแรงมากเท่ากับของเกาหลีที่สไตล์เดียวกัน แต่โหดกว่ามากหลายเท่าได้ 

สำหรับคนที่มาดูความโหดของเรื่องนี้คือต้องผ่านไปเลยดีกว่า เพราะเรื่องนี้ไม่มีใครตายมาตั้งแต่แรก เป็นแค่ความสงสัยว่าใครเป็นวางเพลิงกันแน่ ในบ้านหลังที่ปัจจุบันอยู่กัน แต่ปัจจุบันคือเป็นผู้หญิงกับลูกชายอีก 2 คนมาแต่งงานแทนภรรยาคนก่อน ซึ่งฝ่ายบ้านเดิมก็หย่าขาดออกไป โดยมีลูกสาว 2 คนที่พยายามเข้ามาช่วยสืบหาความจริง ซึ่งหลักๆ ในเรื่องก็คือการพยายามสืบหาหลักฐานจากสิ่งของที่มากิโกะ มิตาราอิ แอบเก็บไว้ ซึ่งตัวเรื่องก็ให้เหตุผลแบบแปลกๆ ในการสะสมสิ่งของพวกนี้ไว้เช่นกัน ซึ่งความแปลกของเรื่องนี้มีหลายอย่างจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้าน เป็นเหมือนสไตล์ซิกเนเจอร์ของเรื่องเลยก็ว่าได้ ยกตัวอย่าง มากิโกะชอบเก็บขยะไปใส่โกดังที่เช่าไว้ มากิโกะเลี้ยงลูกมาแบบทำอาหารไม่เป็น ซึ่งเหตุการณ์แปลกๆ นี้ถูกนำมาขยายให้เป็นเรื่องราวเหตุการณ์ในแต่ละตอน เป็นการเข้าช่วยของตัวเอกที่ต้องการเล่นให้สมบทบาทกับการเป็นสาวใช้ของบ้านให้ได้ ซึ่งถ้าดูแบบไม่คิดมากก็นับว่าพอสนุกได้เรื่อยๆ แต่ถ้าคิดมากเมื่อไหร่เหตุการณ์พวกนี้คือเป็นอะไรที่แปลกมากต่อเนื่องตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียว เป็นซีรีส์ที่พยายามเล่นเรื่องราวให้ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ในความซับซ้อนนั้นกลับไม่ไต่ระดับความสนุกตามไปด้วย เหมือนเป็นแค่การวางเรื่องให้วกวน ตั้งใจปกปิดเรื่องจริงว่าใครคือคนร้ายในคดีที่แท้จริงไว้เท่านั้น ซึ่งพอเฉลยแล้วก็จบแบบผิดคาด แต่กลับไม่ประทับใจกับเหตุผลที่เรื่องให้ไว้นัก เพราะมันดูซับซ้อนเกินจริงมากไปแค่นั้นแหละครับ

ตัวเรื่องยังขยายโลกของตัวละครในบ้านไปยังตัวอื่นๆ อีก อย่างพี่ชายของบ้านที่กลายมาเป็นโรคติดห้อง “ฮิคิโคโมริ” ซึ่งกลายมาเป็นบทรักกับนางเอก แต่ไม่ใช่แนวหวานกันแต่แรก แต่ต้องฝ่าฝันต่อสู้กันมาก่อนถึงค่อยมาตกหลุมรักกันภายหลังแบบงงๆ ไม่สมเหตุผลเท่าไหร่ 

น้องสาวนางเอกก็มาพบเจอกับลูกชายคนเล็กของบ้านนี้ด้วย ซึ่งก็มาฟอร์มเดียวกันคือเป็นแนวรักวัยรุ่น ที่ต่างเข้าหากันด้วยผลประโยชน์คนละอย่าง แต่ก็เป็นความรักอีกแบบด้วยเช่นกัน

ตัวละครพ่อยิ่งดูแปลกมากเข้าไปอีก ตัวเรื่องทำให้เขาแสดงอาการแปลกๆ เหมือนคนป่วยเป็นโรคจิตมากกว่าจะให้ความรู้สึกว่าเป็นหมอ ซึ่งแรกๆ อาจจะเข้าใจว่าปกปิดบางอย่างไว้ แต่พอเฉลยแล้วก็ไม่ใช่อย่างที่เข้าใจกันเลย

โดยปกติแล้วตัวร้ายของเรื่องแนวนี้จะสุดๆ แต่เรื่องนี้คือก็เป็นตัวร้ายสายญี่ปุ่นแบบไม่สมจริงเท่าไหร่ ออกแนวป้าเพี้ยนๆ มีปมโรคจิตส่วนตัวหลายอย่าง อย่างการขโมยเก็บสะสมของ การเสพติดโลกโซเชียล ซึ่งก็ถูกนำมาใช้เป็นเรื่องราวหลักพัฒนาให้เป็นแรงจูงใจในการเข้ามายึดบ้านตระกูลนี้ ก่อนที่จะพัฒนาให้เป็นการต่อสู้ผ่านโลกโซเชียลในที่สุด

 

สิ่งที่โดดเด่นจริงๆ เลยของเรื่องคือตัวนางเอก Mei Nagano ที่หน้าตาสวย อายุน้อย เล่นได้ดีสมบทบาท แม้เรื่องจะดูแปลกๆ อยู่ตลอดเวลา แต่ก็ถูกนางเอกของเรื่องกลบความผิดปกติทุกอย่างไว้ได้เรื่อยๆ ซึ่งรวมๆ นี่คือตัวแบกเรื่องไว้เลยไม่มีผิดครับ

 

โดยรวมก็เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่พอดูสนุกเพลินๆ ได้ แต่ถ้าใครต้องการความโหดซาสดิสม์นี่ก็ข้ามไปเลย เพราะเรื่องนี้ไม่ได้เน้นให้เห็นแบบนั้นเลยสักนิดครับ

 

 

including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!