playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Classmates Minus หนังสายรางวัลของไต้หวันที่เสียดสีชีวิตชายวัยกลางคน 40+

Classmates Minus เพื่อนร่วมรุ่น

สรุป

ถือเป็นหนังที่ดูได้ ไม่ได้มีอะไรแย่มากเกินไป แต่อาจจะไม่เพลินมากเพราะหนังก็ยาวถึงสองชั่วโมงเต็มๆ มีส่วนที่เรื่อยเปื่อยเยอะ ดูไม่มีจุดพีคหรือแก่นสาระสำคัญอะไรมาก นอกจากความสัมพันธ์ของเพื่อนที่เปลี่ยนไป เหมาะสำหรับคนดูหนังอินดี้มากกว่าจะเป็นผู้ชมที่ต้องการหนังที่มีจุดพีคของเรื่องราวมากกว่านี้ครับ

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • แนวอินดี้แบบเรียลสตอรี่ชีวิตชายวัยกลางคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต
  • มุกตลกแบบเสียดสีชีวิตจริง
  • มีฉาก SEX เร่าร้อนแทรกอยู่ 2 ฉาก

Cons

  • ไม่ได้มีจุดพีคของเรื่องราวอะไรมาก จบแบบอยู่ๆ ก็จบลงตรงนี้แหละ
  • หนังขายความเรียลแบบเสียดสีชีวิตคนโสด แต่เรื่องความรักจู่ๆ ก็มาพร้อมกันทุกคนซึ่งดูเฟคไปหน่อย
  • ความเชื่อเรื่องผี วิญญาณของไต้หวันที่ตั้งใจยัดมาให้ดูตลกๆ ขัดกับเรื่อง

Classmates Minus หนังแนวดราม่าตลกเสียดสีชีวิตของเพื่อนร่วมรุ่น 4 คนที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กจนเข้าวัยกลางคน 40+ ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ช่วงเวลานี้แหละที่ชีวิตกำลังพลิกผันครั้งใหญ่

 Classmates Minus (2020) on IMDb

ตัวอย่าง Classmates Minus เพื่อนร่วมรุ่น

หนังไต้หวันปี 2020 ที่มีดีกรีเข้าชิงม้าทองคำ 9 รางวัล Netflix เหมือนจ้องหนังสายรางวัลแบบนี้อยู่แล้วจึงซื้อมาลงในระบบให้ได้ดูกัน แต่ต้องบอกว่าถึงจะการันตีม้าทองคำมา แต่หนังไต้หวันมักมีเอกลักษณ์พิเศษคล้ายๆ กันหมดคือ มักเป็นเรื่องแนวเรียลสตอรี่จากประสบการณ์หรือแต่งขึ้นมาแต่ก็จะอิงกับยุคสมัยและปัญหาสังคมของไต้หวันเอง ซึ่งอาจจะเฉพาะทางสักหน่อย แม้เรื่องราวแบบนี้จะดูร่วมสมัยในแง่ที่ว่าคนในวัยกลางคนจำนวนมากก็ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต แต่หลายๆ อย่างที่หนังเรื่องนี้นำเสนอถ่ายทอดออกมาก็ยังเป็นอะไรที่เฉพาะเจาะจงมีแค่ในสังคมชาวจีนไต้หวันเป็นส่วนใหญ่เท่านั้น ซึ่งถ้าไม่ใช่คนดูสายหนังอินดี้หรือไต้หวันมาก่อน ก็จะรู้สึกแปลกๆ อึดอัดพอสมควร

หนังเริ่มด้วยเสียงเล่าของผู้กำกับในเรื่อง ซึ่งบอกว่าตัวเองถ่ายทำชีวิตเพื่อนในเรื่องอยู่ หลังไม่รู้จะสร้างหนังอะไรต่อ จึงหันมาจับชีวิตจริงของเพื่อนมาเป็นหนังแบบเรียลสตอรี่ โดยเป็นช่วงวัยกลางคนกันไปแล้ว และแต่ละคนก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จในชีวิตสักเท่าไหร่ ซึ่งก็เป็นคนทำงานใช้ชีวิตตามปกติในบริษัท หรือลูกจ้างทั่วไป ซึ่งทั้ง 4 คนในเรื่องก็จะมีเรื่องราวที่แตกต่างกันไปคนละแบบ และมีปมปัญหาชีวิตแตกต่างกัน อย่างตัวเอกของเรื่องคือ ไอ้เทียน (ในเรื่องจะเรียกชื่อเล่นหรือฉายาที่ถูกตั้งกันหมดทุกคน) หนุ่มผู้กำกับตกอับไม่มีหนังให้ถ่าย (คนละคนกับคนถ่ายเรื่องนี้) เมียก็สนับสนุนความฝันของผัวจนถึงที่สุด แม้จะลำบากยากจนก็ทน แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้นักการเมืองท้องถิ่นจับเขามาเป็นหุ่นเชิดลงสมัครแทนตัวเองที่มีข่าวฉาว ชีวิตที่เปลี่ยนไปทำให้เทียนเริ่มห่างเพื่อน และกลายเป็นพวกหาเสียงไม่เลือกที่แม้แต่งานแต่งงานศพมั่วไปหมด (เหมือนบ้านเราเป๊ะ) ซึ่งเทียนเป็นตัวละครที่ทำให้กลุ่มเพื่อนรักร่วมรุ่นนี้สุดท้ายต้องแตกแยกกัน และเป็นปมสุดท้ายบทสรุปของเรื่องนี้ด้วย

ตัวหนังพยายามถ่ายทอดชีวิตคนที่เหลือในมุมคนโสดมาตลอดชีวิต แต่พอเข้าวัยกลางคนก็เริ่มมองหาความรักที่ตอนแรกอาจจะไม่ทันได้หาเพราะมัวแต่ทำงานมาตลอด บางคนก็ฝันสูงถึงดาวโรงเรียนสมัยก่อน แต่ปัจจุบันผันตัวมาเป็นโสเภณี ซึ่งรวมๆ แล้วกลายเป็นส่วนนี้คืออะไรที่ดูไม่เรียลสตอรี่มากๆ เพราะเรื่องก็บังเอิญเกินที่ทั้ง 3 คนดันมาเจอผู้หญิงที่ใช่พร้อมกันหมด ไม่เว้นแม้แต่ไอ้ป๋องเหล็ก หนุ่มติดอ่างทำงานสร้างบ้านกงเต็กก็ยังมีเมียกับเขาด้วย แต่ถ้าไม่คิดถึงเรื่องเรียลสตอรี่ ส่วนความรักของเรื่องก็ถือว่าดูเพลินๆ ดี เพราะหนังก็นำเสนอแนวโรแมนติกแปลกๆ ของ 3 คนนี้ออกมากำลังดี และก็ใส่ฉาก SEX ทั้งในจินตนาการและของจริงแบบเร่าร้อนมาแทรกแนวตลกที่เป็นเมนหลักของเรื่องได้แบบเร้าใจเลย

ตัวหนังแม้จะออกตัวเลยว่าเป็นดราม่าตลก แต่จริงๆ ตลกในเรื่องก็ค่อนข้างเฉพาะคนในไต้หวันมากกว่าสากลทั่วไป แม้เราจะเข้าใจได้กับมุกที่หนังเล่น แต่ว่ามันก็ยังไม่ได้ตลกเท่าหนังตลกจริงๆ ของชาติอื่น อย่างจีนเองที่ขำมากมาย แต่เรื่องนี้ทำได้แค่นิดๆ อาจจะมีบางมุกที่ขำมากหน่อย แต่รวมๆ แล้วก็น้อยเหลือเกิน จนทำให้เรื่องค่อนข้างจะเป็นดราม่ามากลบมากกว่า ซึ่งก็พลอยทำให้หนังอึนๆ อืดๆ บ้าง แล้วก็ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่จากพล็อตเรื่องสักเท่าไหร่ ก็เพราะหนังตั้งใจขายสตอรี่ของคนวัย 40+ ที่ไม่ประสบความสำเร็จจริงๆ ด้วย เลยทำให้เรื่องตั้งแต่ต้นจนจบเป็นอะไรที่คาดเดาได้หมด เหมือนแค่มานั่งดูชีวิตเรื่อยเปื่อยของทั้ง 4 คนมากกว่า

ส่วนคนเล่าเรื่องที่เป็นคนถ่ายหนังทั้งเรื่องนี้จะไม่มีหน้าตาให้เห็น จนกระทั่งตอนจบถึงเผยออกมาแบบกวนๆ ก็อาจจะมองว่าเป็นไคลแม็กซ์ของหนังก็ได้ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกอะไรมากจนทำให้ทั้งเรื่องแตกต่างออกไป ตอนจบของเรื่องแม้จะออกแนวโศกนาฎกรรม แต่หนังก็มีเอนด์เครดิตต่ออีกในแบบรวมดารากับคู่ของแต่ละคน เหมือนมาให้ทุกคนสมหวังกันต่อนอกจอ

ถือเป็นหนังที่ดูได้ ไม่ได้มีอะไรแย่มากเกินไป แต่อาจจะไม่เพลินมากเพราะหนังก็ยาวถึงสองชั่วโมงเต็มๆ มีส่วนที่เรื่อยเปื่อยเยอะ ดูไม่มีจุดพีคหรือแก่นสาระสำคัญอะไรมาก นอกจากความสัมพันธ์ของเพื่อนที่เปลี่ยนไป เหมาะสำหรับคนดูหนังอินดี้มากกว่าจะเป็นผู้ชมที่ต้องการหนังที่มีจุดพีคของเรื่องราวมากกว่านี้ครับ

ส่วนใครสนใจหนังสายรางวัลที่ดีกว่าเรื่องนี้ใน Netflix แนะนำเรื่องนี้ครับ  A SUN หนังขวัญใจผู้ชมไต้หวันปี 2019 เรื่องราวโศกนาฏกรรม ความฝันพ่อแม่ที่มีต่อลูก

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!