playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Criminal Record (apple tv+) ตำรวจทำงานตามกฏ vs. ตำรวจทำงานนอกกฏ (ไม่สปอยล์)

Criminal Record

Summary

ซีรีส์นำเสนอเรื่องราวของ ตำรวจทำงานตามกฏ vs. ตำรวจทำงานนอกกฏ ซึ่งตัวเอกทั้งคู่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน สืบคดีจากบันทึกหลักฐานอาชญากรรมในอดีตเพื่อแก้ไขความผิดที่ตำรวจด้วยกันเองกระทำไว้ เป็นการต่อสู้กันในวงการตำรวจที่เต็มไปด้วยการเล่นล้ำเส้นเล่นนอกกรอบ แต่ยังเป็นไปตามระบบ โดยมีดราม่าอาชญากรผิวดำที่ถูกตำรวจผิวขาวสืบสวนโดยแอบเล่นนอกกรอบเพื่อปิดคดีให้จบ ซึ่งเรื่องหลอกล่อทำให้ผู้ชมคิดตามว่าการทำงานของตำรวจแบบนี้คือความเป็นจริงที่ต้องยอมรับหรือไม่ โดยมีฉากจบที่ทำให้อึ้งสุดๆ

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • เรื่องราวในวงการตำรวจแบบเทาๆ
  • เรื่องเน้นสืบสวนผ่านหลักฐานบันทึกอาชญากรรม
  • ประเด็นอาชญากรรมจำนวนมากที่เกิดจากคนดำในอังกฤษ

 

Cons

  • ดราม่าชีวิตส่วนตัวเยอะ
  • มีบางจุดค่อนข้างย้อนแย้งความเป็นจริง อย่างตัวคนร้ายเก็บหลักฐานมัดตัวเองไว้กับตัวตลอด

Criminal Record ซีรีส์ apple tv+ 8 ตอนจบ ในใจกลางลอนดอน สายที่ไม่เปิดเผยตัวตนดึงดูดตำรวจนักสืบสองคนให้ต่อสู้กันเพื่อแก้ไขกระบวนการยุติธรรมที่ผิดพลาดครั้งเก่า

Criminal Record (2024) on IMDb

 

รีวิว Criminal Record (ไม่สปอยล์)

ซีรีส์ที่ได้ดารายอดฝีมืออย่าง Peter Capaldi (เรื่องก่อนนั้นคือ The Devil’s Hour ใน amazon Prime) มารับบทนำเป็น แดเนียล แฮกเกอร์ตี้ ตำรวจสืบสวนที่ถูกวางบทให้เป็นเสมือนคู่ตรงข้ามกับตำรวจหญิง จูน เลนเกอร์ (รับบทโดย Cush Jumbo) ที่พยายามเข้ามาสืบสวนคดีเก่าของเขา จากเบาะแสสายด่วนแจ้งเหตุร้ายที่ไม่เปิดเผยชื่อ ซึ่งเรื่องนี้คือการเดินเรื่องของสองตัวละครแนว ตำรวจทำงานตามกฏ vs. ตำรวจทำงานนอกกฏ ซึ่งบทก็แบ่งน้ำหนักเล่าทั้งชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัวให้เห็นทั้งหมดว่าทั้งคู่เป็นคนยังไงแบบเปิดเผยหมด โดยเล่าสลับไปมาตลอดเรื่องเป็นตัวเอกคู่กันสองด้าน 

จูนคือตำรวจหญิงผิวดำที่มีลูกติดและแต่งงานกับชายผิวขาวครอบครัวมีความสุข มีความมุ่งมั่นไขคดีช่วยเหลือเหยื่ออย่างจริงจัง ซื่อตรงในหน้าที่ ในขณะที่แดเนียลคือตำรวจเก่ามีประสบการณ์และคอนเน็คชั่นมากมาย แต่ภรรยาทิ้ง มีลูกสาวที่เกลียดเขา เมื่อโดนจูนเข้ามายุ่มย่ามกับคดีที่ปิดไปแล้วในอดีต จึงทำให้เขาพยายามกลั่นแกล้งผ่านระบบของตำรวจที่เขามีเครือข่ายมากมาย เพื่อเป็นการเตือนเธอให้หยุด แต่นั่นกลับทำให้จูนรู้สึกว่าโดนรังแกอย่างไม่เป็นธรรม จึงเริ่มหาช่องทางนอกระบบขั้นตอนการสืบสวนปกติเพื่อตามขุดคุ้ยคดีนี้ของแดเนียลโดยไม่ให้เขารู้ให้ได้ ผ่านบันทึกข้อมูลคดีในที่ต่างๆ ซึ่งนี่คือความสนุกของเรื่องนี้ที่ตำรวจสองคนที่มีวิธีการทำงานต่างกันสุดขั้ว (รวมถึงสีผิวด้วย) ต้องมาขุดคุ้ยหาช่องทางเล่นงานกันเองในแบบใส่หน้ากากเข้าหากันอยู่ตลอดเวลาที่ทำงานด้วยกัน ซึ่งตัวเรื่องก็ทำให้เห็นว่าแดเนียลนั้นคือตำรวจที่ฉลาดละเอียดรอบคอบ มักวางแผนซ้อนดักหน้าจูนอยู่ตลอดเวลา จูนคือตกเป็นรองในเกมและก็เป็นเหยื่อความอยุติธรรมในวงการตำรวจของเรื่องนี้อย่างชัดเจน ซึ่งสะท้อนให้เห็นความเน่าเฟะเมื่อตำรวจดีแค่ไหนก็ยิ่งตกเป็นแกะดำในสังคมแบบนั้น แม้จะมีหัวหน้าที่เคร่งครัดทำตามกฏเป๊ะๆ แต่ก็ถูกการใช้กฏนั้นมัดตัวไว้ ถึงรู้ว่าลูกน้องโดนกลั่นแกล้ง แต่ก็แค่เห็นใจ ไม่ได้ช่วยเหลือ และไม่ใช่แค่ตัวเธอที่เดือดร้อน แต่ลามไปถึงความแตกร้าวในครอบครัวที่ต้องรับเคราะห์กรรมจากการกลั่นแกล้งนี้ไปด้วย

ส่วนคดีในเรื่องคือปริศนาหลักที่ดูเหมือนเหยื่อคนดำตกเป็นแพะจากแก๊งตำรวจอคติผิวขาวของแดเนียล ซึ่งมีเพื่อนอีก 2 คนที่ทำคดีนี้และพยายามปกปิดบางอย่างไว้ด้วยกัน แต่แม้ตัวเรื่องจะนำเสนอให้เห็นว่าเขาบริสุทธิ์แน่ๆ แต่เขากลับรับสารภาพความผิดทั้งหมดเอง ซึ่งนี่คือปริศนาสำคัญว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่กับชายผิวดำที่ถูกตัดสินว่าฆ่าแฟนตัวเองและพาลูกติดของแฟนไปประสบอุบัติเหตุจนขาพิการ และถอดใจไม่ยอมต่อสู้อีกต่อไป แม้จะมีแม่ที่เชื่อว่าเขาบริสุทธิ์และพยายามช่วยเขามาตลอดก็กลับไม่ยอมให้แม่กับทนายช่วย ซึ่งเรื่องจะค่อยๆ เสริมให้เห็นสภาพสังคมคนผิวดำชั้นล่างในย่านนั้นที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรม ในเรื่องจะมีคดีเด็กถูกยิงหัวที่ตัวเอกแดเนียลกับจูนต้องพยายามตามจับคนร้ายที่เป็นแก๊งครอบครองย่านนี้ให้ได้ ซึ่งแม้คดีนี้จะไม่เกี่ยวกับคดีหลักความลับของเรื่อง แต่จะช่วยให้เห็นการทำงานของแดเนียลที่มักเล่นนอกระบบแบบฉลาดสไตล์ตำรวจทำยังไงก็ได้ให้ปิดคดีให้ได้ ซึ่งก็เป็นปกติของตำรวจทั่วไป แต่สิ่งนี้คือถูกต้องหรือไม่ แม้อาชญากรนั้นจะทำผิดจริงก็ตาม ซึ่งเรื่องนี้ใส่ความรู้สึกให้ผู้ชมคิดตามว่า จริงๆ แล้วแดเนียลเป็นตำรวจที่ทำงานดีตามหน้าที่ แค่ไม่ตรงตามตำรวจที่เป็นคนตรงแบบจูนแค่นั้นหรือเปล่า? 

ส่วนที่ดีสุดของซีรีส์คือความพยายามหลอกล่อผู้ชมโดยไม่ให้รู้ตัวซ้อนลงไปในเรื่องราวการการต่อสู้ของทั้งคู่ ซึ่งเชื่อว่าทุกคนติดกับไม่มากก็น้อย เพราะซีรีส์นำเสนอภาพความอยุติธรรมกับคนดำในอังกฤษ แต่พวกเขาก็มีคดีติดตัวเคยก่ออาชญากรรมก่อน แล้วตำรวจก็คือผู้เล่นตามระบบที่ต้องเข้ามาจัดการควบคุม ซึ่งไม่ว่ามองยังไงนี่ก็เป็นสิ่งที่ต้องกระทำตามกฎหมาย แม้การสืบสวนนั้นจะหลุดข้ามเส้นไปบ้าง แต่สุดท้ายถ้าตบกลับมาในกระบวนการยุติธรรมได้ก็ไม่ผิด ซึ่งเรื่องนำเสนอส่วนนี้ได้ดี มีเหตุผลของการกระทำของตำรวจสืบสวนทั้งหมด และก็ทำให้เห็นภาพการกระทำของจูนที่หลุดกรอบจากความเชื่อของตัวเองได้ หรือแดเนียลที่จริงๆ แล้วก็เป็นคนที่ดีกว่าที่เห็น แม้เขาจะทำหลายอย่างที่ดูแล้วไม่ดีก็ตาม ซึ่งตอนจบของเรื่องนี้คือหมัดเด็ดแบบฮุคเข้าผู้ชมเต็มๆ และมีคำตอบให้กับเรื่องราวทั้งหมดได้แบบเรียลมากๆ 

 

แต่ถึงเรื่องจะเต็มไปด้วยการสืบค้นหาหลักฐานต่อสู้กัน แต่ก็มีช่องโหว่ของเรื่องให้เห็นบางจุดที่สำคัญ อย่างการที่คนร้ายเก็บหลักฐานมัดตัวเองไว้กับตัว ทั้งๆ ที่ทิ้งหรือทำลายไปก็ได้ หรืออย่างตำรวจที่ฉ้อฉลเองก็ทำแบบเดียวกัน ซึ่งมันไม่น่าเป็นไปได้เลย แต่จุดพวกนี้ก็ถูกเล่าลื่นไหลกลบไปกับเรื่องราวที่เกิดจึงไม่ถึงกับสะดุดใจมาก มีแค่ติดใจเอ๊ะนิดๆ เท่านั้น

 

ซีรีส์นำเสนอเรื่องราวของ ตำรวจทำงานตามกฏ vs. ตำรวจทำงานนอกกฏ ซึ่งตัวเอกทั้งคู่ต้องใส่หน้ากากเข้าหากัน สืบคดีจากบันทึกหลักฐานอาชญากรรมในอดีตเพื่อแก้ไขความผิดที่ตำรวจด้วยกันเองกระทำไว้ เป็นการต่อสู้กันในวงการตำรวจที่เต็มไปด้วยการเล่นล้ำเส้นเล่นนอกกรอบ แต่ยังเป็นไปตามระบบ โดยมีดราม่าอาชญากรผิวดำที่ถูกตำรวจผิวขาวสืบสวนโดยแอบเล่นนอกกรอบเพื่อปิดคดีให้จบ ซึ่งเรื่องหลอกล่อทำให้ผู้ชมคิดตามว่าการทำงานของตำรวจแบบนี้คือความเป็นจริงที่ต้องยอมรับหรือไม่ โดยมีฉากจบที่ทำให้อึ้งสุดๆ

 


 

including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!