playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Daisy Jones & the Six ซีรีส์ดนตรีที่ลงลึกดื่มด่ำกับเสียงเพลงและเรื่องราวเสมือนจริงยุค 70

Daisy Jones & the Six

Summary

ซีรีส์แนวดนตรีที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของวง Fleetwood Mac แล้วก็นำมาดัดแปลงเป็นเรื่องราวของตนเอง ด้วยเรื่องราวแบบซีรีส์ผสมกับสารคดีเสมือนเป็นเรื่องจริง ด้วยบทที่ละเมียดละไม ค่อยๆ ถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์ของวงดนตรีเล็กๆ ที่มีเรื่องราวความฝัน ความรักในดนตรี เพื่อนพ้อง ครอบครัว การไถ่บาป รักสามเส้า ออกมาได้อย่างลึกซึ้ง นักแสดงนำเต็มไปด้วยเสน่ห์สอดประสานการแสดงเหมือนนักร้องตัวจริงได้เยี่ยมยอด และทุกตัวละครในเรื่องก็ยังมีเรื่องราวของตัวเองเล็กๆ สอดแทรกมา แต่มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยมีบทสรุปของเรื่องราวที่เป็นของตัวเองกันทั้งหมด โดยเฉพาะตอนจบของเรื่องที่ทำออกมาได้เยี่ยมยอดมากกับหมัดฮุคเฉลยความลับที่คาดไม่ถึง และยังหาทางออกของเรื่องราวดราม่าที่ปูมาแบบบีบคั้นสะเทือนอารมณ์ได้อย่างสวยงามน่าประทับใจ พร้อมด้วยทำนองบทเพลงเพราะๆ ที่มีแปลซับเนื้อเพลงมาครบ และก็ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครผ่านบทเพลงได้เป็นอย่างดี นี่เป็นซีรีส์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพในทุกด้าน ยิ่งเป็นคอดนตรีหนังเพลงด้วยแล้วห้ามพลาดโดยเด็ดขาดครับ 

 

 

Overall
9/10
9/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • แนวดนตรีที่ได้แรงบันดาลใจจากวงจริง
  • นักแสดงมีเสน่ห์มาก
  • ดราม่าความรักหลายเส้า
  • แทรกประวัติศาสตร์วงการดนตรียุค 70
  • งานสร้างย้อนยุคคุณภาพสูง
  • มีซับไทย+พากย์ไทยครบ

Cons

  • เพลงในเรื่องไม่ได้มีฉากที่ร้องจนครบเพลงเต็ม เน้นตัดเป็นท่อนๆ มาทำให้ไม่มีฉากยาวดื่มด่ำตามแบบหนังเพลงปกติ

Daisy Jones & the Six ซีรีส์ 10 ตอนจบของ Amazon Prime มีพากย์ไทย+ซับไทยครบ ในปี 1977 วงดนตรี เดซี่ โจนส์ แอนด์ เดอะ ซิกส์โด่งดังทั่วโลก โดยมีนักร้องนำดาวเด่นสองคน เดซี่ โจนส์และบิลลี่ ดันน์ จากวงต๊อกต๋อยกลายเป็นวงดัง หลังจากตั๋วคอนเสิร์ตที่สนามโซลเจอร์ฟีลด์ในชิคาโกขายหมด พวกเขาก็ยุบวง หลายศตวรรษผ่านมา ในที่สุดสมาชิกวงก็ตกลงที่จะเปิดเผยความจริง นี่คือเรื่องราวของสุดยอดวงที่ครั้งหนึ่งเคยดังระเบิด

Daisy Jones & The Six (2023) on IMDb

รีวิว Daisy Jones & the Six

ซีรีส์ที่สร้างจากนิยายเบสเซลเลอร์นิวยอร์คไทม์ เรื่องราวแนวดนตรีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวง Fleetwood Mac ที่เป็นวงดังในตำนานจากยุค 70 จริงๆ จนถึงปัจจุบัน เรื่องราวของวงดนตรีที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดก่อนจะปิดฉากลงแบบมีปริศนา เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีสมาชิกของวงได้เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด โดยใช้การเล่าเรื่องแบบกึ่งสารคดีนิดๆ ด้วยการตัดสลับมายังตัวจริงบอกความในใจเล่าถึงเหตุการณ์ในแต่ละฉาก แล้วก็ตัดไปยังอดีตดำเนินเรื่องราวแบบซีรีส์ปกติ 

สำหรับคนที่ตามพวกหนังเพลงหรือซีรีส์ดนตรีมาจะเห็นว่าปัจจุบันแทบไม่มีทำกันออกมาแล้ว (ถ้าไม่รวมพวกชีวประวัตินักดนตรี) ซึ่งหลักๆ เลยก็คงเพราะแนวเรื่องมันค่อนข้างตัน แบบกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันสร้างฝันทำวงดนตรีหรือนักร้องข้างถนนแล้วก็พบเจอกับเรื่องราวดราม่า ก่อนจะประสบความสำเร็จโด่งดัง ซึ่งจริงๆ เรื่องนี้ก็ยังมีรูปแบบที่ว่าอยู่ แต่สำหรับคอหนังแนวนี้นี่ต้องบอกว่านี่เป็นผลงานที่อัดแน่นด้วยรายละเอียดต่างๆ มากมายแบบที่หนังให้ไม่ได้ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีดีเทลลงลึ ดื่มดำไปกับช่วงเวลาต่างๆ ในเรื่องได้ดีกว่าหนังดนตรีทั่วไปมาก

ตัวเรื่องแบ่งเป็น 2 ด้านคือเรื่องราวของเดซี่โจนส์กับวงเดอะซิกส์ โดยเรื่องราวของเดอะซิกส์ใช้เวลาเล่าไม่ยาวมากภายในตอนที่ 2 วงก็ถึงจุดที่ประสบความสำเร็จแล้ว โดยมีตัวเอกบิลลี่ดันน์ พระเอกที่หวังแค่ทำวงดนตรีแต่กลับมีลูกก่อน แล้วก็กลายเป็นความหวาดกลัวจนทำให้ดำเนินชีวิตผิดพลาด ติดยา นอกใจ ทำให้วงที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้วต้องล่มลงทันที ก่อนจะมาพบกับเดซี่โจนส์ ที่เป็นเด็กสาวบ้านรวยแต่พ่อแม่ไม่รัก ไม่สนับสนุนความฝันด้านดนตรีของเธอ  จนเธอหนีออกจากบ้านมาหาชีวิตใหม่ แต่ก็เลือกเก็บตัวแต่งเพลงร้องเองเล็กๆ ไม่ได้พุ่งเป้าไปเข้าค่ายดนตรี จนกระทั่งโปรดิวเซอร์ของเดอะซิกส์มาพบเธอเข้าและพยายามปั้นเธอ ในวันที่เดอะซิกส์ล่มสลายแล้ว การมาพบกันของสองคนพรสวรรค์ที่ชีวิตเคยแตกพังมาทั้งคู่ บิลลี่ดันน์ กับเดซี่โจนส์จึงก่อให้เกิดเป็นตำนานวงดนตรีใหม่ขึ้นมาพร้อมความสัมพันธ์ที่เริ่มลึกซึ้งของทั้งคู่ ที่บิ้วให้เรื่องราวดำเนินไปแบบเจ็บปวดกับความรัก ในระหว่างที่วงประสบความสำเร็จและทุกคนกำลังอยู่ในความฝันอันสูงสุด ซึ่งนี่ก็คือเรื่องราวจริงๆ ที่ตัวเรื่องต้องการเล่า เป็นแนวดราม่ารักสามเส้า ที่บีบคั้นอารมณ์ได้อย่างเจ็บปวดรวดร้าาวมากบทของเรื่องนี้เล่าเรื่องด้วยความละเมียดละไม ค่อยๆ ถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์ของวงดนตรีเล็กๆ ที่มีเรื่องราวความรักในดนตรี เพื่อนพ้อง ครอบครัว การไถ่บาป รักสามเส้า ออกมาได้อย่างลึกซึ้ง ทุกตัวละครในเรื่องมีความหมาย มีบทสรุปของเรื่องราวที่เป็นของตัวเองกันหมด โดยเฉพาะตอนจบของเรื่องที่ทำออกมาได้เกินคาดมากกับหมัดฮุคเฉลยความลับกับทางออกของเรื่องราวทั้งหมด พร้อมด้วยทำนองบทเพลงเพราะๆ ที่มีแปลซับเนื้อเพลงมาครบ และก็ถ่ายทอดอารมณ์ของตัวละครผ่านบทเพลงตลอดเรื่อง อีกทั้งเสียงร้องสดจากนักแสดงนำในเรื่องที่ไพเราะมากๆ อินเนอร์แววตาท่าทางต่างๆ มีเสน่ห์เหมือนกับนักร้องที่ฉายแววสตาร์อยู่จริงๆ 

งานโปรดักชั่นเรื่องนี้ก็ดีงามมาก  เก็บรายละเอียดมาได้สมจริงมากๆ ทุกจุดไม่มีหลุด พาผู้ชมกลับไปยุค 70 พร้อมโทนสีหนังแบบเก่า มิวสิควิดีโอที่ถ่ายด้วยกล้องสมัยก่อน ที่ตัวคามิล่าภรรยาบิลลี่ดันน์เป็นตากล้องประจำวงถ่ายไว้

นอกจากนี้บทในเรื่องยังแทรกเรื่องราวประวัติศาสตร์ดนตรีใหม่ๆ ในยุค 70 อย่างแนวดิสโก้ที่พึ่งเริ่มมีในยุคนั้น โดยใช้บทสมมุติเป็นตัวละครเหมือนคนที่ริเริ่มทำนองดนตรีเหล่านี้ขึ้นมา แล้วก็ผูกเรื่องให้เป็นตัวละครที่เกี่ยวข้องกับตัวเอกหลักในเรื่องอีกที

เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่มีพากย์ไทยด้วย แต่เวลาถึงฉากร้องเพลงจะไม่พากย์ทับ ซึ่งเป็นเรื่องดีแล้วเพราะจะได้อารมณ์ของต้นฉบับอยู่ แต่ก็สามารถรับฟังเสียงไทยไปได้ด้วย (ระบบเสียงเรื่องนี้เป็น ATMOS ด้วย)

 

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!