playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Daisy Jones & the Six ซีรีส์ดนตรีที่ลงลึกดื่มด่ำกับเสียงเพลงและเรื่องราวเสมือนจริงยุค 70

Daisy Jones & the Six

Summary

ซีรีส์แนวดนตรีที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของวง Fleetwood Mac แล้วก็นำมาดัดแปลงเป็นเรื่องราวของตนเอง ที่ให้อารมณ์สร้างฝันได้แรงบันดาลใจเหมือนพวกหนังเพลงดีๆ มีเพลงไพเราะให้ฟังได้ตลอดทุกตอน แต่สิ่งที่เรื่องนี้ทำได้ดีกว่าคือพอเป็นซีรีส์ทำให้มีเวลาลงลึกในรายละเอียด ค่อยๆ เล่าปมเรื่องราวต่างๆ ออกมาได้ดีกว่าหนังมาก แล้วเรื่องราวก็ไม่ได้เป็นแนวพล็อตเกร่อตั้งวงแล้วดัง ตัวเอกติดยา เหล้า บลาๆ แบบทั่วไป แต่มาในแนวรักหลายเส้าที่ต่างซ่อนความในใจไว้ พร้อมแทรกประวัติศาสตร์ดนตรีช่วงยุค 70 ไว้เป็นกิมมิคเล็กๆ ด้วย โดยที่โปรดักชั่นงานสร้างก็เก็บรายละเอียดปราณีตสมจริงตามยุคสมัยมาก

ซีรีส์เริ่มฉายอาทิตย์แรก 3 มีนา มา 3 ตอน แล้วอาทิตย์ต่อไปอีก 3 ตอน จากนั้นมาอาทิตย์ละ 2 ตอน รวมทั้งหมด 10 ตอนจบวันที่ 24 มีนาคม 2566 แนะนำว่าเริ่มดูได้เลยเพราะแค่ 3 ตอนแรกก็ทำให้เห็นเลยว่าเรื่องนี้เป็นผลงานที่มีคุณภาพมากของ Prime ใครที่ชอบแนวดนตรีมาก่อนนี่ห้ามพลาด ไม่น่าผิดหวัง และอาจจะได้เกินกว่าที่หวังไว้ด้วยครับ

Overall
8/10
8/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • แนวดนตรีที่ได้แรงบันดาลใจจากวงจริง
  • นักแสดงมีเสน่ห์มาก
  • แนวรักหลายเส้า
  • แทรกประวัติศาสตร์วงการดนตรียุค 70
  • งานสร้างย้อนยุคคุณภาพสูง
  • มีซับไทย+พากย์ไทยครบ

Cons

  • การเล่าเรื่องแบบกึ่งสารคดีให้เหมือนจริง แต่ไม่ใช่เรื่องจริงก็ดูแปลกๆ อยู่บ้าง

Daisy Jones & the Six ซีรีส์ 10 ตอนจบของ Amazon Prime มีพากย์ไทย+ซับไทยครบ ในปี 1977 วงดนตรี เดซี่ โจนส์ แอนด์ เดอะ ซิกส์โด่งดังทั่วโลก โดยมีนักร้องนำดาวเด่นสองคน เดซี่ โจนส์และบิลลี่ ดันน์ จากวงต๊อกต๋อยกลายเป็นวงดัง หลังจากตั๋วคอนเสิร์ตที่สนามโซลเจอร์ฟีลด์ในชิคาโกขายหมด พวกเขาก็ยุบวง หลายศตวรรษผ่านมา ในที่สุดสมาชิกวงก็ตกลงที่จะเปิดเผยความจริง นี่คือเรื่องราวของสุดยอดวงที่ครั้งหนึ่งเคยดังระเบิด

Daisy Jones & The Six (2023) on IMDb

รีวิว Daisy Jones & the Six

เรื่องราวอื่นที่น่าสนใจ

ซีรีส์ที่สร้างจากนิยายเบสเซลเลอร์นิวยอร์คไทม์ เรื่องราวแนวดนตรีที่ได้แรงบันดาลใจมาจากวง Fleetwood Mac ที่เป็นวงดังในตำนานจากยุค 70 จริงๆ จนถึงปัจจุบัน เรื่องราวของวงดนตรีที่ขึ้นสู่จุดสูงสุดก่อนจะปิดฉากลงแบบมีปริศนา เมื่อเวลาผ่านไปหลายปีสมาชิกของวงได้เปิดเผยเรื่องราวทั้งหมด โดยใช้การเล่าเรื่องแบบกึ่งสารคดีนิดๆ ด้วยการตัดสลับมายังตัวจริงบอกความในใจเล่าถึงเหตุการณ์ในแต่ละฉาก แล้วก็ตัดไปยังอดีตดำเนินเรื่องราวแบบซีรีส์ปกติ 

สำหรับคนที่ตามพวกหนังเพลงหรือซีรีส์ดนตรีมาจะเห็นว่าปัจจุบันแทบไม่มีทำกันออกมาแล้ว (ถ้าไม่รวมพวกชีวประวัตินักดนตรี) ซึ่งหลักๆ เลยก็คงเพราะแนวเรื่องมันค่อนข้างตัน แบบกลุ่มวัยรุ่นรวมตัวกันสร้างฝันทำวงดนตรีหรือนักร้องข้างถนนแล้วก็พบเจอกับเรื่องราวดราม่า ก่อนจะประสบความสำเร็จโด่งดัง ซึ่งจริงๆ เรื่องนี้ก็ยังมีรูปแบบที่ว่าอยู่ แต่สำหรับคอหนังแนวนี้นี่ต้องบอกว่านี่เป็นผลงานที่อัดแน่นด้วยรายละเอียดต่างๆ มากมายแบบที่หนังให้ไม่ได้ ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีดีเทลเล่าลึก ดื่มดำไปกับช่วงเวลาต่างๆ ในเรื่องได้ดีกว่าหนังดนตรีทั่วไปมาก

ตัวเรื่องแบ่งเป็น 2 ด้านคือเรื่องราวของเดซี่โจนส์กับวงเดอะซิกส์ โดยเรื่องราวของเดอะซิกส์ใช้เวลาเล่าไม่ยาวมากภายในตอนที่ 2 วงก็ถึงจุดที่ประสบความสำเร็จแล้ว โดยมีตัวเอกบิลลี่ดันน์ พระเอกที่หวังแค่ทำวงดนตรีแต่กลับมีลูกก่อน แล้วก็กลายเป็นความหวาดกลัวจนทำให้ดำเนินชีวิตผิดพลาด ติดยา นอกใจ ทำให้วงที่ประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้วต้องล่มลงทันที ก่อนจะมาพบกับเดซี่โจนส์ ที่เป็นเด็กสาวบ้านรวยแต่พ่อแม่ไม่รัก ไม่สนับสนุนความฝันด้านดนตรีของเธอ  จนเธอหนีออกจากบ้านมาหาชีวิตใหม่ แต่ก็เลือกเก็บตัวแต่งเพลงร้องเองเล็กๆ ไม่ได้พุ่งเป้าไปเข้าค่ายดนตรี จนกระทั่งโปรดิวเซอร์ของเดอะซิกส์มาพบเธอเข้าและพยายามปั้นเธอ ในวันที่เดอะซิกส์ล่มสลายแล้ว การมาพบกันของสองคนพรสวรรค์ บิลลี่ดันน์ กับเดซี่โจนส์จึงเกิดเป็นตำนานวงดนตรีใหม่ขึ้นมาพร้อมความสัมพันธ์ที่เริ่มลึกซึ้งของทั้งคู่ ซึ่งนี่ก็คือเรื่องราวจริงๆ ที่ตัวเรื่องต้องการเล่า เป็นแนวดราม่ารักสามเส้า แถมยังมีพ่วงด้วยเพื่อนร่วมวงที่ก็แอบรัก คามิล่า ภรรยาของบิลลี่ดันน์มาตลอดตั้งแต่แรก 

บทของเรื่องนี้เล่าเรื่องด้วยความละเมียดละไม ค่อยๆ ถ่ายทอดเรื่องราวความสัมพันธ์ของวงดนตรีเล็กๆ ที่มีเรื่องราวความรักในดนตรี เพื่อนพ้อง ครอบครัว การไถ่บาป รักสามเส้า ออกมาได้อย่างดี พร้อมด้วยบทเพลงเพราะที่มีมาตลอดเรื่อง ทั้งเสียงร้องสดจากนักแสดงนำในเรื่องที่ไพเราะมากๆ อินเนอร์แววตาท่าทางต่างๆ มีเสน่ห์เหมือนกับนักร้องที่ฉายแววสตาร์อยู่จริงๆ 

งานโปรดักชั่นเรื่องนี้ก็ดีงามมาก  เก็บรายละเอียดมาได้สมจริงมากๆ ทุกจุดไม่มีหลุด พาผู้ชมกลับไปยุค 70 พร้อมโทนสีหนังแบบเก่า มิวสิควิดีโอที่ถ่ายด้วยกล้องสมัยก่อน ที่ตัวคามิล่าภรรยาบิลลี่ดันน์เป็นตากล้องประจำวงถ่ายไว้

นอกจากนี้บทในเรื่องยังแทรกเรื่องราวประวัติศาสตร์ดนตรีใหม่ๆ ในยุค 70 อย่างแนวดิสโก้ที่พึ่งเริ่มมีในยุคนั้น โดยใช้บทสมมุติเป็นตัวละครเหมือนคนที่ริเริ่มทำนองดนตรีเหล่านี้ขึ้นมา แล้วก็ผูกเรื่องให้เป็นตัวละครที่เกี่ยวข้องกับตัวเอกหลักในเรื่องอีกที

เรื่องนี้เป็นซีรีส์ที่มีพากย์ไทยด้วย แต่เวลาถึงฉากร้องเพลงจะไม่พากย์ทับ ซึ่งเป็นเรื่องดีแล้วเพราะจะได้อารมณ์ของต้นฉบับอยู่ แต่ก็สามารถรับฟังเสียงไทยไปได้ด้วย (ระบบเสียงเรื่องนี้เป็น ATMOS ด้วย)

ซีรีส์เริ่มฉายอาทิตย์แรก 3 มีนา มา 3 ตอน แล้วอาทิตย์ต่อไปอีก 3 ตอน จากนั้นมาอาทิตย์ละ 2 ตอน รวมทั้งหมด 10 ตอนจบวันที่ 24 มีนาคม 2566 แนะนำว่าเริ่มดูได้เลยเพราะแค่ 3 ตอนแรกก็ทำให้เห็นเลยว่าเรื่องนี้เป็นผลงานที่มีคุณภาพมากของ Prime ใครที่ชอบแนวดนตรีมาก่อนนี่ห้ามพลาด ไม่น่าผิดหวัง และอาจจะได้เกินกว่าที่หวังไว้ด้วยครับ

 

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!