รีวิว DON’T MOVE อย่าขยับ (Netflix) พล็อตดี แต่บทเล่นง่ายทำได้ไม่ถึงขั้นเครดิต Sam Raimi
DON'T MOVE
Summary
หนังทริลเลอร์ที่พล็อตเรื่องการขยับตัวไม่ได้แต่ต้องหนีฆาตกรให้ได้ในป่าลึกนั้นดูดี แถมได้ Sam Raimi มาเป็นโปรดิวเซอร์ด้วย แต่บทกลับทำได้ไม่ถึง ทั้งเรื่องนางเอกก็แทบขยับทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้สถานการณ์รอบข้างดำเนินไปกันเองแบบหลายครั้งไม่สมเหตุผลเท่าไหร่ แล้วก็จบแบบง่ายๆ ดราม่าในเรื่องก็ใส่ไว้แค่ผิวเผินแทบไม่ได้นำมาใช้จริงจังอะไร แต่ยังดีที่เรื่องยังพอได้ลุ้นอยู่เรื่อยๆ ก็ทำให้หนังพอน่าติดตามดูได้ แต่ก็ไม่สมกับเครดิตโปรดิวเซอร์ที่เป็นจุดขายเลยครับ
Overall
6.5/10User Review
( votes)Pros
- การขยับตัวไม่ได้แต่ต้องหนีฆาตกรให้ได้
- มีพากย์ไทย
Cons
- บทหาทางออกง่าย หลายครั้งไม่สมเหตุผล
- บทนางเอกแทบไม่ได้ทำอะไรทั้งเรื่อง
DON’T MOVE อย่าขยับ ภาพยนตร์ Original Netflix แนวทริลเลอร์ ฆาตกรโรคจิตฉีดยาระงับการเคลื่อนไหวใส่หญิงสาวในป่า เธอต้องหนี สู้ และหลบซ่อน ก่อนที่ร่างกายจะหยุดทำงานใน 20 นาที
รีวิว DON’T MOVE อย่าขยับ (ไม่สปอยล์)
หนังระทึกขวัญที่เล่นกับการจำกัดขอบเขตประสาทรับรู้ร่างกายแบบ Don’t Breathe แต่เป็นการขยับตัวไม่ได้แล้วต้องหนีฆาตกรโรคจิตให้ได้ในป่าลึก ซึ่งด้วยพล็อตเรื่องก็น่าสนใจว่าจะเขียนบทยังไงเพราะมันสวนทางการกระทำกันเลยกับแนวเจอฆาตกรไล่ล่าทั้งหลาย แล้วการได้ชื่อของ Sam Raimi มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้อีก ซึ่งเขาก็เป็นโปรดิวเซอร์ของเรื่อง Don’t Breathe ด้วยก็ทำให้เรื่องนี้มีความน่าสนใจขึ้นมาก
ถึงพล็อตเรื่องกับชื่อโปรดิวเซอร์จะดูดีมาก แต่ว่าก็กลายเป็นการคาดหวังมากเกินไปเพราะพอดูชื่อผู้กำกับ Brian Netto กับ Adam Schindler และผู้เขียนบท T.J. Cimfel กับ David White ดูลิสต์รายชื่อหนังที่ทำน้อยมาก Brian Netto กำกับหนังใหญ่เรื่องแรกด้วย และผลงานที่ผ่านมาแทบจะโนเนมไม่มีเครดิตที่ดีเลย ส่วนตัวก็ยังหวังว่านี่อาจจะเป็นการให้โอกาสเปิดตัวแจ้งเกิดได้ แต่หนังกลับทำได้ไม่ถึงจุดที่ Sam Raimi จะมาการันตีได้เลย ด้วยความที่พล็อตเรื่องบีบจำกัดการกระทำของตัวนางเอก ไอริส (แสดงโดย Kelsey Asbille) ให้เคลื่อนไหวไม่ได้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรก ทำให้ตัวเอกกลับไม่ได้เล่นบทบาทอะไรเลยนอกจากนอนเป็นผัก กระดิกนิ้วได้นิดนึงกับการกระพริบตา แล้วก็ปล่อยให้สถานการณ์พัดพาไปเอง อย่างตกน้ำแต่ลอยไปตามน้ำจนขึ้นฝั่งได้ เจอคนมาช่วยก็ทำอะไรไม่ได้ บทก็โยนให้ตัวละครรอบข้างเป็นตัวเร่งเร้าเหตุการณ์แทนเมื่อต้องเจอกับฆาตกรที่ตามไล่ล่ามาแล้วก็สวมรอยเนียนๆ ว่ารู้จักเธอ ซึ่งบทก็ทำให้ตัวละครพวกนี้ทำผิดพลาดด้วยความประมาทของพวกเขาเอง ซึ่งหลายจุดก็ดูไม่เมคเซนส์พิลึกๆ อย่างตำรวจที่รู้ว่ารถถูกขโมยมาแต่กลับไม่รวบผู้ต้องสงสัยไว้ก่อน แม้กระทั่งการสู้กลับของไอริสในตอนหลังที่ยาเริ่มคลายตัวก็ยังเล่นง่ายๆ จบง่ายๆ ถึงแม้หนังจะมีจุดที่ให้ลุ้นอยู่เป็นระยะๆ แต่ก็ไม่ถึงกับหักมุมอะไร สุดท้ายหนังอาจจะไม่แย่ แต่ก็ไม่ได้ดีขนาดจะเป็นหนังลุ้นหักมุมเลือดสาดตามสไตล์ Sam Raimi ได้เลยครับ
ตัวเรื่องยังพยายามเล่าเรื่องดราม่าสภาพจิตใจของตัวนางเอกกับฆาตกรประกอบ โดยมีปมเรื่องการเสียลูกชายไปของเธอทำให้เธอต้องเข้ามาในป่า แต่เรื่องก็แทบจะจบเพียงแค่นั้น เพราะเรื่องก็ไม่ได้หยิบตรงนั้นมาขยายอะไรเลย นอกจากเป็นบทสนทนาพูดกล่อมกับฆาตกรว่าทำไมไม่ปล่อยเธอไปตั้งแต่แรกที่เธอพยายามฆ่าตัวตาย โดยตัวฆาตกรเองก็มีครอบครัวที่รักเช่นกัน แต่เรื่องก็ไม่ได้ขยายอะไรมากกว่านั้น นอกจากจุดกำเนิดของการมาเป็นฆาตกรเท่านั้น ซึ่งมันก็ดูย้อนแย้งว่าถ้าเป็นคนแบบนั้นจะมารักครอบครัวได้ยังไงอีก ซึ่งสุดท้ายปมพวกนี้ก็แค่ผิวๆ ปล่อยผ่านลอยตามลม ไม่ได้มีน้ำหนักกับเรื่องที่เกิดขึ้นสักเท่าไหร่ เหมือนบทเขียนได้ไม่สุดแต่อยากทำออกมาครับ
สรุป หนังทริลเลอร์ที่พล็อตเรื่องการขยับตัวไม่ได้แต่ต้องหนีฆาตกรให้ได้ในป่าลึกนั้นดูดี แถมได้ Sam Raimi มาเป็นโปรดิวเซอร์ด้วย แต่บทกลับทำได้ไม่ถึง ทั้งเรื่องนางเอกก็แทบขยับทำอะไรไม่ได้ ปล่อยให้สถานการณ์รอบข้างดำเนินไปกันเองแบบหลายครั้งไม่สมเหตุผลเท่าไหร่ แล้วก็จบแบบง่ายๆ ดราม่าในเรื่องก็ใส่ไว้แค่ผิวเผินแทบไม่ได้นำมาใช้จริงจังอะไร แต่ยังดีที่เรื่องยังพอได้ลุ้นอยู่เรื่อยๆ ก็ทำให้หนังพอน่าติดตามดูได้ แต่ก็ไม่สมกับเครดิตโปรดิวเซอร์ที่เป็นจุดขายเลยครับ