playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว ELITE ซีซั่น 3 บทสรุปจบปิดท้ายฆาตกรรมไฮโซ SEX ยา ปาร์ตี้ (ไม่สปอยล์)

สรุป

ELITE Season 3 มีเรื่องราวดราม่าความรักที่ยังทำออกมาได้ดี พร้อมบทสรุปจบสมบูรณ์ที่ลงตัวพอสมควร แต่กลับมีข้อเสียจากช่องโหว่ของบทแปลกๆ หลายจุดที่อ่อนเหตุผลมากไป จนทำให้องค์ของคดีฆาตกรรมกับแรงจูงใจของทุกตัวละครที่หลอกล่อให้คนดูคิดว่าใครเป็นฆาตกรหายไป เหลือแค่ส่วนดราม่าที่ยังพอน่าติดตามได้อยู่กับประเด็นใหม่ๆ ที่เติมเข้ามาเท่านั้นครับ

อัพเดทซีรีส์ประกาศทำต่อซีซั่น 4 โดยมีตัวละครหลักหายไปหลายตัว เหมือนเป็นการเริ่มบทใหม่ที่ต่างออกไปจากสามภาคแรกครับ กำหนดฉาย 18 มิถุนายน 2021

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (1 vote)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • บทสรุปจบเรื่องราวทั้งหมดที่ฟินนิดๆ ไม่ผิดหวัง
  • เรื่องราวดราม่าไฮโซยังทำได้น่าติดตาม
  • คาร์ล่ากลายมาเป็นเหมือนนางเอกในเรื่องที่รับบทหนักเยอะสุด

Cons

  • บทในส่วนของฆาตกรรมอ่อนมากทั้งการเดินเรื่องและตอนจบ
  • บทกับตัวละครนักเรียนใหม่ทั้งสองคนไม่ได้มีเสน่ห์น่าติดตามนัก
  • ฉาก SEX ของคู่เกย์ในเรื่องไม่มีให้เห็นอะไรมากอีกแล้ว
  • ตัวละครเก่านาโนกับคริสเตียนไม่มีบทสรุปจบกลับมาให้เห็นเลย
  • บทสรุปของบางตัวละครในตอนท้ายดูไม่เมคเซนส์กับเรื่องราว
  • ตัวละครเก่าหลายตัวไม่มีพัฒนาการเรื่องราวใหม่

ELITE Season 3 Netflix เมื่อเริ่มปีการศึกษาใหม่ นักเรียนลาส เอ็นซินาสทุกคนต่างหวังให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติ แต่เหตุร้ายที่ไม่มีใครคาดคิดกลับบีบบังคับให้เหล่านักเรียนต้องเลือกสิ่งที่จะเปลี่ยนชีวิตทุกคนไปตลอดกาล

 Elite (2018) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่าง ELITE Season 3

บทสรุปจบของซีรีส์วัยรุ่นไฮสคูลติดเรต อาจจะเรียกได้ว่าที่สุดใน Netflix แล้วก็ได้ ในซีซั่น 3 ก็ยังคงเส้นคงวาเรื่อง SEX ยา ปาร์ตี้กันตั้งแต่ตอนแรกเลย เปิดมาก็ตรงดิ่งเข้าสู่โลกที่เต็มไปด้วยเรื่องพวกนี้ทันที ซึ่งเราจะได้เห็นการเคลียร์ปมดราม่าความรัก ความสัมพันธ์ในแต่ละคู่ที่ทิ้งท้ายคาไว้ในซีซั่น 2 กันตั้งแต่ตอนแรกแบบค่อนข้างฟินนิดๆ ว่ามีเยื่อใยเหลือต่อกัน ไม่ได้มาเริ่มรีเซ็ทแต่ละคู่ใหม่แบบซีซั่น 1 มา 2 ซึ่งการเหลือเยื่อใยต่อกันมานี้ช่วยเติมเชื้อไฟให้เรื่องราวลุกโชนต่อเนื่องกันทันที พร้อมกับเริ่มเรื่องแนวสืบสวนฆาตกรรมครั้งใหม่ในสูตรเดิมที่เปิดมาเป็นการสอบปากคำตัวละครหลัก หลังจากพบว่ามีคดีฆาตกรรมมีคนตาย (อีกแล้ว) ในงานเลี้ยงจบการศึกษา พร้อมกับเดินหน้าไปกับปมเรื่องใหญ่ที่ทิ้งไว้ในตอนจบซีซั่น 2 ที่ว่าทุกคนรู้ตัวจริงแล้วว่าฆาตกรคือใครทั้งโรงเรียน แต่ก็เหมือนไม่ได้ทำให้ฆาตกรสะทกสะท้านยังกลับมาเรียนได้ตามปกติ

เนื้อเรื่องช่วงแรกของซีซั่น 3 เปิดมาอย่างเผ็ดร้อนมาก แต่ละคู่ที่เราเห็นจากซีซั่น 2 มาต่อซีซั่นนี้จะแทบไม่ค่อยมีการพลิกเปลี่ยนคู่อะไรกันมากอีกแล้ว เพราะซีซั่นนี้เรื่องราวทำออกมาเพื่อจบเป็นบทสรุปสมบูรณ์ ไม่มีทิ้งเชื้อเพื่อไปต่ออะไรอีก เรื่องราวดราม่าความรักต่างๆ จึงเน้นไปที่การเคลียร์ปมปัญหาหัวใจของแต่ละคู่ให้เข้าที่เข้าทางกัน โดยเดินเรื่องให้คู่เดิมๆ ทุกคู่ต้องมีอุปสรรคให้ห่างกันจากการเข้ามาแทรกของ 2 ตัวละครใหม่ในโรงเรียน “เยไรกับมาลิค” ซึ่งดูแล้วเป็นการจับยัดมาเพื่อให้ปมความรักคู่เก่าที่คาราคาซังกันอยู่ตอนซีซั่น 2 ได้มีบทอิจฉาตาร้อนแทรกมาเท่านั้น

เยไรกับมาลิค
เยไรกับมาลิค

ซึ่งการที่สองตัวละครใหม่นี้สร้างมาเพื่อแทรกคั่นเฉยๆ ทำให้บทของสองคนนี้ไม่ค่อยมีความรู้สึกผูกพันกับคนดูเหมือนตัวละครในสองซีซั่นแรกเลย ตัวละครค่อนข้างกลวงๆ ไม่มีมิติอะไรซับซ้อน อีกทั้งยังขาดเสน่ห์จากนักแสดงโดยตรงด้วย เริ่มจาก “เยไร” เป็นเด็กวัยรุ่นที่รวยจากการสร้างแอพพลิเคชั่น แล้วก็มาตามหลงรักคาร์ล่าแบบหัวปักหัวปำ ซึ่งคาร์ล่าในตอนนี้แทบจะกลายเป็นนางเอกตัวจริงของเรื่องนี้ไปแล้ว เพราะในซีซั่น 3 นี้รับบทหนักทั้งการสู้คดีกับโปโลที่ค้างคาจากตอนจบซีซั่นก่อน การพยายามสลัดความรู้สึกกับซามูเอลในซีซั่นก่อนให้ได้ ซึ่งก็มาเริ่มใหม่กับเยไรที่หมายปองเธอมานานแล้วพอดี ในขณะเดียวกันฐานะทางบ้านเธอก็เริ่มล่มสลาย ต้องตกอยู่ภายใต้การบงการชีวิตของพ่อแม่ที่พยายามทำให้เธอเป็นเงินเป็นทองให้ตระกูลให้ได้ ถ้าใครเน้นดูคาร์ล่าก็ไม่ผิดหวังเพราะบทของเธอเด่นตลอดทุกตอน(รวมถึงฉาก 18+ แต่ไม่เท่าซีซั่นแรก) และก็เป็นส่วนที่ทั้งน่าติดตามน่าเห็นใจมากที่สุดในซีซั่นนี้แล้ว

ส่วน “มาลิค” บทดีมีมิติกว่านิดหน่อย เพราะเป็นหนุ่มมุสลิมที่เพิ่มมาอีกคนในเรื่อง และต้องเข้ามาข้องเกี่ยวติดพันกับนาเดีย ซึ่งก็ยังมีใจคาราคาซังกับกุซมานอยู่นิดๆ มาลิคเป็นเหมือนตัวละครที่มาเพื่อเปรียบเทียบกับกุซมานในเวอร์ชั่นอิสลามสมัยใหม่ที่ไม่ยึดติดกฏอะไรมากมาย รับได้กับประวัติด่างพร้อยของนาเดีย รวมถึงยังมีความลับอย่างอื่นซุกซ่อนอยู่อีก แต่ตัวนาเดียเองไม่ค่อยมีบทอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว เหลือก็แค่การตั้งเป้าชิงทุนการศึกษาต่อต่างประเทศ ที่เธอต้องเจอกับ “ลู” คู่ปรับตลอดกาลในทุกด้านอีกครั้ง

ในส่วนความรักของตัวละครอื่นๆ ไม่ค่อยมีความเปลี่ยนแปลงอะไรมาก นอกจากคู่ของ “โอมาร์กับอันเดร์” ที่ยังคงมีปัญหาชอกช้ำจากการเป็นชายรักชายเพิ่มเข้ามาอีก ซึ่งผู้สร้างก็พยายามสรรหาอุปสรรคใหม่ๆ เข้ามาเป็นบททดสอบทั้งคู่ โดยอันเดร์ต้องพบกับโรคร้ายที่เข้ามาบั่นทอนชีวิตร่างกายของเขา พร้อมกับประเด็นความรักที่ต้องปล่อยวางความสุขของตัวเองให้คนรักไปมีชีวิตที่ดีกว่า ทำให้เรื่องราวของอันเดร์ในซีซั่นนี้แทบจะไม่มีความสุขเหลือให้เห็นอีกแล้ว ซึ่งหนังเน้นเรื่องราวของทั้งคู่เยอะมากตั้งแต่ต้นจบจบ แต่แทบไม่มีฉากติดเรตแรงๆ แบบซีซั่น 1-2 อีกแล้ว ฉากของชายรักชายแม้จะมีเยอะพอสมควร แต่ก็ออกมาแบบเซฟไม่ให้เห็นอะไรจะๆ อีกต่อไป อาจจะเพราะว่าผู้สร้างรู้แล้วว่าตัวเรื่องราวดราม่าของคู่นี้มีความน่าสนใจกว่าการขายเนื้อหนังมังสาแบบซีซั่นแรก ซึ่งในซีซั่น 3 นี้ดราม่าทำออกมาได้ดีกว่าซีซั่น 2 ที่โอมาร์แต่งหญิงอาจจะน่ารำคาญมากไป พร้อมบทสรุปจบเคลียร์ปมทุกอย่างได้อย่างลึกซึ้งลงตัว จนเด่นกว่าคู่ชายหญิงในเรื่องทั้งหมดเสียด้วยซ้ำครับ (จากที่คนเขียนรู้สึกนะครับ)

 

คดีฆาตกรรมอันแสนจืดชืดในซีซั่น 3

ฉากเปิดเรื่อง Elite ss3
ฉากเปิดเรื่องตอนแรกก็ยังเป็นฉากก่อนจบเหมือนเดิม

ส่วนเรื่องราวคดีฆาตกรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของเรื่องที่ต้องเล่าแฟลชแบ็คจากตอนจบมาไว้ตอนแรก มาคราวนี้ก็ยังคงรูปแบบไว้เหมือนเดิม แต่ที่ต่างออกไปคือคำให้การของพวกเด็กวัยรุ่นในเรื่องเปลี่ยนแปลงไปมากจากสองซีซั่นก่อน ซึ่งคงเพราะบทเขียนให้เด็กกลุ่มนี้เจอการสอบปากคำมาสองรอบแล้ว ก็เลยไม่ได้มีอาการหวั่นวิตกอะไรออกมา แถมยังกลายเป็นการเล่นกับคำให้การที่ซัดทอดใส่กันเป็นทอดๆ ให้คนดูงุนงงว่าเรื่องจริงคราวนี้เป็นอย่างไรกันแน่

แม้ว่าจะยังคงแนวทางการเล่าเดิมไว้ได้อยู่ แต่ปัญหาของซีซั่นนี้ก็คือ ใส่เรื่องราวคดีฆาตกรรมตรงนี้มาน้อยเกินไป หนังเทไปที่ดราม่าความรักการใช้ชีวิตปกติมากกว่าจะมีบทที่เน้นแรงจูงใจให้คนดูค่อยๆ คิดตามเชื่อว่าทุกตัวละครเชื่อมโยงพัวพันกันจริงๆ แบบซีซั่นก่อนๆ ทำให้ซีซั่นนี้เล่นเรื่องไปถึงตอน 8 แล้วก็ยังไม่ได้รู้สึกลุ้นระทึกอะไรเลย เทียบกับซีซั่น 2 ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย เป็นจุดน่าผิดหวังสุดของเรื่อง พร้อมทั้งการใส่ทางออกตอนจบมาแบบง่ายๆ จนดูเหมือนทีมสร้างตันคิดอะไรไม่ออกแล้วเลยให้จบแบบนี้ ซึ่งอ่อนด้อยทั้งเหตุผลแรงจูงใจมากเกินไปอย่างไม่น่าเชื่อ ทั้งๆ ที่เรื่องยังน่าไปต่อได้อีกสัก 1 ซีซั่นก็น่าจะลงตัวกว่ามาสรุปจบรวบรัดหมดแบบนี้ แถมยังจบแบบทิ้งตัวละครเด่นๆ จากซีซั่นแรกไปแล้วไปลับไม่กลับมาทำบทสรุปจบให้เรียบร้อยอีกด้วยครับ (คริสเตียนกับนาโนหายไปไม่กลับมาอีกเลย)

 

เรื่องราวของโปโลที่แสนหดหู่

ฉากในศาลมีนิดเดียวแค่ตอนแรก

สิ่งที่ซีซั่น 3 เน้นหนักเพิ่มมาจากความรักกับฆาตกรรมก็คือ เรื่องราวชีวิตของโปโล ที่นำเสนอออกมาเป็นแนวการถูกสังคมในโรงเรียนกดดันให้เขาไม่มีที่อยู่ แม้ว่าแม่จะยัดเงินให้โรงเรียนรับเขาอยู่ต่อไปได้จนจบ แต่ก็ต้องเจอกับการกลั่นแกล้งและแรงอาฆาตจากกุซมาน ซามูเอล และคนอื่นๆ จนกลายเป็นนรกในโรงเรียนแทน โปโลต้องมีชีวิตอยู่แบบจิตใจแตกสลายไปวันๆ ทั้งยังต้องโกหกต่อไปไม่จบสิ้น ซึ่งแม้คนดูอาจจะเกลียดความเห็นแก่ตัวของโปโลในซีซั่นแรก แต่มาในซีซั่น 3 นี้กลับกลายเป็นตัวละครที่น่าสงสารที่สุดในเรื่อง นอกจากที่ไม่เคยมีอิสรภาพการตัดสินใจที่แท้จริงให้กับตัวเองแล้ว เพราะถูกคนรอบตัวช่วยกันปกปิดความผิดของเขาไว้เพื่อหวังผลประโยชน์ส่วนตัว เรื่องราวของโปโลทั้งซีซั่นนี้ยังเป็นเหมือนบทโทษจากสังคมที่ส่งผลทางจิตใจแทนการติดคุก พร้อมกับการพยายามไถ่บาปแต่ไม่ขึ้นของเขา ซึ่งคนดูก็คงรู้สึกเห็นใจขึ้นมาบ้างว่าเขารับโทษสาสมกับความผิดที่ก่อไว้แล้วจริงๆ

 

ELITE Season 3 มีเรื่องราวดราม่าความรักที่ยังทำออกมาได้ดี พร้อมบทสรุปจบสมบูรณ์ที่ลงตัวพอสมควร แต่กลับมีข้อเสียจากช่องโหว่ของบทแปลกๆ หลายจุดที่อ่อนเหตุผลมากไป จนทำให้องค์ของคดีฆาตกรรมกับแรงจูงใจของทุกตัวละครที่หลอกล่อให้คนดูคิดว่าใครเป็นฆาตกรหายไป เหลือแค่ส่วนดราม่าที่ยังพอน่าติดตามได้อยู่กับประเด็นใหม่ๆ ที่เติมเข้ามาเท่านั้นครับ

 

ติดตามรีวิวหนังในเว็บไซต์คลิกที่นี่

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!