playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Ford v Ferrari ซิ่งหยุดโลก สนุก ตลก มันส์ไปกับสปีดขั้นเทพของจริงในตำนาน

สรุป

สำหรับเรื่องนี้ถ้าจะหวังแข่งรถจัดเต็มแบบฟาสอันนี้คงไม่ใช่ เพราะนี่เป็นหนังชีวประวัติของสองคนที่ทำทีมฟอร์ดสู้กับเฟอร์รารี่ในแบบถ่ายทอดเหตุการณ์จากเรื่องจริง แม้จะมีฉากแข่งรถเต็มๆ แค่ช่วงท้ายเรื่องสองงานแข่งใหญ่ แต่ก็อัดแน่นสะใจคุ้มค่ามากๆ ครับ หนังเข้าโรงน้อยมาก แต่ควรค่าแก่การหาเวลาไปดูเป็นอย่างยิ่งครับ

Overall
9/10
9/10
Sending
User Review
0 (0 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • หนังชีวประวัติที่ทำได้สนุกมาก
  • ฉากแข่งรถสปีด 200 ไมล์อัพสุดเร้าใจ
  • มุกตลกเสียดสีมีขำๆ ตลอดเรื่อง
  • การแสดงของทั้งคู่ยอดเยี่ยมมากๆ

Cons

  • หนังปูเรื่องราวยาวนานมากอยู่กว่าจะได้แข่งจริงจัง (หนังยาว 150 นาที)
  • รายละเอียดด้านของเฟอร์รารี่น้อยมากไม่เหมือนกับที่คิด

 

Ford v Ferrari ใหญ่ชนยักษ์ ซิ่งทะลุไมล์ ภาพยนตร์แอ็คชั่น-ชีวประวัติ จากเรื่องจริงของการแข่งขันชิงความเป็นที่หนึ่งระหว่างสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการรถยนต์ ฟอร์ด (Ford) และ เฟอร์รารี่ (Ferrari) ในการแข่งขันรถซิ่งระดับโลก เลอม็องส์ (Le Mans) เมื่อปี 1966 ที่กลายเป็นตำนานมาจนถึงปัจจุบัน

หนังเรียกว่ารวมทีมงานยอดฝีมือมารวมกัน กำกับโดย เจมส์ แมนโกลด์ ผู้สร้างหนังวูล์ฟเวอรีนภาคสุดท้าย Logan ทีมเขียนบท เจสัน เคลเลอร์, เจส บัตเตอร์เวิร์ธ จาก Egde of Tomorrow หนังที่ดัดแปลงจากมังงะไซไฟของญี่ปุ่นได้ดีที่สุดในโลก แถมได้ คริสเตียน เบล และแมตต์ เดมอน มารับบทนำเป็นคู่หูร่วมกันสร้างทีมแข่งสู้เฟอร์รารี่ที่ยึดครองแชมป์สนามแข่งหินสุดในโลก 4 ปีซ้อน ซึ่งในสมัยนั้นรถอเมริกาอย่างฟอร์ดยังแค่ทำขายคนทั่วไป ไม่ได้มีความสนใจจะเข้าร่วมการแข่งใหญ่แบบนี้

ตัวอย่างหนัง Ford v Ferrari ฟอร์ด vs. เฟอร์รารี่

หนังเล่าปูความที่มาได้อย่างน่าสนใจของทีมคู่หู แครอล เชลบี้ (Carroll Shelby) ที่เล่นโดยแมตต์ เดมอน นักแข่งชาวอเมริกันผู้เคยชนะสนาม Le Mans 24
ชั่วโมงในนามของทีม Ray Salvadori ประเทศฝรั่งเศสปี 1959  เชลบี้แต่กลับมีปัญหาด้านสุขภาพโดยเฉพาะโรคหัวใจ จนต้องถอนตัวจากอาชีพนี้และหันมาเป็นเปิดศูนย์ขายรถยนต์ อาศัยชื่อเสียงตนเองช่วยปะหน้าการตลาดทำมาหากินไปวันๆ ก่อนจะได้กลับมาสนามแข่งอีกครั้งในตำแหน่งผู้คุมทีมแข่ง หลังฟอร์ดทุมเงินปลุกปั้นทีมขึ้นมาแข่งกับเฟอร์รารี่ ด้วยสาเหตุส่วนตัวที่ประธานเฟอร์รารี่หยามฟอร์ดทั้งรถทั้งประธานฟอร์ด จนทำให้ Tracy Letts ประธานฟอร์ดที่สืบต่อกิจการจากพ่อทนไม่ได้ ยอมทุ่มเงินทำทีมแข่งสู้เพื่อเอาคืนศักดิ์ศรีที่โดนหยามให้ได้

แต่ต่อให้มีเงินมากเท่าไหร่ก็ซื้อชัยชนะไม่ได้นี่คือความจริง แม้เฟอร์รารี่ตอนนั้นจะอยู่ในจุดตกต่ำขาดทุน แต่กลับชนะการแข่งติดๆ กันด้วยความสามารถและพรสวรรค์ของนักแข่งและทีมงาน จึงทำให้เชลบี้ต้องควานหานักแข่งที่มีความสามารถและหลงไหลในรถสปอร์ตอย่างบ้าคลั่งเช่นเดียวกันตน ซึ่งก็ไม่ใช่อื่นไกลแต่เป็นเพื่อนของเขาเอง เคน ไมลส์ (เล่นโดย คริสเตียน เบล) ที่เป็นสุดยอดนักขับรถและช่างเครื่องไปพร้อมกัน แต่ว่าเรื่องก็ไม่ใช่ง่ายๆ เพราะไมลส์ก็มีข้อเสียบรรลัยในสายตาของผู้บริหารฟอร์ด นั่นคือการไม่เข้าสังคม ปากหมา เอาแต่ใจตัวเอง แต่เชลบี้รู้ว่าถ้าไม่ใช่ไมลส์ก็ไม่มีทางชนะงานแข่งเลอม็องส์ที่เขาเคยผ่านมาก่อนไปได้ นี่จึงเป็นเรื่องราวการต่อสู้ของชายผู้หลงไหลในการสร้างรถแข่ง VS.กับฟอร์ดนายทุนตัวพ่อของวงการขายรถ มากกว่าการแข่งกับเฟอร์รารี่ด้วยซ้ำ

เคน ไมลส์
เคน ไมลส์ ตัวจริงเทียบกับคริสเตียน เบล ในเรื่อง –ฟอร์ด vs. เฟอร์รารี่

หนังดึงเรื่องราวการขัดแย้งตลอดเส้นทางการมาเข้าทีมฟอร์ดของนักแข่งในตำนาน “เคน ไมลส์” ซึ่งเป็นทหารผ่านศึกมาและก็มาเปิดอู่ซ่อมรถเอง และว่างก็ไปแข่งรถเป็นอาชีพเสริม แม้ว่าภรรยากับลูกจะส่งเสริมมาตลอด แต่กลับล้มเหลวในชีวิตบ้านกำลังถูกยึด นี่จึงเป็นโอกาสอันเดียวของเขาที่เหลืออยู่ แต่ก็ไม่วายว่าถูกกีดกันจากภาพลักษณ์ภายนอกที่ฟอร์ดใช้การตลาดนำ ต้องการผู้ดีอเมริกัน ไม่ใช่กุ๊ยๆ แบบเขา ซึ่งคริสเตียน เบล ลดน้ำหนักมาผอมให้เหมือนตัวจริงเป๊ะทั้งโครงร่างหน้าตาด้วย

หนังเล่าเรื่องการต่อสู้ ความผิดหวัง การเสียสละหลายๆ อย่างกว่าที่ไมลส์จะกลายมาเป็นนักแข่งตัวจริงที่ผู้บริหารฟอร์ดยอมรับโดยไร้ข้อกังขา ซึ่งเป็นการต่อสู้ของนักแข่งยอดฝีมือหัวขบถ vs ผู้บริหารนักการตลาดที่ไม่ได้รู้เรื่องแข่งรถ แต่กุมอำนาจเหนือกว่านักแข่ง ดูๆ ไปคนดูเผลอๆ มองว่าฟอร์ดเป็นตัวร้ายในเรื่องเสียด้วยซ้ำครับ ซึ่งเบลถ่ายทอดการแสดงออกมาได้ดีในบทนักแข่งสุดอินดี้ที่เงินจ้างได้ แต่ศักดิ์ศรีนั้นซื้อไม่ได้ และก็ไม่ยอมลดราศอกให้กับนายทุนที่จ้างตัวเขามาเองแท้ๆ คุณจะอินไปกับชีวิตของเคน ไมลส์ นักแข่งที่มีพรสวรรค์ แต่ภาพลักษณ์ห่วยแตกคนนี้ได้แน่นอน

แครอล เชลบี้
แครอล เชลบี้ ตัวจริง vs แมตต์ เดมอน –ฟอร์ด vs. เฟอร์รารี่

ในส่วนของเชลบี้เองก็เช่นกัน แม้ว่าเขาจะเชื่อมั่นและลากไมลส์มาร่วมทีมได้สำเร็จ แต่เขาเองก็ต้องทนรับแรงกดดันจากการผลักดันไมลส์ เชลบี้กลายมาเป็นผู้ที่อยู่บนทางสองแพร่ง ต้องรักษาไว้ทั้งความฝันในการทำทีมและกับมิตรภาพของเพื่อนให้ได้ ซึ่งแมตต์ เดมอน ก็ถ่ายทอดอารมณ์เก็บกดที่ต้องพยายามต่อสู้กับอิทธิพลของผู้บริหารฟอร์ดที่พยายามมาครอบงำเขา แม้กระทั่งตั้งทีมแข่งขึ้นมาสู้กับทีมของเชลบี้เองอีกด้วย เพื่อหวังชนะจะได้ยึดอำนาจเบ็ดเสร็จ ซึ่งสุดท้ายเชลบี้ก็ได้ตอกกลับอย่างสะใจ ด้วยการพาประธานฟอร์ดนั่งรถไปให้เห็นของจริงกับความเร็วระดับอ๊วกแตก ซึ่งไม่รู้ว่าฉากนี้มาจากเรื่องจริงแค่ไหน แต่เป็นไฮไลท์ที่ตลกร้ายได้เด็ดดวงมากๆ ครับ

Ford v Ferrari
ฉากพาประธานฟอร์ดซิ่งที่ทั้งฮาทั้งมันส์ไปในตัว

Ford v Ferrari หนังมีฉากแข่งไฮไลท์หลักๆ สองงานคือ เดย์โทนา” ของอเมริกา กับ เลอม็องส์ ของฝรั่งเศส ซึ่งสองงานนี้เป็นฉากติดกันเลย และมาหมกไว้ท้ายๆ เรื่อง โดยถ่ายทอดฉากการแข่งที่ทำตามเรื่องราวจริงแทบทั้งหมด แม้แต่อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ในระหว่างการแข่งที่เกิดขึ้น หนังอัดแน่นไปด้วยฉากสปีดขั้นเทพของยุคนั้น ให้คนดูได้สัมผัสกับมุมมองของนักแข่งที่เหยียบ 200 ไมล์ขึ้นว่าเป็นยังไง หนังตัดสลับการเข้าเกียร์ แตะเบรค อัดแน่นให้คนดูได้เห็นสกิลการขับแทบทุกอย่าง รวมถึงการเข้าค็อกพิทว่าสำคัญแค่ไหน ซึ่งงานแข่งเลอม็องส์ต้องแข่งติดต่อกัน 24 ชั่วโมงทั้งคนทั้งรถ รวมถึงทีมซ่อมบำรุงที่ต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้ไวที่สุดจริงๆ แถมยังมีหยอดมุกตลกร้ายกาจไว้ในช่วงนี้ได้อย่างเนียนๆ อย่างฉากทิ้งน็อตไว้ในโซนค็อกพิทคู่แข่งให้เหวอไปตามๆ กัน การันตีได้เลยว่าแม้หนังจะยาวสองชั่วโมงกว่า และกว่าจะอัดการแข่งจริงจังก็ช่วงท้าย แต่หนังทำได้มันส์คุ้มค่ากับการรอมากจริงๆ ต้องเข้าใจว่ามันเป็นหนังชีวประวัติมากกว่าจะมาแต่งเรื่องให้มีฉากแอ็กชั่นระหว่างทางอย่างพวกหนังตระกูลฟาสทำไว้ครับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าระหว่างทางจะไม่มีฉากแข่งรถอะไรนะ ก็มีอยู่แต่จะเป็นแนวช่วงทีมพระเอกซ้อมปรับแต่งรถให้เบากับไวขึ้นเรื่อยๆ มากกว่าจะเป็นฉากบี้สปีดกันในสนามแบบมีคู่แข่งครับ

คลิปงานแข่งเลอม็องส์ปี 1966 ที่เป็นตำนาน ฟอร์ด vs. เฟอร์รารี่ ของจริงเทียบรายละเอียดได้ตรงกับในหนัง

นี่เป็นหนังชีวประวัติที่เป็นตำนานขึ้นหิ้งของวงการแข่งรถ ในยุคสมัยที่รถสปอร์ตยังพึ่งเริ่มบูมกันจากการมาของเฟอร์รารี่ ว่ามีอิทธิพลต่อความคิดของเด็กวัยรุ่นยังไง ซึ่งกลายมาเป็นแม้เฟอร์รารี่จะขาดทุนย่ำแย่ แต่กลับเป็นตำนานมากกว่าฟอร์ดที่ผลิตรถวันเดียวขายได้มากกว่าที่เฟอร์รารี่ทำทั้งปี แต่นั่นแหละสิ่งที่เฟอร์รารี่ทำต่อให้ฟอร์ดมีเงินแค่ไหนก็ซื้อมาตรงๆ ไม่ได้ หนังไม่ได้โฟกัสที่เรื่องราวของเฟอร์รารี่มากนัก มีแค่เป็นระยะๆ ในทำนองว่าอิตาลีดูถูกอเมริกาที่มีแต่เงินฟ่อนผลิตรถขายทั่วโลก แต่ก็ซื้อแชมป์โลกไม่ได้

หนังไม่ได้จบลงที่การแข่งดุเดือดของเลอม็องส์ของ Ford v Ferrari แต่เลยไปถึงเรื่องราวหลังจากนั้นที่ไมลส์ทำอะไรที่น่าทึ่งไม่เชื่อว่าเขาจะทำได้ รวมถึงบทสรุปกับรถคันสุดท้ายที่ทำกับเชลบี้จนเป็นตำนานต่อมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งนี่เป็นหนังที่ทำมาไม่ใช่แค่มันส์อย่างเดียว แต่ยังเคารพจิตวิญญาณของเคน ไมลส์ ตัวจริงที่ทั้งชีวิตหลงไหลกับการปรับแต่งรถแข่งจนกระทั่งจุดสุดท้ายของชีวิตครับ


เกร็ดเสริม: ประมูล Ford GT40 ตำนานเลอม็อง ด้วยราคา $12 ล้าน

Ford GT40
Ford GT40

รถยนต์ที่มีความพิเศษในตัวมันเอง โดยมันคือ 1 ใน 3 ของ Ford GT40 ที่วิ่งเข้าเส้นชัยในรายการแข่งขัน 24 Hours of Le Mans ปี 1966 และตอนนี้กำลังหาบ้านใหม่ ด้วยราคาที่ถือว่าเหมาะสมกับการที่ผลิตเพียงน้อยน้อยนิด (105 คัน) และยังมีประวัติศาสตร์เป็นของตัวเอง

Ford GT40 (ฟอร์ด จีที 40) หมายเลข 5 คันนี้ได้ไปแข่งขันในรายการ 24 Hours of Le Mans 1966 มันเข้าสู่เส้นชัยในลำดับที่ 3 และยิ่งไปกว่านั้นรถแข่งรุ่นนี้ได้หยุดยั้งความยิ่งใหญ่ของค่าย Ferrari ที่ครองแชมป์รายการนี้มาตั้งแต่ปี 1960-1965 เมื่อไอคอนิคคาร์อเมริกันขนาดแท้รุ่นนี้ได้เข้าสู่เส้นชัยในรายการเดียวกันในลำดับที่ 1 และ 2 ทำให้ฟอร์ดได้ครองแชมป์ตั้งแต่นั้นไปจนถึงปี 1969

Ford GT40การแข่งขันรายการ 24 ชั่วโมง เลอม็อง ในปีนั้น Ford GT40 หมายเลข 5 วิ่งไปทั้งหมด 348 รอบโดย Ronnie Bucknum และ Dick Hutcherson ส่วนฟอร์ด จีที 40 (หมายเลข 2) ที่เข้าเส้นชัยในอันดับที่ 1 ถูกขับโดย Bruce McLaren และ Chris Amon ส่วนจีที 40 (หมายเลข 1) อีกคันที่ได้อันดับ 2 ขับโดย Ken Miles และ Denny Hulme

ที่มาจาก www.thaicarlover.com

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!