playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Haseen Dillruba กุหลาบมรณะ หนังสืบสวนที่เดินเรื่องด้วยแนวหนังรักครบรส (ไม่มีสปอยล์)

Haseen Dillruba กุหลาบมรณะ

สรุป

หนังสืบสวนคดีฆาตกรรมที่ใช้แนวหนังรักมาเป็นตัวดำเนินเรื่อง พร้อมสอดแทรกปัญหาของการคลุมถุงชนไว้พร้อมกัน ตัวเรื่องดีงามในแง่หนังรักที่นำเสนอความเป็นไปของชีวิตแต่งงานแบบคลุมถุงชนได้อย่างมีมิติครบถ้วน โดยมีเรื่องราวชีวิตคู่ครบรสหลากหลายอารมณ์มากๆ (รัก ตลก โรแมนติก ดราม่า) ในขณะที่แนวสืบสวนคือความคลุมเครือของเรื่องราวปัจจุบันที่ขัดแย้งกับสตอรี่เรื่องรักที่เป็นเรื่องหลักให้คนดูตั้งคำถามว่าอะไรคือจริงหรือเท็จในเรื่องนี้กันแน่ไปจนจบ

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
5 (2 votes)

Pros

  • หนังสืบสวนที่ใช้แนวหนังรักเป็นตัวดำเนินเรื่อง
  • ตัวเรื่องครบรสมีหลากอารมณ์สลับไปมาหลายแนวมาก
  • ดารานักแสดงเล่นได้ดีแบบสมบทบาทมาก
  • เพลงประกอบเพราะเข้ากับฉากในเรื่อง (ไม่มีฉากเต้น)
  • ภาพเป็น 4K ถ่ายทำออกมาสวยหลายฉาก

 

Cons

  • ตอนเปิดเรื่องคาดเดาตอนจบได้ไม่ยาก (แต่เรื่องดีงามระหว่างทางมากกว่า)
  • จุดสำคัญในตอนท้ายเรื่องขาดความน่าเชื่อถือมากไป
  • ตัวหนังเป็นแนวติดตลกแซมอยู่ตลอดเรื่อง เลยทำให้ช่วงสืบสวนดูไม่เข้มข้นเท่าที่ควร

Haseen Dillruba กุหลาบมรณะ หนังอินเดีย Original Netflix ที่ว่าด้วยเรื่องราวความรักผ่านการคลุมถุงชนจนไปสู่คดีฆาตกรรมอำพรางได้อย่างโรแมนติกที่สุด

 Haseen Dillruba (2021) on IMDb

ตัวอย่าง Haseen Dillruba กุหลาบมรณะ

หนังอินเดียจากทุนเน็ตฟลิกซ์ที่พักหลังๆ งานหนังอินเดียเริ่มดี มีมาตรฐานกว่าหนังฝรั่งซะอีก (วัดจากทุนเน็ตฟลิกซ์สร้างเอง) ซึ่งเรื่องนี้มันคือ หนังสืบสวนที่เดินเรื่องด้วยหนังรักได้อย่างน่าติดตาม แม้พล็อตมันจะดูเหมือนไม่มีอะไรง่ายๆ เอาจริงๆ ก็แอบเกร่อแล้วเรื่องแนวสามีภรรยาฆาตกรรมกันเอง ซึ่งตัวเรื่องเริ่มจาก “ราณี” ภรรยาแสนสวยของ “ริชู” ที่กลับมาบ้านแล้วพบกับเหตุการณ์แก๊สระเบิดจนสามีที่รักของเธอแหลกเป็นชิ้นๆ เหลือเพียงมือข้างซ้ายที่มีรอยสักชื่อเธอไว้เป็นหลักฐานยืนยันตัวตนเท่านั้น ในขณะที่ตำรวจพุ่งเป้าว่าเป็นฆาตกรรมอำพรางจากฝีมือเธอกับชายชู้ที่หนีไปได้ แต่หลังจากสอบปากคำราณีก็ยังยืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์ พร้อมทั้งเล่าความเป็นมาความรักของทั้งคู่ให้ตำรวจฟัง จนกลายมาเป็นสตอรี่หลักของเรื่องนี้ที่เริ่มขึ้นในโรงพักตำรวจ

หนังเดินเรื่องสลับกันสองแนว ระหว่างแนวรัก ตลก โรแมนติก ดราม่า กับอีกแนวคือสืบสวนสอบสวน ในสัดส่วน 70/30 แม้ไม่ใช่หนังสืบสวนโดยตรง แต่นี่ก็คือหนังสืบสวนแท้ๆ ที่เดินเรื่องด้วยหนังรักแท้ๆ เช่นกัน เนื้อเรื่องมีความสดใหม่ในแนวทางการเล่าเรื่องกลับด้านแบบนี้ ซึ่งบอกเลยว่าในส่วนของแนวหนังรักของเรื่องนี้คือมาด้วยอารมณ์หลากหลายมาก เริ่มจากการพบกันของทั้งคู่แบบคลุมถุงชน ริชูเองเป็นวิศวกรหนุ่มขี้อายที่จีบสาวไม่เป็น ส่วนราณีคือผู้หญิงรุ่นใหม่ที่หัวก้าวหน้า ไม่ยอมสยบต่อระบบเรียบเดิมๆ ทำอาหารไม่เป็น ดูแลสามีไม่ได้ ไม่แคร์แม่ผัวที่มองว่าเธอไม่เหมาะสม แต่แม่ก็ต้องยอมเมื่อลูกชายชอบและจับแต่งงานกันในที่สุด ฟังดูเหมือนแนวหนังคลุมถุงชนปกติ แต่เรื่องเลือกเดินด้วยแนวทางติดตลกไปกับสถานการณ์ในบ้านที่ริชูคือทาสรองรับอารมณ์เมียตั้งแต่วันแรกที่เข้าหอ แถมยังไม่กล้ามีอะไรกันด้วย (ตัวเรื่องเก็บเหตุผลนี้ไว้เล่าตอนหลัง) ไปๆ มาๆ ริชูเองก็เริ่มไม่แน่ใจว่าการแต่งครั้งนี้ถูกต้องหรือไม่ แถมราณีเองก็เอาเรื่องปัญหาในบ้านนี้ไปเล่าให้แม่ฟังตลอดเวลา จนกลายเป็นว่าการแต่งงานครั้งนี้ดูท่าจะไม่รอด ซึ่งตัวเรื่องจากตลกก็จะเริ่มดราม่าเครียดๆ ขึ้น ก่อนที่จะเข้าสู่จุดหักเหในตอนกลางเรื่อง

นีลชู้รักของราณีที่เป็นหนุ่มรูปงามกล้ามใหญ่เข้าใจผู้หญิงทุกอย่าง แถมอ่อยหนักอีกต่างหาก

เรื่องเริ่มกลับตาลปัตรเป็นแนวหนังชู้รักเมื่อ “นีล” หลานของริชู กลับมาพักทำงานที่นี่ แล้วก็ปิ๊งกับพี่สะใภ้คนสวยตรงๆ ราณีเองก็หวั่นไหวตลอดเวลากับการอ่อยของนีล ที่ซึ่งสเป็คตรงสุดๆ กับที่เธอต้องการ จนพยายามทำอะไรต่างๆ นาๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนเพื่อให้นีลพอใจ อย่างทำอาหาร ชงชา เที่ยวเล่นด้วยกัน จนสุดท้ายก็ห้ามใจไม่ไหวเลยเถิดถึงขั้นมีอะไรกัน แต่อารมณ์ของเรื่องกลับเทไปทางความรักที่แท้จริงของราณี ด้วยเพลงประกอบเพราะๆ แบบความรักที่ใช่ในสถานการณ์ที่ผิด ตัวหนังไม่ได้ทำให้รู้สึกว่านี่เป็นความผิด เพราะก่อนนี้เรื่องก็ถูกปูมาแล้วว่ามันผิดตั้งแต่คลุมถุงชนของคนสองคนที่ไม่ได้รักกันแต่แรก แถมยังมีความแตกต่างที่เข้ากันไม่ได้ทุกเรื่อง

อารมณ์ของริชูคือวิศวกรที่ต้องการครอบครัวน่ารัก ภรรยาแสนดีเอาใจ หลังทำงานมาเหนื่อยๆ แต่ราณีเองคือสาวสมัยใหม่ ไม่ได้คิดว่าแต่งมาเป็นแม่วัวให้สามีแบบยุคก่อน แถมเธอยังมีอารมณ์ศิลป์ เป็นพวกชอบอ่านนิยายรักพิสวาสของนักเขียนชื่อดัง ซึ่งริชูเองไม่เคยคิดจะอ่านเลย แต่พอเริ่มรู้จักว่าราณีชอบก็เลยอ่านบ้าง ตัวเรื่องเผยให้เห็นว่านิยายเรื่องที่ทั้งสองคนอ่าน มีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในตอนแรก ที่แม้แต่คนดูเองก็ต้องรู้สึกว่ามันเป็นอาชญากรรมอำพรางอะไรสักอย่างแน่ๆ หรือบางคนอาจจะเดาถูกแต่แรกเลยก็ได้ แต่รับรองว่าในระหว่างทางของเรื่องนี้ที่ดำเนินไปด้วยแนวเรื่องรักกับการนอกใจ นี่คือความสนุกของเรื่องเมื่อบทถูกพลิกกลับไปมาตลอดเวลา ในช่วงเวลาแรกคนดูอาจจะรู้สึกว่าใครผิดกันแน่ ถ้าดูจากเรื่องคร่าวๆ น่าจะเป็นราณีมากกว่าที่มีชู้ แต่ตัวเรื่องกลับให้ริชูเองพลิกบทบาทเช่นกันในเวลาต่อมาเมื่อรู้ความจริง ริชูกลายเป็นสามีที่เลือดเย็นพร้อมวางแผนฆ่าภรรยาตลอดเวลา แต่ราณีเองกลับพึ่งเริ่มเข้าใจว่าตัวเองผิดบาปแค่ไหน และพร้อมชดใช้กรรมที่ก่อขึ้นมา

ฟังดูอาจจะเหมือนเรื่องตั้งใจหักมุม แต่ต้องบอกว่าไม่ใช่ เพราะการดำเนินเรื่องถูกวางมาแบบมีเหตุมีผลให้เชื่อตามได้ตลอดเวลา คนดูจะรู้สึกเลยว่า นี่เป็นหนังที่ถ่ายทอดเรื่องราวความรักออกมาได้ทุกแง่มุมของปัญหาการคลุมถุงชนได้อย่างดีเยี่ยม แบบมี 10 ให้ 10 เต็มกับส่วนนี้ได้เลย เป็นหนังรักที่มีสตอรี่พร้อมองค์ประกอบหลายๆ อย่างดีมาก ทั้งดารานักแสดงที่เล่นกันสมบทบาท มีเพลงประกอบเพราะๆ ช่วยส่งอารมณ์กับเรื่องให้ดูโรแมนติกในบางเวลา  (ไม่มีฉากเต้น) แต่ก็มีด้านเลวร้ายของปัญหาครอบครัวรวมอยู่ด้วย ซึ่งเนื้อเรื่องถูกวางเป็นเหตุเป็นผลต่อเนื่องกันมาเรื่อยๆ จนปะทุในตอนหลัง เพื่อย้อนกลับไปจุดเริ่มเรื่องตอนแรกว่าจริงๆ แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ในเหตุการณ์แก๊สระเบิดนั้น

ในขณะที่เรื่องเลือกเดินด้วยการถ่ายทอดชีวิตรักของทั้งคู่เป็นหลัก แต่หนังก็ตัดกลับมาช่วงสั้นๆ ในเหตุการณ์ปัจจุบันที่เธอถูกสอบปากคำโดยนายตำรวจใหญ่ประจำสถานี ที่เขาเชื่อแบบปักใจมากว่าราณีคบชู้วางแผนฆาตกรรมอำพรางสามีเธอเอง แล้วปล่อยชายชู้หนีไป โดยตัวราณีในปัจจุบันจะมีลักษณะท่าทางต่างออกไปจากราณีในเรื่องเล่าย้อนอดีตแบบเห็นได้ชัด เธอดูมีพิรุธและอะไรหลายๆ อย่างแบบคลุมเครือมากในเรื่อง จนคนดูเองแม้จะได้ฟังเรื่องเล่าในอดีตมาก็คงเริ่มไม่แน่ใจว่าเรื่องจริงเป็นยังไงกันแน่ แถมยังมีพยานในเหตุการณ์หลายคนที่มาช่วยตอกย้ำว่าราณีเองน่าจะรู้เห็นเป็นใจกับการตายของสามีแน่ๆ

ในส่วนของแนวสืบสวนแม้จะมีสัดส่วนน้อย แต่เรื่องก็ยังทำออกมาได้ดีพอสมควร มีความน่าติดตามเพราะเราจะเห็นเรื่องจริงในปัจจุบันค่อนข้างขัดแย้งกับเรื่องเล่าของราณีตลอด แต่ด้วยความที่หนังไม่ใช่แนวสืบสวนเข้มๆ ตัวเรื่องจึงมีแค่การให้ปากคำในโรงพักกับการตรวจสถานที่เกิดเหตุของตำรวจเท่านั้น ซึ่งดูน้อยไปนิด แต่ก็มีจุดสำคัญท้ายเรื่องจากการที่ราณีถูกนำเข้าเครื่องจับเท็จ และจุดนี้เองคือไฮไลท์สำคัญของเรื่องที่จะตัดสินว่าอะไรคือจริงหรือเท็จจากที่ดูมาทั้งเรื่อง แต่เรื่องก็มีอีกก๊อกปิดท้ายต่อจากนี้ เป็นการเคลียร์ทุกอย่างได้ค่อนข้างหมดจรดลงตัว

ต้องบอกเลยว่าผู้เขียนลำบากใจที่จะให้คะแนนเรื่องนี้เท่าไหร่ดี เพราะตัวเรื่องถือว่าทำได้น่าติดตามเข้าขั้นดีมากจริงๆ ในแนวทางหนังรัก ในส่วนของสืบสวนอาจจะน้อยบ้างพอเข้าใจเพราะเรื่องใช้แนวหนังรักเดินเรื่องมากกว่า และก็ทำออกมาได้สมเหตุผลมาตลอด แต่มีจุดหนึ่งในตอนท้ายที่ขาดความน่าเชื่อถือมากไป เรียกว่าเป็นการจงใจให้เรื่องต้องหักมุมมากไป จนมีความรู้สึกไม่เชื่อกับจุดนี้ ซึ่งมันส่งผลเสียต่อฉากเฉลยความจริงของเรื่องทั้งหมดตามมาด้วย ทำให้ความรู้สึกที่ดูดีสนุกมาตลอดเรื่องตกวูบลงทันที แต่ถ้าสามารถมองข้ามไปได้ สนุกกับการเฉลยเรื่องที่เว่อร์มากแบบนี้ ก็คงไม่มีปัญหาอะไรกับตอนจบ และน่าจะชอบฉากจบของเรื่องนี้มากด้วยเช่นกันครับ

ติดตามรีวิวหนังอินเดีย Netflix เรื่องอื่นได้ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!