playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว He’s Expecting (Netflix) ผู้ชายท้องแสนลำบากยากกว่าผู้หญิง…

สรุป

ซีรีส์ที่สร้างโลกสมมุติขึ้นมาเรื่องผู้ชายท้องได้เป็นปกติแบบไม่ต้องมีคำอธิบายใดๆ แต่ไปเล่นเรื่องการถ่ายทอดความยากลำบากของการตั้งท้องของผู้หญิง ที่พอเปลี่ยนมาเป็นผู้ชายแล้วลำบากยิ่งขึ้นไปอีก ช่วง 3 ตอนแรกอาจจะดูอึดอัดเหมือนยัดเยียดบทตั้งท้องแบบฝืนๆ แต่หลังจากนั้นไปเรื่องราวดูสนุกผ่อนคลาย มีติดตลกนิดๆ ไปกับดราม่าเบาๆ หลากหลายปัญหาที่เกิดขึ้นรอบด้าน รวมถึงมุมมองปัญหาของการสลับบทบาทฝ่ายผู้หญิงที่กลายมาเป็นพ่ออย่างไม่ตั้งใจ และสะท้อนพัฒนาการเปลี่ยนผ่านของสังคม ในเรื่องการยอมรับสถานะบทบาททางเพศที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันด้วย

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • โลกสมมุติผู้ชายตั้งท้องที่ไม่ต้องอิงกับความจริงใดๆ
  • บอกเล่าการรับมือกับปัญหาที่ไม่คาดคิดในชีวิต
  • การสลับบทบาทหน้าที่ของชายหญิง
  • เรื่องราวดราม่าเบาๆ ผสมติดตลกนิดๆ
  • เวลาในตอนสั้นแค่ 20 กว่านาที
  • มีเสียงพากย์ไทย

 

Cons

  • ช่วง 3 ตอนแรกดูน่าอึดอัดแบบยัดเยียดเรื่องตั้งท้อง
  • เรื่องราวตั้งท้องไม่มีอิงกับความจริงใดๆ เลยสักนิด จนบทดูหลวมๆ ในบางจุดที่สำคัญ

He’s Expecting ผู้ชายก็ท้องได้ ซีรีส์ Netflix ญี่ปุ่น 8 ตอนจบ เล่าเรื่องประสบการณ์ความยากลำบากของผู้ชายที่เกิดตั้งท้องขึ้นมา ในสังคมที่พึ่งเริ่มมีการพูดถึงเรื่องนี้กันอย่างจริงจัง

 He's Expecting (2022) on IMDb

ตัวอย่าง

เรื่องย่อ

ฮิยามะ เคนทาโร่ (แสดงโดย ทาคุมิ ไซโต้) หนุ่มเพลย์บอยรักอิสระ ทำงานในวงการโฆษณาที่ชีวิตที่เขาวางแผนไว้กำลังรุ่งโรจน์ แต่แล้วเขากลับตั้งท้องขึ้นมาแบบไม่คาดฝัน โดยคิดว่าน่าจะเกิดจากความสัมพันธ์กับสาวนักเขียน อากิ เซโตะ (แสดงโดย จูริ อูเอโนะ) การตั้งท้องนี้ทำให้ชีวิตที่กำลังไปได้สวยของเขาต้องพบกับอุปสรรคมากมายอย่างที่ไม่เคยวางแผนไว้มาก่อน

รีวิว He’s Expecting ผู้ชายก็ท้องได้

ซีรีส์เรื่องนี้สร้างจากมังงะต้นฉบับชื่อ Hiyama Kentarou no Ninshin ของนักเขียน เอริ ซาไก ค่ายโคดันชะ ตีพิมพ์ในปี 2019-2020 มีทั้งหมด 2 เล่ม ซึ่งโครงเรื่องราวเป็นแนวจินตนาการที่สมมุติขึ้นมาแบบไม่ได้อิงกับทฤษฎีใดๆ เลยว่า อยู่ๆ ในช่วงหลังก็มีผู้ชายตั้งท้องได้ปรากฎขึ้นมาเรื่อยๆ เป็นเรื่องปกติ ตัวเรื่องเป็นโลกสมมุติเพื่อสร้างเรื่องราวจำลองว่าถ้ามีผู้ชายตั้งท้องได้ในสังคมจะเป็นเช่นไร ดังนั้นผู้ชมต้องตัดความรู้สึกไม่สมเหตุผลทั้งหมดไปก่อน ตัวเรื่องจะไม่มีอธิบายอะไรในทางวิทยาศาสตร์กับเรื่องนี้ทั้งสิ้นครับ (อย่างเรื่องคลอดลูกทางไหน อันนี้ไม่ต้องมีคำถาม ในเรื่องผ่าเอาเลย) ต่างกับก่อนนี้ที่มีหนังเรื่อง จูเนียร์ ผู้ชายทำไมท้อง หนังปี 1994 ของอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ เรื่องนี้เป็นแนวอิงหลักการวิทยาศาสตร์มากกว่า

เมนหลักของเรื่องนี้คือความพยายามเล่าเรื่องราวความยากลำบากของการตั้งท้องออกมาให้ผู้ชายได้รับรู้ในทุกแง่มุมที่เกิดขึ้นกับผู้หญิงจริง ซึ่งตัวเรื่องก็ใส่รายละเอียดต่างๆ ตามจริงมาให้คนดูเห็นพัฒนาการตั้งท้องในแต่ละเดือนที่ผ่านไป แต่พอเปลี่ยนมาเป็นผู้ชายอะไรหลายๆ อย่างก็ดูยากลำบากขึ้นไปอีก อย่างอุปกรณ์เครื่องแต่งกายของใช้ต่างๆ ทำมาแค่ผู้หญิงเท่านั้น หรือการที่สังคมยังมองว่าผู้ชายตั้งท้องเป็นเรื่องที่แปลกแบบยังรับไม่ค่อยได้ เปรียบเทียบเหมือนกับเป็นเกย์ ตุ๊ด ในมุมมองของสังคมจารีตญี่ปุ่นที่เรื่องอะไรพวกนี้ก็ยังไม่แพร่หลายเปิดกว้างได้รับการยอมรับมากนัก ตัวเรื่องจะมีเวลานับถอยหลังในแต่ละตอนว่าอีกกี่อาทิตย์ใกล้คลอด แล้วก็เล่าพัฒนาการท้องของพระเอกควบคู่ไปกับการรับมือสารพัดปัญหาที่พบเจอรอบด้าน ทั้งในแง่การใช้ชีวิตที่ยากลำบากขึ้น กับปัญหาครอบครัวที่เกิดขึ้นจากการที่เขาก็ไม่ได้คบหากับอากิเป็นแฟน ทำให้อากิเองก็เหมือนผู้หญิงที่ต้องมาตกอยู่ในสภาพผู้ชายที่จู่ๆ ก็กลายเป็นพ่อคนขึ้นมา แม้เธอตัดสินใจจะรับเลี้ยงลูกด้วยกัน แต่เรื่องแต่งงานก็ไม่ได้อยู่ในหัวมาก่อน เลยกลายเป็นเหมือนผู้ชายที่รับลูกแต่ไม่ลงหลักปักฐานกับแม่ แบบที่เราเห็นกันในสังคมชายเป็นใหญ่แบบที่ผ่านมา ตัวเรื่องบอกเล่าปัญหารอบด้านในแง่มุมที่สลับบทบาทกันทั้ง ชาย-หญิง พ่อ-แม่ สามี-ภรรยา เล่าเรื่องด้วยดราม่าเบาๆ ไม่เครียด ติดอารมณ์ขันนิดหน่อยกับเรื่องราวแหวกแนวที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังจริงจังกับการบอกเล่าความยากลำบากของการตั้งท้องออกมาให้คนดูได้รับรู้กัน

ฟังดูเรื่องก็อาจจะพื้นๆ ไม่ได้มีอะไรมากเท่าไหร่ แต่ตัวเรื่องก็มีเส้นเรื่องรองที่ทำให้เรื่องราวใหญ่โตขึ้นมากกว่าแค่ผู้ชายคนหนึ่งตั้งท้อง (ในสังคมที่รับรู้ว่ามีเรื่องนี้อยู่แล้ว) โดยการให้พระเอกกลายเป็นพรีเซนเตอร์จำเป็นของบริษัทโฆษณาแบรนด์เสื้อผ้าที่กำลังรีแบรนด์ใหม่ แล้วเกิดเป็นกระแสโด่งดังทอล์คออฟเดอะทาวน์ ทำให้การตั้งท้องของเขากลายเป็นวาระแห่งชาติที่ใครๆ ก็จับตามอง ซึ่งเรื่องราวส่วนนี้จะเริ่มหลังจากท้ายตอน 3 ไป โดยก่อนหน้านั้นเรื่องราวค่อนข้างตึงเครียดจนดูไม่สนุกเท่าไหร่ แต่พอเรื่องมีจุดพลิกผันมาแบบนี้ทำให้เรื่องดูสนุกขึ้นมาทันที ด้วยความโด่งดังที่ถาโถมเข้ามา จึงถูกสื่อขุดคุ้ยอดีตครอบครัวของพระเอกเพื่อขายข่าว ทำให้พระเอกก็ต้องไปเจอกับเหตุการณ์ดราม่าแบบที่อินฟลูเอนเซอร์ทั้งหลายโดนกัน แล้วเรื่องก็ดึงเอาอดีตของพระเอกมาเชื่อมต่อกับยุคสมัยก่อน บอกเล่าเรื่องผู้ชายตั้งท้องในอดีตเพิ่มขึ้นมา เสมือนแทนพัฒนาการของสังคมในเรื่องการยอมรับความหลากหลายของคน โดยไม่ยึดติดเพศ สถานะทางสังคมใดๆ ที่ถูกตีกรอบไว้จากอดีต

ซีรีส์มีทั้งหมด 8 ตอน ตอนละ 25 นาทีเท่ากันหมด ตัวเรื่องจบลงแบบทิ้งเรื่องราวไว้สานต่อเรื่องการเลี้ยงลูกระดับหนึ่ง ซึ่งก็น่าจะเป็นเนื้อหาตามมังงะในเล่ม 2 ซึ่งไม่น่ามีปัญหาในการทำต่อเพราะตัวซีรีส์ที่ออกมาก็มีความสนุกกับเดินเรื่องได้น่าสนใจพอตัว หรือจะจบลงแค่ซีซั่นเดียวนี้ก็ได้เช่นกันครับ

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!