playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิวซีรีส์เกาหลี Hi Bye Mama! ดราม่าแฟนตาซีที่อิงกับชีวิตจริงทุกลมหายใจ (อัพเดทจบครบสมบูรณ์)

สรุป

เรื่องราวเป็นสูตรสำเร็จดราม่าเศร้าสะเทือนใจให้คนดูอินเสียน้ำตาได้ง่ายๆ มีมุมมองเรื่องของครอบครัวกับมิตรภาพผ่านเรื่องแฟนตาซีแบบเรียลตามชีวิตจริงที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะคนมีครอบครัวน่าจะอินเป็นพิเศษ แต่เรื่องราวก็ไม่ได้เศร้าสะเทือนใจไปหมด มีส่วนของความตลกที่จัดว่าฮาจริงกับความโก๊ะหลุดๆ ของนางเอก พ่วงกับเรื่องราวแฟนตาซีในโลกของผีที่เน้นฮาเป็นหลัก ทั้งสองส่วนดราม่ากับตลกแบ่งเฉลี่ยคละกันไปในแต่ละตอน ทำให้เป็นซีรีส์ที่ดูไปยิ้มไปแล้วก็เรียกน้ำตาเศร้าๆ ไปพร้อมกัน อีกทั้งยังเป็นซีรีส์เกาหลีที่มีเส้นเรื่องชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบไม่ออกทะเล และก็ไม่เขวไปเรื่องอื่น จัดว่าเป็นซีรีส์แนวดราม่าแฟนตาซีที่ใช้ปมของเรื่องเพียงน้อยนิด แต่ผลต่อความรู้สึกซึมลึกกินใจทุกตอน ไปกระทั่งถึงตอนจบที่เรียบง่าย แต่กินใจยาวนาน

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
5 (2 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • มีปมดราม่าหนักหน่วงเรียกน้ำตามาตลอด
  • ฟีลกู๊ดในความรักที่ไม่เคยจางหายไปของตัวละครในเรื่อง
  • ตลกกับความโก๊ะๆ ของนางเอกและก๊วนเพื่อนผี
  • พระเอกจากเครียดๆ ก็กลายมาเป็นสายตลกน่ารักอย่างคาดไม่ถึง
  • สนุกกับการคาดเดาไม่ได้ว่าคนที่เจอนางเอกอีกครั้งมีฟีดแบ็คแบบไหน
  •  คิมแทฮี นางฟ้าวงการซีรีส์เกาหลี ที่เล่นได้อย่างงดงามกินใจสมบทบาทมาก
  • ช่วงเวลาปาฏิหาริย์ของนางเอกที่มี 49 วันเท่านั้น
  • เปิดมุมมองใหม่ๆ กับชีวิตและสังคม
  • เส้นเรื่องชัดไม่เขวออกนอกทางไปจนจบ
  • จบแบบสมบูรณ์เรียบง่ายแต่กินใจ

Cons

  • เรื่องราวเดินหน้าไปช้าๆ เน้นเก็บรายละเอียดอารมณ์ ถ้าคนชอบก็คือชอบ ไม่ชอบก็มองว่าอืดมากพอสมควร
  • โลกของผีกับกฎต่างๆ ยังดูไม่แปลกใหม่จากเรื่องอื่นสักเท่าไหร่
  • เรื่องราวส่วนช่วยผีไปสู่สุคติยังดูธรรมดาทั่วไป
  • ตัดเรื่องหมอผีตัวร้ายที่ออกมาภายหลังง่ายเกินไป

ซีรีส์เกาหลี Original Netflix เรื่องใหม่ Hi Bye Mama! บ๊ายบายแม่จ๋า (คลิกรับชมที่นี่) มื่อผีสาวได้รับโอกาสให้กลับมามีชีวิตอีกครั้งเป็นเวลา 49 วัน เธอจึงกลับมาหาลูกสาวตัวน้อยและสามีที่แต่งงานใหม่แล้ว จนกลายเป็นเรื่องป่วนวุ่นๆ ไปหมดว่าชีวิตต่อไปนี้ของเธอจะเป็นยังไงดี ในเมื่อการกลับมาครั้งนี้ทำความลำบากใจให้คนที่ยังอยู่

 Hi Bye, Mama! (2020) on IMDb
คะแนนเฉลี่ย IMDB

ตัวอย่างซีรีส์ Hi Bye Mama!

หมายเหตุ: รีวิวนี้มีสปอยล์เรื่องราวบางส่วน แต่ไม่ใช่จุดหักเหสำคัญของเรื่อง 

เรื่องราวแนวผีกลับมามีชีวิตใหม่หรือไม่ก็มาวนเวียนอยู่กับครอบครัวคนรักที่มักมีทำออกมาเรื่อยๆ ซึ่งโดยทั่วไปก็มักจะพยายามผสมเรื่องอื่นลงไปตามสูตรอย่างฆาตกรรมตามล่าหาฆาตกร แต่เรื่องนี้มาในแนวคลาสสิคด้วยประเด็นความรักการห่วงหาอาทรของครอบครัวที่ไม่หวือหวา ปูเรื่องละเมียดละไมค่อยเป็นค่อยไป แช่ซีนอารมณ์เหล่านี้นานๆ มากกว่าจะเป็นเน้นหักมุมเรื่องราวแบบทั่วไป

จุดเด่นของเรื่องนี้ที่คนสนใจกันมากเป็นพิเศษคือ ดารานักแสดงสาวชื่อดังที่ห่างหายวงการไปนานถึง 5 ปี คิมแทฮี กลับมารับบท ‘ซายูริ’ คุณแม่ยังสาวที่ต้องมาตายจากลูกไปตั้งแต่แรกเกิด แล้วก็กลายเป็นผีมาวนเวียนดูลูกด้วยความรักแต่จับต้องไม่ได้ ในขณะที่สามี ‘โชควังฮวา’ ศัลยแพทย์หนุ่มหล่อแต่งงานใหม่ไปเรียบร้อยแล้ว และก็ดูจะทำใจลืมภรรยาเก่าได้ แต่เรื่องไม่ได้เรียบๆ แบบนั้นเมื่อเกิดปาฏิหาริย์บางอย่างทำให้ซายูริกลับมามีชีวิตในร่างเดิมอีกครั้ง โดยมีเงื่อนไขว่า 49 วันนี้เธอต้องหาทางกลับไปใช้ชีวิตเหมือนก่อนที่ตายจากลูกกับสามีไปให้ได้

พรจากสวรรค์หรือการลงทัณฑ์กันแน่?

จากการกลับมามีชีวิตนี่เองทำให้เรื่องนี้แตกต่างออกไปจากแนวผีแฟนตาซีเรื่องอื่น ที่ปกติมักจะเป็นผีคอยช่วยเหลือคนรัก เรื่องนี้นางเอกแค่เคยเป็นผี แต่กลับมาอยู่ในร่างคนเรียบร้อยแล้ว มันเหมือนจะแฮปปี้แต่ไม่ใช่ เพราะเธอต้องเจอกับปัญหาการกลับมาแบบเหนือธรรมชาติที่อธิบายได้ลำบาก ซึ่งไม่ว่าใครก็คงรับเรื่องนี้ได้ยากแน่ๆ แม้ว่าจะเป็นคนใกล้ชิดก็ตามที หนังเปิดประเด็นนี้ไว้ในช่วง EP2 จากที่เหมือนเป็นปาฏิหาริย์กลับกลายเป็นคำสาปสวรรค์ลงทัณฑ์ซะมากกว่า เมื่อต้องกลับมาแทรกในชีวิตครอบครัวใหม่ของสามีที่ทำใจแต่งงานใหม่ไปแล้ว การมาของนางเอกในตอนนี้ก็เหมือนผิดที่ผิดทาง ถ้าอยากกลับมามีชีวิตก็ต้องแย่งชีวิตในอดีตของเธอกลับมาให้ได้ ซึ่งไม่ใช่แค่ในครอบครัวของเธอเอง แต่รวมถึงญาติมิตรเพื่อนในสังคมทั้งหมดด้วย นั่นทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มีปมน่าสนใจว่า คนตายไปแล้วถ้ากลับมาได้แบบที่คนเป็นมักอ้อนวอนอยากให้คนที่รักกลับมา มันจะเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ หรือว่าเป็นสิ่งที่ผิดกันแน่? และทุกตอนช่วงท้ายจะมีการแฟลชแบ็คกลับไปให้เห็นช่วงเวลาแห่งในอดีตของนางเอก บิ้วดราม่าสะเทือนใจปิดท้ายกันทุกตอน

รีวิวซีรีส์เกาหลี Hi Bye Mama! บ๊ายบายแม่จ๋า Netflix
มองเห็นคนรักเจ็บปวดแต่ทำอะไรไม่ได้

ซีรีส์มีเรื่องราวดราม่าสูงมาก นอกจากจะหนักหน่วงไปกับชะตากรรมของนางเอกแล้ว คนรอบตัวนางเอกก็ไม่ต่างกัน เรื่องราวโฟกัสไปที่บาดแผลในจิตใจของคนรู้จักใกล้ชิดนางเอกทั้งหมด ทำให้เห็นมุมมองต่างๆ ที่มีทั้งคนที่พยายามลืมหรือซ่อนความเจ็บปวดไว้ในใจ โดยพระเอกที่ดูเหมือนลืมเรื่องราวร้ายๆ ได้แล้ว ด้วยการเริ่มต้นใหม่ในชีวิต แต่งงานใหม่กับผู้หญิงที่ต่างออกไปจากภรรยาคนแรกในทุกๆ ทาง กลับเหมือนเป็นการหาคนที่แตกต่างมากลบเกลื่อนความเจ็บปวดที่ไม่เคยจางหายไป แล้วอาการที่ซ่อนไว้อยู่ก็ส่งผลร้ายทำให้เขากลายเป็นหมอที่ไม่อาจจะปฏิบัติหน้าที่ช่วยชีวิตคนได้อีกต่อไป ซึ่งบทของพระเอกดูแล้วรันทดกว่าตัวของนางเอกที่ตายจากไปเสียอีกในช่วง 2 ตอนแรกก่อนที่จะค่อยๆ เปลี่ยนมามีชีวิตชีวาขึ้นเรื่อยๆ ในภายหลังจากที่นางเอกกลับมาแล้ว

ทุกตัวละครมีเรื่องราวที่เต็มไปด้วยน้ำตา

ทุกตัวละครหลักในเรื่องนี้จะผูกพันกับนางเอกทุกคน ซึ่งนอกจากนางเอกที่เล่นโดย “คิมแทฮี” จะสวมบทบาทร้องไห้ทุกตอนได้อย่างสมจริงและสะเทือนใจ ตัวละครอื่นๆ ไม่มีใครเล่นที่จะมีบทที่ไม่ต้องร้องไห้ออกมา ซึ่งก็ต้องยอมรับว่าทุกคนแทบตีบทแตกสมบทบาทหมด ไม่มีใครเลยที่มีความรู้สึกหลุดไม่สมจริง ไม่เว้นแม้แต่พวกผีในเรื่อง รวมไปถึงครอบครัวของผีที่ยังมีชีวิตอยู่กับความเศร้าเสียใจหรือลึกๆ แล้วเก็บอารมณ์ไว้ก็ตาม จัดว่าเป็นซีรีส์ที่นักแสดงต้องเล่นดราม่าร้องไห้กันทั้งเรื่องจริงๆ

ความสดใสของนักแสดงเด็ก

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าแม้เรื่องนี้จะคัดเลือกนักแสดงเด็กผู้ชายมาแทนที่เด็กผู้หญิงตามบทจริง แต่น้องนักแสดง Seo Woo-Jin ที่อายุจริง 5 ขวบตามบทเหมือนกัน เล่นได้อย่างเป็นธรรมชาติไม่เคอะเขิน มีความเป็นเด็กผู้หญิงน่ารักแบบเต็มร้อย แม้บทจะไม่ได้โฟกัสให้เล่นดราม่าอะไรมากตามวัย แต่ก็มีส่วนสำคัญในหลายๆ ครั้งที่ต้องเล่นบทส่งถึงกันกับแม่ทั้งสองคนไปคนละแบบ แล้วก็ทำได้ดีทั้งคู่ด้วยครับ

Seo-woo-jin

ตลกแฟนตาซีที่เป็นธรรมชาติของตัวละคร

แม้เรื่องจะดูหนักหน่วงมาก แต่เรื่องนี้ไม่ได้หนักหรือเครียดตลอด เพราะโทนของเรื่องเป็นแนวแฟนตาซีกับการถ่ายทำฉากสวยๆ ซึ้งประทับใจในความรักที่ซายูริมีต่อลูก แม้จับต้องตัวลูกไม่ได้ก็ขอแค่ได้พูดคุยข้างเดียวก็พอใจ ซึ่งการแสดงของคิมแทฮีที่มีลูกสาวในวัยเดียวกันก็ทำให้สมจริงยิ่งขึ้นไปอีก (แต่น้องนักแสดงเด็กในบทนี้ตัวจริงเป็นเด็กผู้ชาย) บวกกับตลกเรื่องช่วงชีวิตผีๆ ของเธอ ที่ซายูริมักชอบแหกกฏโลกหลังความตาย ที่มีกฏเกณฑ์ต่างๆ ที่ผีควรพึงกระทำกำกับไว้ แต่โลกของผีในเรื่องนี้ยังไม่ได้แตกต่างอะไรจากเรื่องอื่นมากนักในตอนเริ่ม แต่พอนางเอกกลายเป็นคนแล้วกลับกลายเป็นว่าต้องติดอยู่สองโลกหาทางช่วยเหลือผีที่ติดค้างไม่ไปสูสุขคติเป็นภารกิจย่อย ในระหว่างที่เธอเองก็ต้องพยายามหาทางออกให้ตัวเองว่าจะเอายังไงดีกับชีวิต 49 วันที่เหลือนี้ เรื่องราวจึงได้ฟีลทั้งดราม่าเรียกน้ำตาหนักๆ กับการกลับมาแล้วต้องทำให้คนที่รู้จักลำบากใจ แต่ก็คนดูก็สนุกไปกับการคาดเดาไม่ได้ว่าคนที่เจอนางเอกอีกครั้งมีฟีดแบ็คแบบไหนบ้าง มีฉากนางเอกจินตนาการว่าคนนั้นจะคิดยังไงเป็นจริงเป็นจัง กับอีกฟีลคือตลกแบบจริงจังกับการที่เธอต้องทำอะไรเพี้ยนๆ เพื่อช่วยผีที่มาขอความช่วยเหลือ รวมถึงความโก๊ะหลุดๆ ของนางเอกเองที่พลาดไปทำให้คนรู้จักพบเห็นกับการติดนิสัยเดิมๆ จนทำให้คนรู้จักจับโกหกนางเอกได้ว่าไม่ใช่แค่คนหน้าเหมือนอะไรแบบนั้น (นางเอกโกหกคนที่บังเอิญมาเจอหลายแบบ)

และช่วงหลังจากนางเอกที่กลับมาแล้ว บทของพระเอกก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นสายตลกด้วยอีกคน ทั้งตลกจากเรื่องเครียดๆ ปมปัญหาจิตใจของพระเอกที่สับสนกับการกลับมาของเมียที่ตายไป และคาแรกเตอร์นี้ที่จริงแล้วก็เป็นแนวตลกแบ้วๆ ซื่อๆ มีเสน่ห์อยู่แล้วในตัว ซึ่งพระเอก Lee Kyu-Hyung ก็เล่นได้น่ารักสมบทบาททั้งช่วงดราม่าหนักๆ แล้วก็หักมาเป็นตลกแบ้วๆ เอ๋อๆ ได้อย่างเหมือนคนบ้า นั่นทำให้กลายเป็นเรื่องนี้ถูกวางไว้เป็นซีรีส์ตลกโรแมนติกมากกว่าจะเป็นดราม่าสะเทือนใจตลอดเวลาแบบในช่วง 2 ตอนแรก (แต่ก็มีช่วงดราม่ากลับมาเป็นพักๆ จากการแฟลชแบ็คกลับอดีตทุกตอน)

 Oh Min Jung
บทภรรยาใหม่ของพระเอก Oh Min Jung

ปัญหาครอบครัวพ่วงเรื่องราวแฟนตาซี

เรื่องราวภายหลังนางเอกกลับมาเป็นคนแล้วก็ค่อยๆ เริ่มปูว่าปัญหาจริงๆ คือการกลับไปมีชีวิตแบบเดิม ซึ่งกลายมาเป็นปมรักสามเส้าในแบบแฟนตาซีเหนือจริง ซึ่งพระเอกเองก็ไม่รู้จะทำยังไงกับปัญหานี้ที่ไม่มีเหมือนใครในโลก หนังจึงปล่อยให้เรื่องราวเดินไปด้วยตัวเองอย่างช้าๆ เติมดราม่าไปทีละนิดๆ ค่อยๆ ทำให้เรื่องราวสมเหตุผลจากความแฟนตาซีที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง

ในส่วนของภรรยาใหม่ของพระเอก “มินจอง” ก็จะค่อยๆ เริ่มแฟลชแบ็คกลับมาว่าเธอมาแต่งงานกับพระเอกได้ยังไง ซึ่งเราจะค่อยๆ ได้เห็นว่าไม่ได้เป็นแค่แทรกเข้ามาตอนพระเอกมีปัญหา แต่เธอเคยมีความหลังฝังใจกับพระเอกมาตลอดจากเรื่องบังเอิญที่เหมือนพหรมลิขิตให้มารับหน้าที่เลี้ยงดูลูกของนางเอก และก็ปูปัญหาการเลี้ยงลูกคนอื่น ไม่ได้รักหรือทำหน้าที่ได้ดีแบบแม่แท้ๆ ซึ่งก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจริงที่ซีรีส์นำมาใส่ไว้ และก็กลายเป็นปมให้รู้สึกเปรียบเทียบกับนางเอกที่เป็นแม่จริงๆ แล้วก็ส่งความรักมาถึงลูกสาวตลอดเวลา

เปิดมุมมองใหม่ให้กับชีวิตและสังคมได้อย่างน่าสนใจ

จุดเด่นอีกอย่างเรื่องนี้คือ การเปิดมุมมองใหม่ในแบบแฟนตาซีกับเรื่องราวชีวิตจริงในสังคม อย่างกรณีคนตายไปแล้วในโลกของผีก็ยังมีดราม่าเรื่องไปเกิดใหม่หรือกลายเป็นผีชีวิตอยู่ไปแบบนี้ใกล้ๆ คนที่เรารักดีกว่า หรือเหตุผลของคำว่าผีมีห่วงไม่ไปผุดไปเกิดเพราะอะไร เราจะได้เห็นอีกด้านมุมกลับ  รวมถึงมุมมองของตัวละครอื่นๆ ในเรื่องต่อการกลับมาของนางเอกที่แตกต่างกันไป หรือในมุมอย่างแม่เลี้ยงทำไมต้องโดนติดภาพลักษณ์ว่านิสัยไม่ดีใจร้าย ไม่ใช่แม่จริงๆ ก็ไม่รักลูกเลี้ยงเท่าแม่จริง ซึ่งเกิดจากนิทานแม่เลี้ยงใจร้ายในโลกหลายๆ เรื่องอย่าง สโนว์ไวท์กับคนแคระทั้งเจ็ด เป็นต้น ซึ่งพวกนี้แม้จะเป็นแค่ส่วนประกอบของเรื่อง แต่ก็ทำให้คนดูได้สะดุดฉุกคิดกับมุมมองใหม่ๆ นี้ได้อย่างน่าสนใจ

เรื่องนี้มีบอสตัวร้าย

หนังจากเรื่องเดินทางไปถึง EP10 แบบแนวดราม่าตลกบวกซึ้งๆ มาตลอด ก็เปิดเผยว่าตัวเรื่องมีบอสตัวร้ายกับเขาด้วยเหมือนกัน ซึ่งมาในรูปแบบของหมอผีมาตามล่านางเอกกับลูก พร้อมกับตามล่าส่งเหล่าผีในอนาเขตนี้ไปผุดไปเกิดใหม่ให้หมด ซึ่งก็เป็นเพื่อนๆ ของนางเอกทั้งนั้น แต่เรื่องก็ไม่ได้ไปในทำนองเคร่งเครียดอยู่ดี กลับมาแนวฮาตลกนิดๆ มีลุ้นหน่อยๆ ว่าหมอผีตัวร้ายจะจัดการยังไงกับนางเอก และผองเพื่อนผีที่ยังไงก็ไม่ยอมไปเกิดใหม่สักทีครับ แต่น่าเสียดายที่เรื่องตัดจบส่วนนี้ไปง่ายๆ ในตอน EP สุดท้าย

จุดพลิกกลับสำคัญของเรื่องอยู่ตอน EP14 (มีสปอยล์)

ตัวเรื่องลากยาวมาตลอดเกี่ยวกับการเปิดเผยตัวว่าฟื้นคืนชีพมาโดยที่คนอื่นรอบตัวนางเอกรู้เรื่องมาเรื่อยๆ แต่กับภรรยาคนใหม่ของพระเอกเป็นคนเดียวที่ไม่รู้มาตลอด จนถึง Ep14 ถึงเฉลยความจริง และก็ทำให้เรื่องราวมีปมใหม่ขึ้นมากลายเป็นบทหนักตกอยู่ที่เธอ ซึ่งกลายเป็นว่าเธอพึ่งรู้ตัวว่าเป็นคนนอกที่ถูกคนอื่นปิดบังไว้ตลอด และก็ทำตัวไม่ถูกเมื่อรู้ว่ายูรีคือแม่แท้ๆ ของซออูจริงๆ และตัวนางเอกเองจากที่เรื่องปูมาว่าทำใจได้ตลอด ก็กลับกลายเป็นอยากมีชีวิตต่อไปอีกครั้ง เพราะทนเห็นความเจ็บปวดที่จะเกิดกับคนรอบตัวเธอถ้าเธอหายไปอีกครั้ง ทำให้เรื่องราวช่วงนี้คาดเดาไม่ได้เลยว่าจะหาหนทางออกยังไงกันแน่


Hi Bye Mama! เรื่องราวเป็นสูตรสำเร็จดราม่าเศร้าสะเทือนใจให้คนดูอินเสียน้ำตาได้ง่ายๆ มีมุมมองเรื่องของครอบครัวกับมิตรภาพผ่านเรื่องแฟนตาซีแบบเรียลตามชีวิตจริงที่ควรจะเป็น โดยเฉพาะคนมีครอบครัวน่าจะอินเป็นพิเศษ แต่เรื่องราวก็ไม่ได้เศร้าสะเทือนใจไปหมด มีส่วนของความตลกที่จัดว่าฮาจริงกับความโก๊ะหลุดๆ ของนางเอก พ่วงกับเรื่องราวแฟนตาซีในโลกของผีที่เน้นฮาเป็นหลัก ทั้งสองส่วนดราม่ากับตลกแบ่งเฉลี่ยคละกันไปในแต่ละตอน ทำให้เป็นซีรีส์ที่ดูไปยิ้มไปแล้วก็เรียกน้ำตาเศร้าๆ ไปพร้อมกัน เป็นซีรีส์ที่มีเส้นเรื่องชัดเจนตั้งแต่ต้นจนจบไม่ออกทะเล และก็ไม่เขวไปเรื่องอื่น จัดว่าเป็นซีรีส์แนวดราม่าแฟนตาซีที่ใช้ปมของเรื่องเพียงน้อยนิด แต่ผลต่อความรู้สึกซึมลึกกินใจทุกตอน ไปกระทั่งถึงตอนจบที่เรียบง่าย แต่กินใจยาวนาน

รวมรีวิวซีรีส์เกาหลี Netflix คลิกที่นี่

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!