playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว House Arrest หนังรักกุ๊กกิ๊กของหนุ่ม “ฮิคิโคโมริ อินเดีย” ที่ซ่อนศพไว้ในบ้าน

รีวิว House Arrest หนังรักกุ๊กกิ๊กของหนุ่ม "ฮิคิโคโมริ อินเดีย" ที่ซ่อนศพไว้ในบ้าน

สรุป

หนังแนวทดลองอะไรใหม่ๆ ของ Netflix ช่วงแรกอาจจะไม่ขำแถมอืดๆ ชวนให้ปิดเลิกดู แต่ตอนหลังกลับมาขำ+น่ารักๆ กลายเป็นหนังรักอินดี้ๆ ที่โอเคใช้ได้เลย

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
0 (0 votes)
Comments Rating 0 (0 reviews)

Pros

  • นางเอกสวยแอบเซ็กซี่เล็กๆ ชวนมอง
  • พล็อตแปลกใหม่แตกต่างดี

Cons

  • นี่เป็นหนังอินเดียไม่มีฉากเต้นให้ดู
  • หนังอืดกับมุกแป๊กในช่วงแรกเยอะ

House Arrest ล็อกบ้านขังตัว คลิกรับชมผ่าน Netflix ได้ที่นี่ หนังอินเดียของ Netflix เรื่องราวของหนุ่มฮิคิโคโมริ ซินโดรม หรือโรคขังตัวเองอยู่ในห้อง มาเป็นเวลายาวนาน ก่อนที่เพื่อนซี้จะส่งนักข่าวสาวสวยมาทำข่าวเขาเรื่องนี้ กลายเป็นว่าทั้งคู่ได้มารู้จักกันปิ๊งกัน แต่เรื่องมันไม่ง่ายเมื่อในห้องเขามีศพซ่อนอยู่…

เป็นปกติธรรมดาไปแล้วที่หนังใน Netflix จะเป็นเหมือนงานทดลองทำอะไรใหม่ๆ ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มตัวอย่างนั้นที่ Netflix อินเดียลองสร้างไอเดียหนังรักเล็กๆ ในพื้นที่จำกัดกับการใช้เวลาในเรื่องเพียง 1 วันให้พระเอกนางเอกปิ๊งกันให้ได้ โดยเอาเรื่องราวของคนที่ป่วยเป็นโรค “ฮิคิโคโมริ” ขังตัวเองในห้องมาใช้เป็นเมนหลัก ซึ่งเป็นพล็อตที่เรียกว่าท้าทายแปลกๆ มากเหมือนกันกับการทำหนังรักในที่จำกัดให้คนดูคล้อยตามความรักของทั้งคู่ให้ได้

ด้วยไอเดียเริ่มต้นพิลึกแบบนั้น ตัวหนังเองก็ต้องพิลึกตามไปด้วย หนังจึงใส่เรื่องราวคุณหนูมาเฟียเพื่อนร่วมอพาร์ทเมนท์ที่นำศพใส่ตู้เย็นสีชมพูหวานแหววมาฝากเขาไว้ โดยอ้างว่าไม่มีที่เก็บขอฝากไว้ก่อนไม่งั้นจะฆ่าปิดปากตามไปด้วย ก่อนที่เพื่อนซี้จะแนะนำนักข่าวสาวให้ไปทำข่าวเขามาลงสื่อ ซึ่งเรื่องคนที่เป็น ฮิคิโคโมริในอินเดียหาได้ยากมาก ก่อนจะมาประทับใจกับตัวตนของหนุ่มฮิคิโคโมริอินเดียคนนี้ที่มีชีวิตพิสดารไม่เหมือนใครจริงๆ แต่หารู้ไม่ว่าผู้ชายคนนี้กำลังซ่อนศพทุกวิถีทางไม่ให้เธอเจอในระหว่างทำการสัมภาษณ์ไปพร้อมกัน

หนังนำเสนอสองเรื่องชวนป่วนมาบรรจบกัน ซึ่งดูพล็อตมันก็ฮาได้แน่ๆ แต่อาจจะด้วยความที่หนังทำมาหลุดโลกแบบอินเดียที่คนไทยอาจจะไม่ได้คุ้นเคยนัก ประกอบกับหนังช่วงเริ่มแรกเสียเวลาปูนานอยู่ ทุกมุกที่หนังตบชงมาก็เลยได้แค่ขำนิดๆ แป๊กเยอะกว่า เอาว่าหนัง 90 นาทีดูไปสัก 40 นาทีนี่อาจจะเลิกดูปิดเลยก็ได้ แต่ว่าพอหนังเลยจุดที่วนเวียนเดิมๆ ในช่วงการสัมภาษณ์เริ่มแรกของนางเอก หนังเหมือนได้ไฟกระตุ้นให้ทำอะไรใหม่ๆ คือเริ่มมีอะไรเข้ามาให้น่าสนใจ อย่างความลับของนางเอกกับเพื่อนซี้จอมป่วน หรือการที่ตัวหนังเริ่มเผยสาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมพระเอกถึงต้องขังตัวเองอยู่ในบ้านแบบนี้ ซึ่งพอช่วงหลังหนังเริ่มได้เผยอะไรมากขึ้น รวมกับเรื่องราวเริ่มป่วนมากขึ้นๆ มุกตลกเข้าที่เข้าทางมากขึ้น ก็เป็นอะไรที่ดูเพลินๆ มีลุ้นกุ๊กกิ๊ก แถมด้วยความขำที่มากกว่าตอนแรกมาก รวมถึงนางเอกในเรื่องที่สวยน่ารักแอบเซ็กซี่เล็กๆ ตลอดเรื่อง ก็เป็นตัวช่วยดึงความสนใจให้ดูจนจบได้จริงๆ

ตัวละครสบทบในเรื่องช่วยสร้างสีสันรอยยิ้มและความฮาได้โอเคเลย ไล่ตั้งแต่ยามประจำบ้านพระเอกที่ต้องขอเซ็นต์ชื่อกับทุกคนก่อนเข้าไป เป็นมุกทำซ้ำที่ฮาแบบกวนๆ หน้าตายขำๆ ได้โอเคเลย รวมถึงคุณหนูมาเฟียที่เอาแต่ใจสุดๆ ขัดไรเธอไม่ได้ก็ฮาใช้ได้ รวมถึงบอดี้การ์ดประจำตัวเธอที่นิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไร แต่ได้ซีนพูดตอนจบที่ดี หรือแม้แต่ศพจากตอนแรกไม่ฮาเท่าไหร่ ก่อนที่หนังจะเฉลยความป่วนของศพเพิ่มในตอนหลังที่มีช็อตขำๆ เพี้ยนๆ ได้โอเคเลย ยกเว้นเพื่อนพระเอกที่ดูไม่เหมือนอินเดียแท้ๆ สักเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ได้ให้บทตลกที่เข้ากับเขามากนัก แต่ก็เป็นตัวละครสำคัญหนึ่งที่ทำให้เรื่องราวช่วงหลังมีปมใหม่ๆ เพิ่มในเรื่องที่เล่นอยู่แต่ในห้องเดียวแบบนี้

หนังขึ้นต้นด้วยศพในบ้านและก็จบลงด้วยศพในบ้าน พร้อมกับเรื่องราวอาการฮิคิโคโมริ ซินโดรม ที่เกิดจากจิตใจของพระเอกไม่ยอมก้าวข้ามพ้นอดีต หนังใช้ศพในห้องมาเป็นตัวคลี่คลายปมเหล่านี้ได้อย่างลงตัว คือเริ่มต้นอาจจะงงๆ อืดๆ กับหนังเรื่องนี้ แต่ตอนจบรับรองว่ามีอมยิ้มไปกับความน่ารักของไอเดียบ้าบอนี้แน่นอนไม่มากก็น้อยครับ

 

เนื่องจากหนังจัดว่าเป็นแนวอินดี้ทดลองของ Netflix จึงขอเอาคะแนนจากเว็บ IMDB ที่คนโหวตจำนวนมากมาเทียบเคียงไว้เป็นตัวตัดสินใจด้วยละกันครับ

ตัวอย่างหนัง House Arrest ล็อกบ้านขังตัว

ฮิคิโคโมริ (Hikikomori) เป็นคำอธิบายถึงพฤติกรรมของคนที่ชอบเก็บตัว พยายามแยกตัวเองออกจากสังคม และไม่ชอบพบปะผู้คน รวมถึงอาจไม่พูดคุยกับผู้อื่นเลยเป็นเวลานาน ซึ่งอาจเรียกได้ว่าพยายามทำตัวให้หายไปจากโลกความจริง ที่ผ่านพบผู้ที่มีอาการฮิคิโคโมริได้มากในประเทศญี่ปุ่น เนื่องจากสภาพสังคมและระบบการศึกษาที่ค่อนข้างเคี่ยวเข็ญให้คนในสังคมมีการแข่งขันกันอยู่ตลอดเวลา จึงทำให้คนญี่ปุ่นหลายๆ คนเกิดความกดดันจนต้องการที่จะหลีกหนีออกจากสังคม โดยการเก็บตัวอยู่ในห้อง เพื่อที่ต้องการจะหลุดพ้นจากสภาวะกดดัน

Leave a comment
The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!