playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว I Woke Up a Vampire (Netflix) ซีรีส์แวมไพร์เด็กน้อยที่โลว์คอสต์มากๆ

I Woke Up a Vampire

Summary

สรุปโดยรวมเป็นซีรีส์แนวพลังพิเศษตัวเอกเป็นแวมไพร์ที่ตั้งใจทำมาขายเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเด็กดูจริงๆ แล้วจะชอบไหม เพราะคุณภาพของงานทั้งเนื้อเรื่องที่ซ้ำซาก ขาดไอเดียสร้างสรรค์ งานโปรดักชั่นโดยรวมต่ำมาก ถ้าคุณไม่ใช่เด็กหรือเป็นพ่อแม่ที่ต้องเปิดดูกับลูกก็ผ่านเลยดีกว่าครับ ไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปอย่างแน่นอน

Overall
5/10
5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • ซีรีส์แนวพลังพิเศษตัวเอกเป็นแวมไพร์วัยรุ่น
  • มีพากย์ไทย
  • ตอนละ 20 นาที

Cons

  • เนื้อเรื่องเด็กมากและซ้ำซากมาก
  • งานโปรดักชั่นทุนต่ำมาก
  • นักแสดงเด็กดูไม่มีเสน่ห์

I Woke Up a Vampire ตื่นมาก็เป็นแวมไพร์ ซีรีส์วัยรุ่นแฟนตาซีจาก Netflix แคนาดา เรื่องราวของเด็กสาว 13 ปีที่ตื่นขึ้นมาพร้อมกับมีพลังเหนือธรรมชาติติดตัวหลายอย่าง และพบว่าตัวเองคือ Vampling ลูกครึ่งมนุษย์กับแวมไพร์ โดยมีนักล่าปีศาจที่คอยตามหาเธอ พร้อมกับปัญหาในโรงเรียน ที่เธอต้องการแสดงบนเวทีในละครโรงเรียนให้ได้
I Woke Up a Vampire (2023) on IMDb

 

รีวิว I Woke Up a Vampire  (ไม่สปอยล์)

ซีรีส์เรื่องนี้ฉายในแคนาดาจนจบไปก่อนแล้ว 16 ตอน ซึ่งไม่ได้รับความนิยมนัก ก่อนที่ Netflix  นำมาเผยแพร่ทั่วโลกในตอนนี้ โดยมาแค่ 8 ตอน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ได้มาจาก Comic book แต่เป็นไอเดียของผู้สร้าง ซึ่งเป็นไอเดียที่ซ้ำและไม่สดใหม่ใดๆ เลย แต่แค่ต้องการตลาดเด็กวัยรุ่นอายุน้อยมารับชมเท่านั้น

ซีรีส์เล่าเรื่องตามสูตรวัยรุ่นที่มารู้ว่าตัวเองมีพลังพิเศษแบบไวๆ โดยแต่ละตอนใช้เวลาแค่ 20 นาที ซึ่งแค่ตอนแรกนางเอก Carmie Henley (แสดงโดย Kaileen Angelic Chang) ก็ใช้พลังได้ครบอย่างคล่องแคล่วในทันที ข้อดีคือการข้ามขั้นตอนการฝึกฝนพลังไปเลย นางเอกเก่งแต่แรก แล้วก็พยายามจะนำพลังนี้มาใช้ประโยชน์กับชีวิตตัวเอง และเข้าใจว่าตัวเองเป็นซูเปอร์ฮีโร่ ก่อนที่เพื่อนของเธอที่เป็นแฟนการ์ตูนตัวยงได้บอกว่าเธอมีพลัง ก็ต้องมีตัวร้ายตามหาเธอเช่นกัน โดยเรื่องก็เปิดตัวนักล่าปีศาจหนุ่มน้อยที่ย้ายมาโรงเรียนเดียวกับนางเอกในทันที และก็กลายเป็นเพื่อนกันโดยที่ไม่รู้ว่าทั้งคู่คือศัตรูกัน ซึ่งพล็อตเรื่องแบบนี้มันเฉิ่มมากๆ และก็ไม่ได้ทำให้มันดูลึกขึ้นหรือแปลกใหม่ใดๆ เลย เนื้อเรื่องส่วนนี้ดำเนินไปแบบง่ายๆ เหมาะสำหรับเด็กดูโดยเฉพาะ 

 

ในส่วนเนื้อหาชีวิตวัยรุ่นในโรงเรียน ซีรีส์ก็พยายามจะทำให้เป็นแนววัยรุ่นค้นหาตัวเองผ่านการแสดงละครเวทีโรงเรียน ซึ่งต้องชิงดีชิงเด่นกับเด็กสาวตัวร้ายที่พยายามกลั่นแกล้งเธอ โดยที่นางเอกก็ต้องพยายามหาทางหลบเลี่ยงการใช้พลังพิเศษให้ใครเห็น เพื่อให้ได้รับบทนำในเรื่องนี้ ซึ่งก็เป็นบทแวมไพร์สาวกับนักล่าปีศาจอีก ซึ่งเป็นการเขียนเนื้อเรื่องที่ซ้ำกับส่วนหลักแบบจงใจ โดยที่ไม่ได้มีความพยายามเล่าเรื่องการค้นหาตัวเองให้ดีเป็นพิเศษใดๆ นางเอกก็กลายเป็นคนที่เก่งได้แบบง่ายๆ เช่นเดิม ทำให้เนื้อเรื่องทั้งสองส่วนนี้กลวงสุดๆ ไม่ต่างกันเลย

นอกจากนี้การเพิ่มตัวละครรอบตัวนางเอกให้มีพวกปีศาจตะวันตก อย่างเมดูซ่า มนุษย์หมาป่า ก็เพิ่มมาแบบง่ายๆ เนื้อเรื่องทำเหมือนว่ามีพวกนี้ซุกซ่อนอยู่กับมนุษย์เต็มไปหมดอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ได้นำมันมาเล่าให้มีความพิเศษใดๆ เลย หรือแม้แต่เพื่อนสนิทที่คอยเป็นผู้ช่วยกับบอสตัวร้ายที่ลึกลับก็เป็นบทที่วางไว้แบบง่ายๆ จนเนื้อหากลวงไม่ต่างกันเลย

พวก CGI การใช้พลังพิเศษในเรื่องก็เป็นแบบทุนต่ำมากๆ นางเอกมีพลังหลายอย่างมากมาย แม้แต่การบินเดินทางบนฟ้าไวๆ แบบซูเปอร์แมน แต่ฉากที่ออกมาก็แข็งทื่อ หลายฉากยังออกมาแล้วดูปลอมมากอีกด้วย

 

สรุปโดยรวมเป็นซีรีส์แนวพลังพิเศษตัวเอกเป็นแวมไพร์ที่ตั้งใจทำมาขายเด็กโดยเฉพาะ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าเด็กดูจริงๆ แล้วจะชอบไหม เพราะคุณภาพของงานทั้งเนื้อเรื่องที่ซ้ำซาก ขาดไอเดียสร้างสรรค์ งานโปรดักชั่นโดยรวมต่ำมาก ถ้าคุณไม่ใช่เด็กหรือเป็นพ่อแม่ที่ต้องเปิดดูกับลูกก็ผ่านเลยดีกว่าครับ ไม่คุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปอย่างแน่นอน

 


including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!