playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Indian Police Force SS1 ซีรีส์แอ็กชั่นเล่นใหญ่เรื่องแรกของผู้กำกับ Rohit Shetty จากสิงห์ฮาม

Indian Police Force SS1

Summary

สรุปเป็นซีรีส์อินเดียที่ตอบโจทย์ในฉากแอ็กชั่นเล่นใหญ่ตัวเอกมีฉากเท่ๆ ตามสไตล์ผู้กำกับ Rohit Shetty จากผลงานหนังแอ็กชั่นสุดโม้อย่าง “สิงห์ฮาม” และเป็นซีรีส์เปิดตัวเรื่องแรกของเขาในสตรีมมิ่งที่ออกมาดูดีเลย งานภาพสวยในระดับเกินกว่าการถ่ายทำซีรีส์ปกติ มีมุมดราม่าชีวิตของตัวละครใส่ลงไปค่อนข้างดี แม้ปูความสัมพันธ์ของกลุ่มตัวเอกยังไม่ดีนัก แต่ฝ่ายตัวร้ายทำได้ดีเลยกับมุมการก่อการร้ายของมุสลิมว่ามีที่มาที่ไปยังไง แต่นี่ก็ยังเป็นสไตล์อินเดียมากๆ มีฉากแอ็กชั่นเกินจริงอยู่เสมอ แม้จะลดระดับลงมามากแล้วก็ตามครับ ซึ่งผู้ชมที่ไม่ชินก็คงไม่ชอบพวกฉากสไตล์เน้นเท่ล้วนๆ นี้เช่นกันครับ

Overall
7/10
7/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ฉากแอ็กชั่นเล่นใหญ่มาก
  • ปมดราม่าชีวิตทำให้ตัวร้ายมีมิติดี
  • งานภาพสวยมากพร้อมกับมุมกล้องหลากหลาย
  • งาน CG สวย

Cons

  • ฉากแอ็กชั่นช่วงหลังเบาลงกว่าช่วงแรก
  • ปูความสัมพันธ์ของกลุ่มตัวเอกยังไม่ลึกพอ

Indian Police Force SS1 มือปราบอินเดีย ซีรีส์อินเดีย Amazon Prime 7 ตอนจบ แนวแอ็กชั่นสืบสวนอาชญากรรม เมื่อเกิดเหตุระเบิดทั่วเมืองเดลี โดยกลุ่มมูจาฮีดีนอินเดียและลงมือต่อเนื่องไปทั่วอินเดีย เจ้าหน้าที่ตำรวจกาบีร์ มลิค ผู้มีนิสัยเลือดร้อนและไม่ชอบทำตามขั้นตอนจึงลงมือสืบสวนไล่ตามมือระเบิดด้วยตัวเอง
Indian Police Force (2024) on IMDb

 

รีวิว Indian Police Force SS1 มือปราบอินเดีย

ซีรีส์อินเดียเรื่องนี้โด่งดังมากในต่างประเทศ ตีตลาดในอเมริกากับแคนาดาได้ แม้แต่ในเกาหลีใต้ก็ยังแทรกขึ้นไปถึงอันดับ 3 ได้อีก รอบๆ ไทยก็ดูติดอันดับกันหมด มาเลเซีย เวียดนาม อินโด สิงคโปร โดยเฉพาะอินเดียยอดรับชมตัวอย่างในยูทูปสูงมากถึง 50 ล้านวิว (แต่ไทยไม่ได้มีคนดูจนติดอันดับท็อป 10 ของ Prime เลย ซึ่งผู้เขียนก็แปลกใจพอสมควร) เหตุที่ยอดรับชมสูงมากตีตลาดโลกได้นั่นคงเป็นเพราะว่า เรื่องนี้ได้ฐานผู้ชมมาจากผู้กำกับอินเดียชื่อดัง Rohit Shetty ซึ่งนี่เป็นงานลงสตรีมมิ่งดิจิตอลเรื่องแรกของเขา และเป็นซีรีส์เรื่องแรกที่ทำด้วย ซึ่งใครที่ไม่รู้จักอาจจะถึงบางอ้อเมื่อรู้ว่านี่คือคนสร้างหนัง Singham สิงห์ฮาม มือปราบใจซื่อ หนังอินเดียพระเอกเป็นตำรวจที่เต็มไปฉากแอ็กชั่นโม้แตกและคนชอบเอามาเป็นมีมล้อกันประจำนั่นเอง 

เรื่องนี้ก็ยังมีความโม้นั่นอยู่ แต่ก็ลดลงมาอยู่ในระดับปกติไม่เหนือมนุษย์มาก พระเอกตำรวจในเรื่องคือนิสัยห้าวชอบทำอะไรลัดขั้นตอนนอกกฎ อย่างเปิดมาตอนแรกมีรถที่วางระเบิดไว้แก้ไม่ทัน เข็นไม่ได้ หน่วยกู้ระเบิดมาไม่ทัน พี่แกก็ขับรถอีกคันมาดันชนคันนี้ไปทิ้งในโกดังร้างให้ระเบิดตูมในนั้นเอง ซึ่งเรื่องเดินไปในแนวนี้คือพระเอกมีความมั่นใจในตัวเองเยอะ จนกระทั่งการตัดสินใจลัดขั้นตอนนี้ส่งผลให้เกิดการสูญเสียกับเพื่อนร่วมอาชีพ ทำให้เขาถูกปลดออกจากคดีระเบิดทั่วกรุงเดลีไป และก็ต้องพยายามสืบคดีต่อด้วยตัวเองแบบลับๆ จนกลับมาอยู่หน่วยพิเศษที่มีนางเอกเป็นหัวหน้าและเคร่งกฎมาควบคุมเขา กลายเป็นทีมตำรวจที่มีส่วนผสมแตกต่างเพื่อกู้วิกฤตการก่อการร้ายนี้ที่กำลังลามไปทั่วอินเดีย

ด้วยความที่ลายเซ็นต์ของผู้กำกับชัดเจนว่าต้องเป็นแนวแอ็กชั่นเยอะๆ กับตัวเอกเท่ๆ เสมอ เรื่องจึงเปิดตัวตูมตามด้วยฉากแบบนี้ในตอนแรก ซึ่งเชื่อเลยว่าผู้ชมที่ดูจบตอนแรกต้องพอใจกับงานระดับซีรีส์ที่ลงทุนถ่ายทำใหญ่โต แม้จะใช้ CG ร่วมเยอะ แต่ฉากก็มีความเล่นใหญ่อลังมากกว่าซีรีส์ปกติโดยทั่วไป แม้แต่งานของฝรั่งเองถ้าไม่ใช่ซีรีส์ฟอร์มยักษ์ก็ยังไม่ทำกันขนาดนี้เลยด้วย ซึ่งนี่คือจุดขายของเรื่องที่ผู้ชมหวังไว้และซีรีส์ทำได้ โดยฉากแอ็กชั่นใหญ่จะอยู่ในตอนที่ 1- 3- 4- 7 โดยเป็นฉากแอ็กชั่นต่างกันไปคนละแบบ อย่างตอนที่ 1 คือฉากกู้ระเบิดทั่วเมือง ตอน 3 คือฉากยิงต่อสู้ยาวนาน ตอน 4 เป็นฉากแอ็กชั่นต่อสู้ตัวๆ กับฝูงคนร้ายจำนวนมาก ตอน 7 คือฉากขับรถไล่ล่าไปทั่วเมือง นอกนั้นคือฉากเล็กประปรายที่พอกล้อมแกล้มเรื่องได้เท่านั้น 

แต่ถึงฉากแอ็กชั่นใหญ่เหล่านี้จะดีตอบโจทย์ผู้ชมได้ก็จริง แต่ก็ต้องเตือนว่ามันเหมาะกับผู้ชมที่ชอบและเข้าใจสไตล์หนังอินเดียโม้ๆ หน่อยเท่านั้น เพราะหลายฉากฝ่ายตัวเอกก็โม้เกินไปมากอย่างฉากแอ็กชั่นต่อสู้ตัวกับคนร้ายหลายสิบคน โดยที่ไม่มีใครทำอะไรได้เลยสักนิด นอกจากนั้นยังมีฉากทีมตัวเอกเก๊กหล่อสวยกันตลอด มีฉากสโลวโมชั่นเสริมเข้าไปอีก ซึ่งผู้ชมที่ไม่ได้ชอบสไตล์นี้ก็คงดูแล้วขำ เพราะมันไม่เป็นธรรมชาติมากๆ ตามสไตล์หนังอินเดียนั่นแหละครับ

 

ซีรีส์ยังพยายามใส่เรื่องดราม่าชีวิตของตัวละครลงไปเยอะ โดยเป็นเรื่องราวชีวิตของตัวร้ายที่เป็นพี่น้องมุสลิมที่เติบโตมาจากความแค้นในวัยเด็กกับคนอินเดีย ซึ่งก็คือปัญหาเชื้อชาติศาสนาของอินเดีย โดยมีบังกลาเทศกับอิหร่านเข้ามาเกี่ยวข้องชักใยให้เกิดการก่อการร้ายนี้ขึ้นมา และเขายังพยายามใช้ชีวิตสองด้านกับหญิงสาวที่รักโดยโกหกเธออยู่ตลอด ซึ่งตัวเอกก็เป็นมุสลิมและมีแฟนสาวที่สูญเสียไปในอดีตเช่นกัน นี่จึงเป็นการเล่าเรื่องความแตกต่างของตัวเอกกับตัวร้ายที่นับถือศาสนาเดียวกันและต้องมาไล่ล่ากันเอง ซึ่งซีรีส์แม้ทำให้ตัวร้ายดูชั่วมาก แต่ก็ยังมีมุมที่พอเข้าใจได้ว่าเขาตกเป็นเหยื่อคนที่ชั่วร้ายกว่าและเอาศาสนามาชักจูงเหยื่อได้อย่างไร ซึ่งเรื่องนำเสนอแบบแอบโปรปากันด้ามากพอตัว เพราะช่วยแก้ความเข้าใจผิดที่ชาวโลกมักมองมุสลิมเป็นผู้ก่อการร้ายตรงๆ ด้วยการที่พระเอกสั่งสอนตัวร้ายจากคำในอัลกุรอานและบอกว่าคนอย่างพวกแกทำร้ายมุสลิมดีๆ ทั่วโลก

สิ่งที่สวยและโดดเด่นมากอักอย่างงานภาพของเรื่องที่ถ่ายด้วยกล้องที่ดีมาก ฉากมืดต่างๆ ไม่มีน้อยส์เลยแม้แต่น้อย เรื่องเน้นภาพที่สวยคมปราณีตทุกฉาก มีฉากเล่นกล้องมุมภาพแปลกๆ หลายครั้ง โดยเฉพาะฉากใช้โดรนถ่ายที่มีตลอดเรื่อง และยังมีฉากแนวเต้นของอินเดียใส่มาประกอบสวยๆ ซึ่งโดยปกติซีรีส์สตรีมมิ่งมักไม่ค่อยมีกัน โดยใส่มาเป็นฉากเล่าความรักของพระเอกกับภรรยาที่เสียไป ซึ่งถ่ายออกมาสวยมากๆ แต่เสียตรงเนื้อเรื่องส่วนนี้ไม่ได้นำไปใช้ต่อในเรื่องนัก มีแค่เพื่อให้เข้าใจว่าพระเอกโดดเดี่ยวไม่มีใคร แต่นางเอกในเรื่องก็เป็นผู้หญิงที่ไม่ได้สนใจผู้ชายเหมือนกันอีก ก็เลยไม่มีบทโรแมนกติกใดๆ กับสองคนนี้เลย (ผู้เขียนเข้าใจว่าน่าจะไว้เล่าต่อในซีซั่นต่อไป)  

สรุปเป็นซีรีส์อินเดียที่ตอบโจทย์ในฉากแอ็กชั่นเล่นใหญ่ตัวเอกมีฉากเท่ๆ ตามสไตล์ผู้กำกับ Rohit Shetty จากผลงานหนังแอ็กชั่นสุดโม้อย่าง “สิงห์ฮาม” และเป็นซีรีส์เปิดตัวเรื่องแรกของเขาในสตรีมมิ่งที่ออกมาดูดีเลย งานภาพสวยในระดับเกินกว่าการถ่ายทำซีรีส์ปกติ มีมุมดราม่าชีวิตของตัวละครใส่ลงไปค่อนข้างดี แม้ปูความสัมพันธ์ของกลุ่มตัวเอกยังไม่ดีนัก แต่ฝ่ายตัวร้ายทำได้ดีเลยกับมุมการก่อการร้ายของมุสลิมว่ามีที่มาที่ไปยังไง แต่นี่ก็ยังเป็นสไตล์อินเดียมากๆ มีฉากแอ็กชั่นเกินจริงอยู่เสมอ แม้จะลดระดับลงมามากแล้วก็ตามครับ ซึ่งผู้ชมที่ไม่ชินก็คงไม่ชอบพวกฉากสไตล์เน้นเท่ล้วนๆ นี้เช่นกันครับ

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ Amazon Prime VIDEO เพิ่มคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!