playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว John Wick 4 ภาคจบที่โม้โอเว่อร์เกินขีดกว่าทุกภาค

John Wick 4

Summary

สรุปแล้วภาคนี้คือภาคที่โอเว่อร์ที่สุดในทุกภาคที่เคยมีมา ทั้งความทนทายาดระดับซูเปอร์โซลเยอร์ตกตึก 3 ชั้น โดนรถชนก็ไม่เป็นไรไปต่อได้สบายๆ กับชุดเสื้อสูทกันกระสุนที่แทบจะเหมือนโดนมดกัด รวมกับฉากแอ็กชั่นสดกลางเมืองที่ผู้คนเหมือนเป็นแค่แบ็คกราวด์ประกอบไม่มีใครสนใจว่าใครจะยิงจะฆ่ากันยังไง เหล่าตัวร้ายก็ยังเหมือนกีกี้ดาหน้ามาให้พระเอกยิงกันง่ายๆ ตัวเนื้อเรื่องก็ถูกเล่าด้วยพล็อตง่ายๆ ไม่ได้แตกต่างจากภาคก่อน และไม่ได้มีการล้างบางสภาสูงอย่างที่คิด แต่ผู้ชมที่ดูมาแล้วก็ต้องดูให้จบ เพราะนี่คือภาคสุดท้ายจบเรื่องราวทั้งหมดแล้วของจอห์นวิคครับ (ยกเว้นจะไปต่อกันที่ซีรีส์หรือสปินออฟในตัวละครอื่นต่อไปนะ)

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ฉากแอ็กชั่นโม้โอเวอร์กว่าทุกภาค 
  • ครีเอทฉากแอ็กชั่นได้แปลกตา
  • ภาคจบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว
  • เพิ่มตัวละครใหม่

Cons

  • เส้นเรื่องหลักยังกลวงๆ ไม่มีอะไรให้เล่ามากเหมือนเดิม
  • ความยาวของฉากแอ็กชั่นในภาคนี้เยอะมากจนดูเบื่อๆ บางฉาก
  • พระเอกทนสุดๆ เกินขีดมนุษย์ไปมาก
  • ดอนนี่เยนไม่ค่อยได้ใช้กังฟูเท่าไหร่

John Wick 4 หนังแอ็กชั่นนอนสต็อปที่ภาคนี้น่าจะเป็นภาคสุดท้ายแล้ว เมื่อตัวเรื่องขมวดเข้ากับการต่อสู้กับสภาสูง ด้วยคำโปรยโฆษณาเหมือนภาคที่จะกวาดสภาสูงให้เหี้ยน แต่พอดูจริงๆ กลายเป็นว่าก็ยังไม่ได้ไปถึงจุดนั้น

เนื้อเรื่องสปอยล์จอห์นวิค 3 ภาค

รีวิว John Wick 4 (มีสปอยล์เนื้อเรื่องบางส่วน)

เนื้อเรื่องยังคงง่ายๆ ไม่ต่างอะไรจากภาคก่อนนัก ด้วยการเล่าว่าจอห์นวิคกลับมาฆ่าเอลเดอร์บอสสูงสุดของสภาตั้งแต่เปิดเรื่องแบบง่ายๆ คือตัดฉากมาปุ๊บเจอกันพูดไม่กี่คำยิงทิ้งเลย ซึ่งก็คิดว่าจะทำให้เนื้อเรื่องภาคนี้เป็นการเร่มต้นไล่ล่าสภาสูงที่เหลืออยู่ทั้งหมด 12 คน แต่เนื้อเรื่องกลับถูกจำกัดวงแคบลงมาทันที กลายเป็นว่าสภาสูงส่งตัวแทนผู้มีอำนาจทั้งหมดมาตามล่าจอห์นวิค (เล่นโดย Bill Skarsgård) โดยเริ่มจากการระเบิดโรงแรมของวินสตันที่ทรยศจอห์นวิคในตอนท้ายภาค 3 แล้วก็จ้างเคน นักฆ่าตาบอดที่เล่นโดยดอนนี่เยน มาเป็นคู่ปรับสำคัญตลอดเรื่องในภาคนี้ และก็ตัดการล้างแค้นวินสตันที่ทิ้งท้ายในภาค 3 ออกไปเลยว่าโดนสภาสูงเล่นงานเหมือนกัน ทำให้เนื้อเรื่องก็วนไปเหมือนภาคก่อนอีกคือ จอห์นวิคถูกหมายหัวมีเงินรางวัลสูง จนมีการตามล่าเขาที่ไปกบดานอยู่กับมิตรที่เหลือตามที่ต่างๆ แล้วจอห์นวิคก็พยายามหาทางจัดการตัวแทนสภาที่ส่งมา และก็เป็นบอสใหญ่สุดของภาคนี้ที่จบเรื่องแล้วปิดจบเลยไม่มีต่ออีกแล้วแน่นอนครับ (ยกเว้นจะทำภาคแยกสปินออฟที่มีโครงการทำอยู่อย่างซีรีส์โรงแรมคอนติเนล)

ฉากแอ็กชั่นในภาคนี้มีความแตกต่างจากภาคก่อนหลักๆ คือเล่นกันในที่ใหญ่โตขึ้น เป็นที่สาธารณะทั่วไป อย่างฉากไล่ยิงกันกลางปารีสมีหอคอยไอเฟลเป็นฉากหลัง ซึ่งเป็นฉากที่น่าจะลงทุนที่สุดของเรื่องแล้ว เพราะเริ่มตั้งแต่การขับรถไล่ล่าที่คีนูลงทุนขับเองจริงๆ ในฉากดริฟท์วนรถยิง แล้วก็เป็นฉากยิงต่อสู้เตะต่อยกันกลางถนนที่รถวิ่งกันเต็มไปหมดไม่หยุด มีการโยนคนให้รถชน จอห์นวิคเองก็โดนรถชนหลายครั้งยังเฉยๆ คือฉากในภาคนี้แทบจะตัดความโกลาหลของคนไปเลย เหมือนกับว่าโลกนี้การที่คนยิงไล่ล่ากันกลางเมืองคือเรื่องปกติ ไม่ต้องไปสนใจ ซึ่งผู้สร้างเองกับคนดูก็คงรู้สึกตะหงิดๆ กับความไม่สมเหตุผลที่ว่า แต่ด้วยความที่เรื่องนี้ก็ถูกเล่ามาแบบโอเวอร์มากตั้งแต่แรก ซ้ำยังมีเสื้อสูทกันกระสุนที่แทบจะเหมือนซูเปอร์ฮีโร่อยู่แล้ว เรื่องไม่สมเหตุผลที่ว่าจึงพร้อมถูกลืมๆ ไปได้ ตั้งใจแค่มาดูฉากมันส์ๆ ที่ผู้สร้างบรรจงคิดขึ้นมาเท่านั้น ซึ่งฉากแบบนี้ก็คงมีแต่เรื่องนี้ที่ยอมให้เกิดขึ้นได้นี่แหละครับ

อีกฉากที่โดดเด่นแปลกใหม่ไม่เคยเห็นมาก่อนในเรื่องไหนก็คือ ฉากแอ็กชั่นแบบกึ่งๆ ลองเทคมุมสูง เป็นฉากที่จอห์นวิคโดนนักฆ่าในปารีสไล่ล่าเข้าไปตึกร้าง แล้วจอห์นวิคก็ได้ปืนกระสุนหัวระเบิดที่ยิงแล้วติดไฟ ซึ่งการเปลี่ยนมาให้ใช้ปืนแบบนี้ก็เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นฉากยิงกันจะๆ มากกว่ากระสุนที่เกิดแผลเลือดสาดเล็กๆ แบบปกติ อันนี้คือตูมเบิ้มๆ ใหญ่โต ต่อเนื่อง ซึ่งถือว่าไอเดียฉากนี้มันส์ใช้ได้จริงๆ

ส่วนตัวเคนที่เล่นโดยดอนนี่เยน การเป็นนักฆ่าตาบอดก็เป็นไอเดียที่ไม่ได้ใหม่ แต่ว่าก็ทำให้คาแรกเตอร์นี้มีจุดเด่นมากขึ้นกว่าการเอานักฆ่าตาดีมาเจอกับจอห์นวิค โดยวางให้เคนเป็นเพื่อนคนสำคัญกับจอห์นมาก่อน แต่ต้องรับงานนี้เพื่อความปลอดภัยของลูกสาว ซึ่งบทก็ไม่ได้วางเขาเป็นตัวร้ายเต็มตัว แต่กึ่งๆ ตามล่าแล้วก็ช่วยในบางครั้ง โดยอ้างว่านี่เป็นเป้าหมายของเขาไม่ให้ใครมาฆ่าแทน ฉากแอ็กชั่นที่ออกมาก็เป็นลีลายิงปืนผสมกังฟูกับการใช้ดาบที่ซ่อนในไม้เท้า มีฉากรัวหมัดแบบยิปมันปนมานิดๆ เท่านั้น ซึ่งแอบน่าเสียดายพอสมควร น่าจะมีฉากดวลหมัดกังฟูตัวๆ กับจอห์นวิคแต่กลับไม่มี ดูแล้วใช้งานไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ แต่บทได้ออกเยอะหลายฉาก ส่วนความสมเหตุผลว่าคนตาบอดยิงปืนหลบกระสุนได้ไงเหรอก็ลืมๆ ไปเถอะครับเพราะนี่คือโลกของหนังนักฆ่าที่จะโม้โอเว่อร์อะไรก็ได้แล้ว

ในเรื่องยังมีอีกตัวละครหนึ่งที่ไม่ถูกโปรโมทมาก เป็นนักแกะรอยที่คอยตามหาตัวจอห์นวิคจนเจอเพื่อเอาค่าแกะรอยจากสภาสูง แต่สุดท้ายก็ถูกบังคับให้ตามฆ่าจอห์นวิคไปด้วย โดยตัวละครนี้มาในชื่อ “โนบอดี้” มีหมาตามมาช่วยสู้ด้วยแบบนักฆ่าสาวภาคก่อน ซึ่งก็อาจจะเพราะคนถูกใจตัวละครนักฆ่าร่วมกับหมามาก จึงทำให้ภาคนี้ต้องสร้างเพิ่มขึ้นมา แต่ฉากต่อสู้ของคู่นี้่ไม่ประสานกันแบบภาคก่อน เป็นการเรียกหมาไปกัดเฉยๆ แต่ก็นับว่าเป็นฉากที่คนน่าจะชอบและคอยเชียร์ให้หมากัดเหล่าร้ายและภาวนาไม่ให้เป็นอะไร ซึ่งผู้สร้างก็คงรู้และสร้างฉากมี่หมาเกือบจะโดนยิงทำร้าย แต่ก็รอดไปได้ทุกที ซึ่งเอาจริงๆ หมาบทเด่นมากกว่าตัวโนบอดี้เจ้าของซะอีก ซึ่งก็เข้าใจเพราะเขาเป็นแค่นักแกะรอย ไม่ใช่นักฆ่า ฉากต่อสู้กับจอห์นวิคเลยมีแค่สั้นๆ เท่านั้น

มีตัวละครใหม่แถมมานิดๆ อีกคนก็คือ ลูกสาวเจ้าของโรงแรมคอนติเนลที่ญี่ปุ่น ในนาม อากีระ รับบทโดย Rina Sawayama เป็นตัวละครที่ออกแบบท่วงท่ามาสวยงามแปลกใหม่ ใช้ธนูเจาะเกราะเป็นอาวุธ โดยออกมาสู้ร่วมกับจอห์นวิคช่วงโรงแรมถูกสภาสูงบุกสั้นๆ แต่ก็โดดเด่นเตะตามาก โดยฉากนี้ทหารของสภาสูงจะใส่หน้ากากยักษ์ร่วมกับชุดเกราะแบบญี่ปุ่นสมัยก่อน ซึ่งทั้งหมดกันกระสุนได้เหมือนภาคที่แล้ว การฆ่าจึงต้องเจาะเข้าส่วนรอยต่อของเกราะ ยกเว้นธนูของอากีระที่เจาะเข้าได้เลย โดยไม่ต้องหาเหตุผลมาอธิบายว่าทำไมแรงกกว่ากระสุนปืนได้เหมือนเดิม

สรุปแล้วภาคนี้คือภาคที่โอเว่อร์ที่สุดในทุกภาคที่เคยมีมา ทั้งความทนทายาดระดับซูเปอร์โซลเยอร์กับชุดเสื้อสูทกันกระสุนที่แทบจะเหมือนโดนมดกัด รวมกับฉากแอ็กชั่นสดกลางเมืองที่ผู้คนเหมือนเป็นแค่แบ็คกราวด์ประกอบไม่มีใครสนใจว่าใครจะยิงจะฆ่ากันยังไง เหล่าตัวร้ายก็ยังเหมือนกีกี้ดาหน้ามาให้พระเอกยิงกันง่ายๆ ตัวเนื้อเรื่องก็ถูกเล่าด้วยพล็อตง่ายๆ ไม่ได้แตกต่างจากภาคก่อน และไม่ได้มีการล้างบางสภาสูงอย่างที่คิด แต่ผู้ชมที่ดูมาแล้วก็ต้องดูให้จบ เพราะนี่คือภาคสุดท้ายจบเรื่องราวทั้งหมดแล้วของจอห์นวิคครับ (ยกเว้นจะไปต่อกันที่ซีรีส์หรือสปินออฟในตัวละครอื่นต่อไปนะ)

ปล.เอนด์เครดิตอยู่ท้ายสุดเลยรอนานหน่อย เป็นเนื้อเรื่องทิ้งท้ายของอากีระกับเคน ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องภาคต่อ

 

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!