playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว คิลบกซุน (Kill Boksoon) ตั้งใจก็อปโลกจอห์นวิคแต่ทำได้กิ๊กก๊อกกว่ามาก

คิลบกซุน

Summary

หนังก็อปปี้ไอเดียโลกจอห์นวิคมาแทบทุกอย่าง แม้แต่พล็อตนักฆ่าแหกกฏแล้วต้องโดนตามล่า แค่ใส่ดราม่าแม่ปิดลูกว่าเป็นนักฆ่าเพิ่มเข้ามา แต่เต็มไปด้วยความยืดยาวน่าเบื่อ ไม่ชวนอินอะไรเลย ฉากแอ็กชั่นก็น้อยมากไม่สมกับหน้าหนังที่พยายามขายเหมือนเป็นแนว “แอ็กชั่นนอนสต็อป” และยังจะพยายามทำให้ติดตลกจนเต็มไปด้วยมุกแป๊กทั้งเรื่อง ซึ่งถ้าไม่หวังอะไรไว้เลย คิดว่าแค่มาดูหนังแอ็กชั่นเน้นดราม่าเยอะๆ จากเกาหลีก็คงได้ สำหรับสายเกาหลีเองที่อาจจะไม่ได้เป็นแฟนหนังโรงแนวจอห์นวิคอยู่แล้ว ก็เหมือนได้ดูหนังทำตามกระแสพอดีกับจอห์นวิคฉายโรงที่พอกล้อมแกล้มได้เท่านั้น แต่ถ้าเป็นคนดูแนวนี้มาอยู่แล้วนี่ข้ามเหอะ อย่าเสียเวลากับหนังก็อปปี้ที่ชวนหงุดหงิดสุดๆ เรื่องนี้เลยครับ

 

Overall
5/10
5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • แนวแอ็กชั่นดราม่าเซ็ตติ้งโลกนักฆ่า
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • ตั้งใจก็อปโลกจอห์นวิคแต่ทำได้กิ๊กก๊อกกว่ามาก
  • ติดตลกแบบไม่ตลกเลย
  • ฉากแอ็กชั่นน้อยไม่สมกับแนวนี้
  • ปมดราม่าแม่ลูกที่ธรรมดา

คิลบกซุน (Kill Boksoon) หนัง Netflix แนวแอ็กชั่นจากเกาหลี เรื่องราวของนักฆ่าเบอร์ 1 ของวงการ แต่พอกลับบ้าน เธอคือแม่ของลูกสาววัยรุ่น ที่ต้องพยายามปกปิดและบาลานซ์ชีวิตนี้ให้ได้

Kill Boksoon (2023) on IMDb

รีวิว คิลบกซุน (Kill Boksoon) ไม่มีสปอยล์

หนังแอ็กชั่นเกาหลีที่พยายามอ้างตัวว่าไม่ได้ก็อป คิดเอง ไม่ได้แรงบันดาลใจมาเลย ซึ่งผู้กำกับ Byun Sung-hyun ปฏิเสธเรื่องนี้อย่างแข็งขันจนเป็นข่าว แต่ความจริงก็คือความจริงที่หนีพ้นไม่ได้ เมื่อโครงสร้างโลกในเรื่องแทบจะก็อปจอห์นวิคมาทั้งนั้น เริ่มจากโลกของนักฆ่าที่มีบริษัทผู้คุมกฎ ชื่อ MK มีกฎห้ามรับงานเอง ห้ามฆ่าผู้เยาว์ รวมนักฆ่าทั้งหมดมาทำธุรกิจในกฎเดียวกัน เพื่อให้เป็นองค์กรนักฆ่าที่มีคลาสชั้นหรูดูดีมีระดับแต่งตัวใส่สูทเท่ๆ พร้อมกับตัวละครย่อยๆ ที่ทำหน้าที่ในโลกนักฆ่าอย่างหน่วยเก็บกวาด คนจัดการธุระอื่นๆ ใ้หนักฆ่าบลาๆ มีกระทั่งวิธีการดวลนอกกฏที่เป็นตำนาน เรียกว่าโครงสร้างโลกทุกอย่างในเรื่องยังไงมันก็คือการดัดแปลงจากจอห์นวิคทั้งนั้น 

ถึงแม้ว่าจะมีเรื่องอื่นๆ ที่ตามรอยจอห์นวิคมาไม่น้อย แต่หลายๆ เรื่องก็ไม่ได้พยายามจะเหมือนจอห์นวิคขนาดนี้ อย่างโนบอดี้ บุลเล็ตเทรน ก็มีความเป็นตัวเองสูงกว่ามาก แล้วไม่ใช่แค่ก็อปเรื่องนี้ แต่ยังดึงเอาฉากจำลองการต่อสู้ล่วงหน้าแบบหยุดเวลาไว้แล้วเห็นเป็นฉากๆ จากนักฆ่าโฮมโปร The Equalizer มาอีก ซึ่งก็อปกันสองเรื่องขนาดนี้ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธเสียงแข็งแบบนั้นไปทำไม

แล้วตัวเรื่องก็พยายามจะทำให้แตกต่างด้วยการใส่ดราม่าแม่ที่ปกปิดลูกว่าเป็นนักฆ่า แล้วลูกสาวอยู่ในวัยรุ่นที่มีปัญหาเลี้ยงลูกลำบาก ไม่มีเวลาให้ โดยใส่มาเป็นแนวเสียดสีชีวิตดาร์คคอมเมดี้ พร้อมกับเรื่องราวการทำงานที่มีติดตลกดาร์คๆ แต่มุกตลกในเรื่องนี้มันดูแล้วเฝือมากไม่มีตลกเลยสักฉาก ไม่เหมือนอย่าง โนบอดี้ บุลเล็ตเทรน หรือแม้แต่จอห์นวิคที่ใส่มาเนียนๆ ให้เราแอบขำได้เสมอ

นอกจากนี้คนที่หวังว่าเอาแค่ดูฉากแอ็กชั่นก็ได้ บอกเลยแค่คุณเปิดมาเจอฉากแรกที่พยายามทำให้เป็นแอ็กชั่นตลกๆ กับการดวลกับยากูซ่าก็คงรู้สึกตะหงิดๆ ว่าดูตั้งใจตลกป่วยๆ จากนั้นตัวเรื่องก็ห่างหายไปเกือบชั่วโมงกว่าจะมีโผล่มาอีกที (หนังสองชั่วโมงจบ) โดยที่แอ็กชั่นเซ็ตติ้งท่าทางต่างๆ ไม่ได้มีการครีเอทอะไรให้ว้าวได้เลย เหมือนหนังแอ็กชั่นตีกันธรรมดา แล้วก็เว้นช่วงนานมากกว่าจะมา แม้แต่ฉากสุดท้ายที่คาดว่ายังไงก็น่าจะมันส์หยดปิดท้ายได้บ้างสิน่า ก็กลายเป็นไม่มีอะไรเลย…แทบจะเหมือนหนังที่หมดงบ พร้อมจบลงแบบตั้งใจให้ติดดราม่าหักมุมนิดๆ ไม่ใช่หนังแอ็กชั่นเต็มตัวให้เสพความบันเทิงแบบอิ่มๆ ได้อย่างที่หวังไว้เลยแม้แต่น้อย ซ้ำจะง่วงหาวอยากนอนซะมากกว่าด้วย

การแสดงของตัวละครในเรื่องก็ไม่ได้ดูเป็นแนวนักฆ่าให้สมเหตุผลอะไรเลย ทั้งเรื่องยังติดแอ็กท่าแบบละครติดเว่อร์นิดๆ ให้ดูตลกๆ แม้ตัวนางเอกเองอาจจะดูเล่นดี แต่บทมันก็ไม่ได้ช่วยส่งอารมณ์อะไรให้ได้อย่างที่หวังไว้เลยกับคนดู พาร์ทดราม่าแม่ลูกก็ธรรมดาจืดชืด ซ้ำยังพยายามให้เกาหลีเล่นปัญหา LGTB กับลูกนางเอก คือเชื่อเลยว่าถ้าไม่ใช่ทุนเน็ตฟลิกซ์ก็คงไม่ได้คิดจะหยิบมาเล่นเป็นปม แต่อันนี้เหมือนมีกฎไฟต์บังคับให้ต้องมีก็เลยใส่มา ซึ่งมันดูขัดๆ ไม่ได้ช่วยให้เรื่องดูมีปมหนักอะไรขึ้นสักนิด

โดยรวมถ้าไม่หวังอะไรไว้เลย คิดว่าแค่มาดูหนังแอ็กชั่นเน้นดราม่าเยอะๆ จากเกาหลีก็คงได้ ซึ่งสายเกาหลีเองก็อาจจะไม่ได้เป็นแฟนหนังโรงแนวจอห์นวิคอยู่แล้ว ก็เหมือนได้ดูหนังทำตามกระแสพอดีกับจอห์นวิคฉายโรงที่พอกล้อมแกล้มได้เท่านั้น แต่ถ้าเป็นคนดูแนวนี้มาอยู่แล้วนี่ข้ามเหอะ อย่าเสียเวลากับหนังก็อปปี้โลกจอห์นวิคที่ชวนหงุดหงิดสุดๆ เรื่องนี้เลยครับ

 

ติดตามรีวิวหนัง Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!