playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว KIMI (HBO) งานหนังทริลเลอร์ทุนต่ำเน้นขายนางเอก โซอี้ คราวิทซ์ จาก The Batman (ไม่สปอยล์)

สรุป

เป็นหนังทุนต่ำที่ทำมาลงสตรีมมิ่งแก้ขัดช่วงโควิดที่ทำได้ดีพอประมาณ อาศัยขายชื่อผู้กำกับนางเอกเป็นตัวหลัก ช่วงแรกอาจจะน่าเบื่อหน่อย แต่พอครึ่งหลังช่วงท้ายทำออกมาสนุกใช้ได้เลย แต่ก็เป็นเรื่องราวจบง่ายๆ ไม่ได้มีอะไรแปลกใหม่นัก

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • นางเอก โซอี้ คราวิทซ์ ที่กำลังมีผลงานเรื่องล่าสุดอย่าง The Batman
  • เล่นเรื่องภัยร้ายของเทคโนโลยี
  • เรื่องราวช่วงกักตัวโควิด

Cons

  • ช่วงแรกหมดไปกับกิจวัตรประจำวันของนางเอกยาวนานมาก
  • ใช้ KIMI ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่
  • บททำออกมาง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน

KIMI หนังใหม่ HBO  จากงานสร้างของผู้กำกับ สตีเว่น โซเดอเบิร์ก นำแสดงโดย โซอี้ คราวิทซ์ เล่าเรื่องราวของหญิงสาวที่ทำงานปรับปรุงแก้ไขโปรแกรมรับเสียงสั่งงานจากอุปกรณ์ที่เรียกว่า “คิมิ” (มาจากภาษาญี่ปุ่น キミ แปลว่า เธอ) แต่เธอได้รับฟังเสียงขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวที่ตกอยู่ในอันตราย ก่อนจะตามสืบหาความจริงเบื้องหลังอาชญากรรมที่เกิดขึ้น
 Kimi (2022) on IMDb

ตัวอย่าง

หนังเรื่องนี้ตัวนางเอกคือ โซอี้ คราวิทซ์ ที่กำลังมีผลงานเรื่องล่าสุดอย่าง The Batman โดยเธอรับบท เซลินา ไคล์ หรือแคทวูแมน ด้วยความที่หนังเรื่องนี้เป็นแนวทุนต่ำลงสตรีมมิ่งโดยเฉพาะจึงเน้นขายชื่อของผู้กำกับ สตีเว่น โซเดอเบิร์ก กับเธอที่เป็นตัวเอกของเรื่องราวนี้แบบเล่นคนเดียวออกทุกฉากยาวไปจนจบ โดยบทบาทของเธอคือ “แองเจล่า” สาวโปรแกรมเมอร์ที่ทำงานอยู่ในห้องคนเดียวไม่ยอมออกไปไหน ด้วยความที่เป็นโรคกลัวการออกไปนอกห้องจากเหตุการณ์ในอดีต เธอมีหน้าที่รับผิดชอบแก้ไขปรับปรุงปัญหาการใช้งานของลูกค้าจากอุปกรณ์รับเสียงสั่งงานที่ชื่อ  คิมิ แบบเดียวกับ SIRI หรืออเล็กซ่า แต่ต่างกันตรงที่คิมิใช้การปรับปรุงแก้ไขข้อผิดพลาดของการสั่งงานด้วยคนล้วนๆ ไม่ใช่ AI. ซึ่งเธอก็คือคนที่รับหน้าที่นั้น ซึ่งต้องฟังเสียงที่ส่งมาแก้เป็นเคสๆ ไป แต่เธอก็ได้พบกับเคสหนึ่งที่เป็นเสียงของผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือสั้นๆ เธอจึงส่งปัญหาที่พบให้กับบริษัท แต่แล้วกลับพบว่าบริษัทไม่ตอบสนองต่อปัญหานี้สักเท่าไหร่ นั่นทำให้เธอพยายามสืบหาความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นด้วยตัวเอง จนกลายมาเป็นภัยร้ายย้อนกลับมาหาตัว

ตัวหนังมีความยาว 1 ชั่วโมง 29 นาที (รวมเครดิต) แต่ใช้เวลาในการปูเรื่องราวของตัวนางเอกผ่านชีวิตประจำวันยาวกว่าครึ่งชั่วโมง ซึ่งในช่วงแรกนี้เองที่เป็นปัญหาว่าผู้ชมอาจจะงงๆ ว่าพ้อยท์ของหนังเรื่องนี้คืออะไร เพราะแม้จะใช้คิมิในการสั่งทำนั่นของนางเอก ร่วมกับกิจวัตรการแก้ไขงานเสียงของเธอ แต่หนังก็ไม่ได้สื่ออะไรให้ผู้ชมได้เข้าใจสักเท่าไหร่ว่าทำไมคิมิสำคัญอะไรขนาดนั้น ซึ่งกิจวัตรของเธอในบ้านก็ออกกำลังกาย ส่องหนุ่มตึกตรงข้าม ชวนมามี SEX ด้วยกัน เนื่องจากช่วงเวลาในเรื่องคือโควิด 19 ระบาดมีการกักตัวด้วย ตัวหนังจึงเน้นว่านางเอกเลยไม่ออกไปไหนทั้งสิ้น ทุกอย่างทำผ่านหน้าคอมทั้งหมด แม้แต่ปวดฟันก็ไม่ไปหาหมอ มีปรึกษาจิตแพทย์ถึงอาการไม่กล้าออกจากบ้านนิดหน่อย แต่โดยรวมเราก็เหมือนเป็นแค่ผู้ชมที่มองดูเธอทำกิจวัตรประจำวันไปเรื่อยเปื่อยนานมากจนแอบน่าเบื่ออยู่พอสมควร

หลังตัวเรื่องปูอะไรมากมายให้คนดูพอเข้าใจแบ็คกราวด์ชีวิตของนางเอกแล้วถึงเริ่มเข้าเรื่องสืบสวนคดีที่เกิดขึ้น ซึ่งตัวหนังก็พาให้เธอหลุดออกไปนอกห้องได้สักที ซึ่งหลังจากนี้เองตัวเรื่องถึงเริ่มมีความสนุก เมื่อเธอพยายามหาข้อมูลเพื่อให้ได้มาซึ่งความจริงที่เกิดขึ้น แต่แล้วอะไรๆ ที่เธอไปเกี่ยวข้องติดต่อกลับกลายเป็นอันตรายทั้งหมด ไม่เว้นแม้แต่บริษัทที่เธอทำงานอยู่ด้วยก็มีความผิดปกติน่าสงสัย ตัวหนังเล่นสนุกกับการที่นางเอกต้องออกมาข้างนอกในสภาพจิตใจไม่ปกติ มีการใช้ภาพสั่นๆ เร่งสปีดจนดูหลอนๆ ชวนให้ผู้ชมคิดอีกมุมว่า หรือว่าสิ่งที่เธอเห็นจะเป็นอาการทางจิต? ก่อนที่ช่วงท้ายจะเปิดโอกาสให้ใช้คิมิในการกู้วิกฤติ และก็ดึงเอากิจวัตรในช่วงแรกกลับมาใช้ให้เป็นประโยชน์ ตามมาด้วยฉากบู๊เล็กๆ แต่สะใจพอสมควร ซึ่งแทบทั้งหมดนี้คือตัว โซอี้ คราวิทซ์ แทบจะฉายเดี่ยวออกหมดทุกซีนตั้งแต่ต้นจนจบเลยทีเดียว ซึ่งนางเอาอยู่จริงๆ อีกทั้งความสวยแปลกจากรูปร่างหน้าตา รวมถึงคาแรกเตอร์สาวโปรแกรมเมอร์ผมฟ้าก็ส่งให้ตัวละครนี้โดดเด่นมากด้วย 

ตัวเรื่องพยายามขายประเด็นภัยร้ายจากเทคโนโลยีเป็นหลัก โดยมีเบื้องหลังแรงจูงใจมาจากความเลวร้ายของมนุษย์เองที่ผลักดันให้เกิดสิ่งเลวร้ายนั้นขึ้น ซึ่งก็อาจจะดูน่าสนใจดี แต่เรื่องราวในหนังไม่ได้ลึกหรือมีรายละเอียดพอกับจุดนี้สักเท่าไหร่ ปมในเรื่องถูกเล่าออกสั้นๆ ตอนต้น กับคั่นบางฉากแบบผู้ชมต้องคิดตามปะติดปะต่อเรื่องเอาเอง ซึ่งถ้าดูไม่เข้าใจก็อาจจะงงกับตอนจบไปเลยได้เหมือนกัน และเอาจริงๆ ผมในเรื่องก็ดูเว่อร์เกินไปด้วย เหมาะกับสเกลหนังทุนสูงกกว่านี้ พออยู่ในสเกลทุนต่ำมันเลยออกมาไม่สมเหตุผลสักเท่าไหร่ ถือเป็นจุดกังขาของเรื่องในตอนท้ายมากพอสมควรเลยครับ

สรุป KIMI สนุกและดีไหม

ช่วงแรกน่าเบื่อหน่อยไปสนุกในช่วงหลังกับท้ายๆ โดยรวมถือว่าดีพอกับงานทุนต่ำที่ขายชื่อผู้กำกับกับนางเอกเป็นหลัก

 

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ HBO เรื่องอื่นเพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!