playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Love Like the Falling Petals พล็อตสูตรสำเร็จดราม่าตับพังของญี่ปุ่นที่จำเจมากไปหน่อย (ไม่สปอยล์)

สรุป

หนังรักเศร้ารันทดตามสูตรของญี่ปุ่น ครึ่งแรกใสๆ น่ารักครึ่งหลังตับพัง พระเอกนางเอกน่ารัก มีพล็อตพลิกเรื่องให้เศร้าสะเทือนใจอย่างหนัก ซึ่งถ้าคนยังชอบแนวแบบนี้อยู่ก็ดูได้ เพราะเรื่องก็ตั้งใจลากยาวขยี้อารมณ์กันสุดๆ แต่ถ้าไม่ได้เซนซิทีฟมาก หรือเบื่อกับสูตรสำเร็จแบบนี้ของญี่ปุ่นก็ข้ามผ่านได้เลย

Overall
6/10
6/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • สูตรหนังรักเศร้าตับพังของญี่ปุ่น
  • พระเอกนางเอกมีเสน่ห์น่ารัก
  • ภาพสวยมุมมองดีตามสไตล์ญี่ปุ่น
  • ดนตรีประกอบเพราะ
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • หนังครึ่งหลังลากยาวดราม่ามากเกินไป
  • ครึ่งหลังแทบไม่ได้เห็นนางเอกเลย

Love Like the Falling Petals ใบไม้ผลิที่ไม่มีเธอเป็นซากุระ หนังญี่ปุ่นแนวรักดราม่าของ Netflix ที่สร้างจากนิยายขายดี 6 แสนเล่ม กับเรื่องราวสูตรสำเร็จรักหักมุมเรื่องราวตามสูตรของญี่ปุ่นโดยทั่วไป ความยาว 2 ชั่วโมง 9 นาที มีพากย์ไทย

 Love Like the Falling Petals (2022) on IMDb

ตัวอย่าง

เรื่องย่อ

ฮารุโตะ (รับบทโดย เคนโตะ นากาจิมะ) ชายหนุ่มที่มีความฝันอยากเป็นช่างภาพ และเชื่อว่าตัวเองมีพรสวรรค์ แต่แล้วเขากลับท้อถอยต่อการทำงานในอาชีพนี้จนหยุดพักไป เขาได้มาเจอกับ มิซากิ (รับบทโดย โฮโนกะ มัตสึโมโตะ) ช่างตัดผมมือใหม่ที่ได้ฮารุโตะมาเป็นลูกค้าคนแรก และเขาก็ตกหลุมรักเธอในทันทีจนกลายมาเป็นลูกค้าประจำที่แอบรักเธออยู่ในใจ แต่วันที่เขารวบรวมความกล้าจะชวนเธอออกเดต กลับกลายเป็นว่ามิซากิเกิดพลาดตัดโดนติ่งหูของเขาไป และนั่นก็คือจุดเริ่มต้นของความผูกพันของทั้งคู่ที่มีปลายทางแสนเศร้ารออยู่

รีวิว

นี่เป็นหนังที่สร้างจากนิยาย “Sakura no Yona Boku no Koibito” ของนักเขียน Keisuke Uyama วางขายครั้งแรก 17 กุมภาพันธ์ 2017  โดยสำนักพิมพ์ Shueisha (บ้านเราไม่มีแปลไทย) และได้รับความนิยมอย่างสูงจนมียอดขาย 6 แสนเล่มเป็นตัวการันตี แล้วก็ถูกนำมาสร้างโดยทุน Netflix ได้ผู้กำกับ โยชิฮิโร่ ฟุกะกาว่า ที่มีผลงานดังหน่อยอย่าง Sagrada Reset (เมืองมหัศจรรย์ คนเปลี่ยนเวลา) เป็นหนังรักดราม่าที่มีเรื่องราวเกี่ยวพลังพิเศษ มาในเรื่องนี้ก็ยังเป็นแนวรักดราม่าที่แม้เรื่องราวอาจจะไม่ได้มีอะไรพิเศษ แต่ก็ยังพยายามมีพล็อตที่พลิกเรื่องราวให้ดูพิเศษกว่าหนังรักดราม่าโดยทั่วไปแฝงอยู่เหมือนกัน ซึ่งเนื้อเรื่องจะแบ่งเป็นครึ่งแรกกับครึ่งหลังที่เรียกว่าคนละแนวกันเลย ระหว่างรักใสๆ กับดราม่าเศร้ารันทดตับพัง ซึ่งแทบจะเป็นสูตรสำเร็จของทางญี่ปุ่นที่ขยันทำกันออกมาบ่อยเหลือเกิน

รีวิว Love Like the Falling Petals ใบไม้ผลิที่ไม่มีเธอเป็นซากุระ Netflixหนังเรื่องนี้ยาว 2 ชั่วโมง 9 นาที ใน 40 นาทีแรกตัวเรื่องจะเป็นแนวรักใสๆ ปนตลกขำๆ กับจุดเริ่มต้นของเรื่องที่พิลึกหน่อยเมื่อนางเอกตัดติ่งหูพระเอกจนขาด แล้วก็ต้องกลายมาเป็นความสัมพันธ์ลึกซึ้งจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น ซึ่งตัวพระเอกที่โดนตัดติ่งหูไปเขากลับรู้สึกเหมือนโชคดีที่ทำให้เขาได้ใกล้ชิดไปออกเดตกับเธอได้ เนื้อเรื่องสนุกไปกับการที่ได้เห็นคนเปิ่นๆ น่ารักสองคนมาเจอกัน เพราะตัวพระเอกเองก็กำลังหลงทางในชีวิตอยู่หลังจากออกจากงานในสตูดิโอถ่ายภาพที่เขาใฝ่ฝันอยากเป็นช่างภาพ กลายมาเป็นคนทำงานทั่วไปใช้ชีวิตไปวันๆ ส่วนนางเอกเป็นช่างตัดผมโก๊ะๆ นิสัยร่างเริงอารมณ์ดีที่เอาจริงๆ ใครเห็นก็ต้องรัก ไม่แปลกที่พระเอกจะปิ๊งเธอเข้าในวันแรกที่เจอกันทันที ตัวหนังทำให้เราเอนจอยไปกับการพูดคุย การออกเดทของทั้งคู่ที่มีเรื่องน่ารักๆ ปนตลกขำนิดๆ แล้วก็ช่วยผลักดันไฟในการใช้ชีวิตตามฝันของพระเอกให้กลับมาอีกครั้งด้วย นักแสดงทั้งคู่ก็เล่นได้อย่างน่ารักใสๆ มีเสน่ห์มาก ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นรักแรกของทั้งคู่ได้ดี งานภาพสวย ดนตรีประกอบเพราะ เป็นช่วงที่ดูแล้วสนุกมีความสุข จนแอบอินตามไปกับเรื่องมาก ก่อนที่เรื่องราวจะตั้งใจพลิกหักอารมณ์กันทันทีหลังจากผ่าน 40 นาทีแรกของเรื่องไป

หลังจากนี้ไปมีสปอยล์ปมสำคัญเรื่องราวของนางเอก

หนังตั้งใจตัดอารมณ์ช่วงแรกไปในทันทีเมื่อนางเอกจู่ๆ ก็ป่วยร่างกายทรุดโทรม ซึ่งตัวเรื่องในช่วงแรกมีแอบใบ้ไว้นิดๆ เรื่องผมหงอกของนางเอกที่มีมากกว่าปกติ แต่บทให้นางเอกกลายเป็น “โรคแก่ก่อนวัย”  ซึ่งจริงๆ จะแสดงอาการมาต่อเนื่องอย่างรุนแรงมากกว่าในเรื่อง คือเห็นตั้งๆ แต่เด็กๆ เลย แต่ในเรื่องนี้เอามาปรับใหม่เป็นโรค fast forward syndrome ที่อัตราเร่งแก่ก่อนวัยปุ๊บปั๊บทันทีในเวลาไม่ถึงปี (ตรงนี้เท่าที่ค้นข้อมูลดูไม่พบเจอว่ามีจริง) ตัวเรื่องใช้อาการเร่งของนางเอกตรงนี้มาผูกกับช่วงฤดูใบไม้ผลิที่พระเอกชวนเธอมาดูซากุระในปีต่อๆ มาจากเดทครั้งแรกในความทรงจำ แต่ในปีต่อไปจะไม่มีเธอมาด้วยอีกแล้วตามชื่อเรื่อง แล้วก็ทำให้เรื่องราวกลายเป็นแนวเศร้าหนักหน่วงแบบสุดๆ แบบชนิดที่ว่าจากที่เราเห็นนางเอกน่ารักๆ ในช่วงแรก ในเวลาต่อมาจะแทบไม่ได้เห็นเธออีกเลย แม้ในรูปร่างที่แก่ลงก็เห็นน้อยมาก เพราะจากนี้ไปแทบทั้งเรื่องเธอจะใส่ฮู้ดปิดคลุมหัวกับเสื้อผ้าปิดคลุมทั้งตัวแม้แต่มือเหี่ยวๆ ก็ยังแทบไม่ได้เห็นเลย แถมยังพยายามใช้มุมกล้องบังตัวนางเอกไว้อยู่เรื่อยๆ ด้วย ซึ่งก็เข้าใจว่าตัวผู้กำกับต้องการสื่อถึงตัวละครที่เป็นโรคนี้ว่าไม่อยากพบเจอหรือให้ใครเห็นร่างกายอีกต่อไป และอีกเหตุผลคือตั้งใจให้คนดูรู้สึกอิมแพ็คสะเทือนใจกับการได้เห็นนางเอกในตอนท้ายด้วย ซึ่งตรงนี้ทำให้บทของเธอต้องหักดิบตัดขาดจากพระเอกในทันทีโดยที่โกหกไม่บอกความจริงกับเขาว่าเธอป่วย จนเขาแทบกลายเป็นคนบ้า ความฝันที่เป็นช่างภาพกำลังดำเนินมาดีๆ ก็แทบล่มสลายหมดไฟในการทำงานลง รวมถึงตัวครอบครัวนางเอกที่มีพี่ชายกับพี่สะใภ้กำลังจะแต่งงานกันก็ต้องมาทนทุกข์ไปกับการพยายามรักษาน้องสาวด้วย จนกลายเป็นความร้าวฉานเพิ่มในครอบครัวของเธอมากขึ้นไปอีก

ครึ่งหลังเล่นกับความอึดอัดหนักหน่วงที่ถูกใส่เข้ามาแบบถาโถมต่อเนื่องยาวนานไปจนจบเรื่องเลย เหมือนผู้กำกับมั่นใจมากว่าต้องเอากันขนาดนี้เพื่อบีบให้ผู้ชมอินสะเทือนใจไปกับความทรมานของทั้งพระเอกนางเอก ก็อาจจะได้ผลกับคนที่เซนซิทีฟอะไรพวกนี้ง่ายๆ แต่กับผู้ชมที่ไม่เซนซิทีฟหรือเบื่อกับพล็อตจำเจแบบนี้ มันกลายเป็นว่าตัวเรื่องลากยาวจนเกินไปถึงชั่วโมงกว่าเพื่อพยายามทำให้ผู้ชมสะเทือนใจให้ได้ แล้วก็มีตอนจบตบท้ายเบาๆ พอให้รู้สึกว่าไม่ดาร์คจนเกินไปแค่นั้น แต่มันก็ไม่พอที่จะทำให้รู้สึกดีอะไรขึ้นมามากนัก กลายเป็นอารมณ์ในการดูช่วงหลังค่อนข้างน่าเบื่อผิดกับช่วงแรกจนน่าผิดหวังมาก

สรุป Love Like the Falling Petals สนุกและดีไหม

หนังสนุกแค่ช่วงครึ่งแรก ก่อนจะกลายมาเป็นความน่าเบื่อในช่วงหลังที่ลากยาวนานมากไป อาจจะไม่ดีไม่แย่มาก เหมาะกับคนที่ชอบหนังแนวนี้ของญี่ปุ่นมากกว่า

อ่านรีวิวหนังซีรีส์ญี่ปุ่น Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!