playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Man vs Bee ซีรีส์ที่ชวนหงุดหงิดกับความงี่เง่าเกินเบอร์ของตัวละคร แต่ก็ดู!

Man vs bee

Summary

ซีรีส์เบาสมองที่ดูก็ได้ไม่ดูก็ได้ แต่ส่วนตัวก็เชียร์ให้ดู เพราะมันสั้นๆ แปบๆ จบ แล้วก็เป็นซีรีส์ที่มีความแปลกแตกต่างจากปกติใน Netflix มากมาย ยิ่งแฟนมิสเตอร์บีนนี่ยังไงก็ต้องดู ห้ามพลาดเลย แม้จะรู้สึกหงุดหงิดกับความงี่เง่าเกินเบอร์ของตัวละครอยู่ก็ตาม แต่ก็มีเรื่องราวสาระดีๆ แฝงอยู่ในเรื่องด้วยเช่นกันครับ

Sending
User Review
5 (3 votes)

Pros

  • ผลงานสร้างของ โรแวน แอดคิสัน 
  • ตลกกับเรื่องบ้าบ้อได้ตั้งแต่ต้นจนจบ
  • เรื่องราววนอยู่ในบ้านหลังเดียวแทบไม่ออกไปไหน
  • มีมุกตลกเล่นขี้ชวนแหวะสุดๆ
  • มีเรื่องราวดราม่าที่มาที่ไปผึ้งกับปมสภาพจิตตัวเอกให้ได้เข้าใจ

 

Cons

  • ตัวละครช่วงหลังทำอะไรงี่เง่าเกินกว่าตอนแรกๆ มากจนดูพยายามตลกฝืดๆ
  • มีพากย์ไทย แต่ไม่แนะนำให้ฟังเพราะบทพูดน้อย เสียงพากย์ไม่เข้ากับนักแสดงจริงเท่าไหร่

Man vs Bee ซีรีส์ตลก Netflix ของ โรแวน แอดคิสัน นักแสดงจากมิสเตอร์บีนที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว คราวนี้เป็นผลงานลง Netflix โดยเฉพาะ ที่เขาเป็นโปรดิวเซอร์ ครีเอท แสดงเองทั้งหมด เมื่อคุณพ่อจอมป่วนเทรเวอร์พยายามต่อสู้กับผึ้งเจ้าเล่ห์ พร้อมดูแลคฤหาสน์สุดหรู จนทำให้เกิดความโกลาหลวุ่นวายตามมา

 Man vs. Bee (2022) on IMDb

รีวิว Man vs Bee

รูปแบบเรื่องราวยังมาแบบมิสเตอร์บีนคือเป็นตอนสั้นๆ 9 ตอนจบ ตอนละ 10 นาที มีแค่ตอนแรกที่ยาวหน่อยเกือบ 20 นาทีไว้ปูเรื่องราวบ้านหลังนี้ก่อนว่ามีความเป็นมายังไง กับตัวเอก เทรเวอร์ บิงลีย์ ที่เป็นพ่อที่ไม่เอาไหน ทำงานอะไรก็ไม่รอด แต่มาได้งานเฝ้าบ้านครั้งแรก แล้วบ้านนี้เป็นของคู่ผัวเมียเศรษฐีไฮโซที่ชอบสะสมงานศิลปะ พร้อมมีหมาน่ารัก 1 ตัวกับบ้านที่ควบคุมด้วยระบบอัจฉริยะ ก่อนที่เจ้าผึ้งตัวป่วนจะหลุดเข้ามาและทำให้เรื่องราวยุ่งเหยิงบานปลายกลายเป็นการตามล่าผึ้งที่พลาดไปทำลายบ้านกับงานศิลปะไปเรื่อย จากนิสัยปล่อยผ่านเรื่องเล็กๆ ไม่ได้ของตัวเอกเทรเวอร์

เนื้อเรื่องอาจจะฟังดูงี่เง่าที่ไม่น่าจะมีคนแบบนี้ได้ แต่ก็เพราะนักแสดงมิสเตอร์บีนนี่แหละที่ทำให้บทแบบนี้มีแต่เขาที่เล่นได้โดยผู้ชมเข้าใจและยอมเชื่อตั้งแต่ก่อนดูแล้ว ซึ่งความตลกของเรื่องก็มาแบบเดิมๆ กับนิสัยเฟอะฟะของตัวละครที่ครีเอทมาให้งี่เง่าบรรลัยเกินคน จนหลายคนอาจจะทนหงุดหงิดไม่ไหวไปเลยก็ได้ แต่แรกๆ บทก็พยายามทำให้เราเชื่อและพอถูไถเข้าใจความงี่เง่าของตัวละครได้อยู่ เพราะวิธีการไล่ล่าจัดการผึ้งมันยังพอสมเหตุผล แล้วก็มีเรื่องความบังเอิญผิดพลาดที่เป็นไปได้ให้ฮาแบบเนียนๆ เชื่อได้อยู่ (มีมุตลกสัปดนของตัวละครปนมานิดหน่อย) แต่หลังๆ พอเรื่องเริ่มขยายขอบเขตการทำลายล้างมากขึ้นเรื่อยๆ อันนี้แหละที่หลายๆ อย่างเริ่มไม่เมคเซนส์เกินแม้เราจะเข้าใจว่านี่เป็นซีรีส์ตลกของนักแสดงคนนี้ก็ตาม แต่มันเกินเบอร์มากมาย อย่างการใช้เลื่อยตัดรถหรูเพื่อหาผึ้งตัวเดียวงี้ แล้วเรื่องยังต้องมาแบ่งความสำนึกผิดให้ตัวละครอีกว่ารู้สึกผิดที่ทำลงไป มันเลยดูย้อนแย้งกันอยู่บ้างกับความงี่เง่าเกินเบอร์ แต่รวมๆ ถ้าไม่คิดอะไรก็ปล่อยผ่านดูได้ด้วยความสนุกตั้งแต่ต้นจนจบสบายๆ ครับ

และเรื่องก็ไม่ได้เทบทไปที่ตัวมนุษย์เท่านั้น แต่ผึ้งตัวป่วนก็มีบทไม่น้อย โดยใช้ CG ที่ทำออกมาดี ทำท่าทางมันให้เห็นละเอียดๆ ชัดยันขน จนดูแล้วคิดตามได้เลยว่าผึ้งมันกำลังทำอะไรอยู่ ตัวเรื่องพยายามทำให้คนดูแอบเห็นใจผึ้งที่จริงๆ มันก็แค่ทำตามสัญชาตญาณปกติเท่านั้น แต่กลับโดนมนุษย์จิตไม่ปกติไปไล่ล่ามันต่างหาก ซึ่งฉากไล่ล่าก็มีจุดที่ผึ้งเพลี่ยงพล้ำให้คนดูใจหายว่าเจ้าผึ้งน้อยจะตายหรือไม่ โดยเทรเวอร์กลับดูเป็นตัวร้ายไปทั้งเรื่องแทนทันที 

ถึงเรื่องมันจะงี่เง่าเฟอะฟะแค่ไหน แต่ก็มีสาระดีๆ แทรกอยู่ในเรื่องให้ได้รับรู้เช่นกัน อย่าง การที่ผึ้งตัวร้ายจริงๆ มันก็แค่ทำตามสัญชาตญาณ แล้วยังมีเรื่องราวของผึ้งสันโดษที่ไม่เคยรู้มาก่อนให้ได้เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่อยู่ในรังด้วย อีกทั้งปมครอบครัวที่เขาไม่ได้เป็นผู้ปกครองลูกสาวของพระเอกก็สอดแทรกมานิดๆ ให้เข้าใจว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเป็นบ้าแบบนี้ จริงๆ ตัวเอกเป็นโรคจิตประเภทหนึ่งที่ปล่อยผ่านอะไรบางอย่างไม่ได้ นั่นทำให้ปมที่ใส่มาดูน่าสงสารเห็นใจขึ้นมาทันที 

อีกทั้งตัวเรื่องยังมีจุดหักมุมในตอนจบที่ทำให้เรื่องราวเศร้ากลับๆ มาแฮปปี้ได้ จากตัวเรื่องหลักที่ดูไม่มีอะไร กลายเป็นมีเนื้อหนังจับต้องได้ขึ้นมาทันที ถือว่านี่ไม่ใช่ซีรีส์จบตอนแบบเสียเปล่า แต่มีเรื่องราวจริงๆ ต่อเนื่องกันจนจบได้ดีเลยทีเดียว

 

เป็นซีรีส์เบาสมองที่ดูก็ได้ไม่ดูก็ได้ แต่ส่วนตัวก็เชียร์ให้ดู เพราะมันสั้นๆ แปบๆ จบ แล้วก็เป็นซีรีส์ที่มีความแปลกแตกต่างจากปกติใน Netflix มากมาย ยิ่งแฟนมิสเตอร์บีนนี่ยังไงก็ต้องดู ห้ามพลาดเลยครับ และแนะนำให้ดูซับดีกว่าเพราะทั้งเรื่องแทบไม่พูดอะไรอยู่แล้ว เสียงพากย์ไทยขัดๆ กับเสียงจริงของนักแสดงด้วย

 

 

ปล.ซีรีส์นี้น่าจะได้แรงบันดาลใจจากหนังอินเดีย Eega ของ Rajamouli ที่เป็นแมลงวันตามล้างแค้นคนที่ฆ่าเขา แต่ของโรแวนเป็นผึ้งที่คอยป่วนแทน

 

 

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!