playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว MARE OF EASTTOWN ซีรีส์สืบสวนที่เน้นดราม่าเต็มๆ สืบสวนเป็นของแถม (ไม่มีสปอยล์)

MARE OF EASTTOWN

สรุป

ซีรีส์แนวสืบสวนที่เน้นหนักดราม่าเต็มๆ มากกว่าสืบสวน โดยใช้เคท วินสเลต นางเอกดังมาดึงดูดผู้ชม และเธอก็แสดงในบทแมร์เจ้าของชื่อเรื่องได้ดีมากจนเหมือนเป็นตัวละครนี้จริงๆ ไปเลย ซึ่งบทก็เขียนมาให้เธอโดนดราม่าชีวิตรุมเร้าทุกทาง ในขณะที่ต้องสืบคดีถึงสองคดีไปพร้อมกัน แม้ส่วนของสืบสวนจะน้อย แต่ตัวเรื่องก็ถูกวางไว้เป็นแนวสืบสวนแบบสมจริง เป็นการไขคดีในแบบที่ไม่หวือหวา แต่ดีในตัวของมันเอง และยังจบแบบเคลียร์หมดทุกปมดราม่าและปมสืบสวนทั้งหมดได้อย่างลงตัวมากๆ

Overall
8.5/10
8.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • การแสดงของ เคท วินสเลต ที่สมบทบาทแมร์ได้อย่างยอดเยี่ยมไร้ที่ติ
  • คดีในเมืองเล็กที่ตัวละครทุกตัวรู้จักกันหมด และส่งผลกระทบถึงกันตั้งแต่ต้นจนจบ
  • ปมดราม่ารุมเร้าชีวิตนางเอกทุกด้านออกแนวเรื่อยๆ แต่ลงตัวเข้ากับธีมของเรื่อง
  • เป็นแนวสืบสวนที่ตั้งใจเล่นแนวสมจริงไม่หวือหวา
  • มีสองคดีควบคู่กันในเรื่อง

Cons

  • ดราม่าที่ลากยาวกินเวลามากในเรื่องทุกตอน สำหรับคนที่ตั้งใจจะมาดูแนวสืบสวนระทึกๆ คงต้องมีผิดหวังบ้าง
  • ดราม่าหลายอย่างในเรื่องไม่เกี่ยวกับคดีอาชญากรรมหลักในเรื่องเลยแม้แต่น้อย
  • คนร้ายสำคัญในเรื่องไม่ได้เป็นตัวละครที่มีมาก่อน ทำให้บทที่ผ่านมาดูเป็นการตั้งใจใช้ตัวละครอื่นมาหลอกมากไป

MARE OF EASTTOWN  ซีรีส์แนวสืบสวนของ HBO ที่ได้เคท วินสเลต มาเป็นตัวเอกนักสืบสาวใหญ่ที่ต้องทำคดีฆาตกรรมเด็กสาวในชุมชน โดยที่มีคดีเด็กสาวหายตัวไปเมื่อหนึ่งปีก่อนที่ยังปิดไม่ลง กลายเป็นแรงกดดันหนัก พร้อมกับดราม่าชีวิตส่วนตัวหลายด้านรุมเร้าเธอไปพร้อมกัน
 Mare of Easttown (2021) on IMDb

ตัวอย่าง MARE OF EASTTOWN

ซีรีส์เรื่องนี้ได้คะแนนสูงมากในต่างประเทศ จาก IMDB คือเฉลี่ย 8.6 ซึ่งหลักๆ คือการกลับมาแสดงเต็มตัวของเคต วินสเลต ที่แฟนๆ รอคอยการกลับมาของเธอแบบเต็มๆ เพราะก่อนหน้านี้ที่เธอมักแค่ให้เสียงพากย์กับงานต่างๆ ไม่ได้แสดงเองเป็นหลัก มีแค่เรื่อง Ammonite ของปีก่อนแต่ก็ไม่ได้ดังมาก เพราะเป็นหนังอินดี้เล็กๆ ที่โดนผลกระทบจากโควิดทำให้ไม่ได้ฉายวงกว้างไปด้วย นอกจากนี้โลเกชั่นของเรื่องคือเมืองเล็กๆ ใน รัฐเพนซิลเวเนีย บ้านเกิดของโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐคนล่าสุด ก็เหมือนแรงบวกให้คนติดตามชื่นชมเรื่องนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก

ที่ต้องเกริ่นมาแบบนี้เพราะหลักๆ แล้วผู้เขียนอยากให้เข้าใจว่า คะแนนกับหลายๆ อย่างของเรื่องนี้ค่อนข้างเฟ้อเกินไปมาก เมื่อเทียบกับแนวสืบสวนด้วยกัน เอาแค่ใน HBO เทียบแนวเดียวกันก็ยังรู้สึกแมร์ถูกให้คะแนนบวกเพิ่มเกินจริงไปเยอะ ที่บอกแบบนี้ไม่ใช่แมร์ไม่ดี เพราะผู้เขียนเองก็ยอมรับว่าซีรีส์เรื่องนี้มีหลายส่วนที่ทำออกมาดีมาก แต่ก็ต้องบอกกันตรงๆ ให้เข้าใจกันก่อนว่า สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูและคาดหวังว่า แนวสืบสวนต้องระทึก ตื่นเต้น ลึกลับซับซ้อน อารมณ์พวกนี้ไม่ได้เป็นองค์ประกอบหลักของเรื่องนี้เลย ซึ่งซีรีส์ใน HBO หลักๆ คือแนวสืบสวนที่มีสูตรสำเร็จใช้บริการดาราดังยุคเก่ามาเล่นแทบทุกเรื่อง แล้วก็ต้องมีความโหดของคดีฆาตกรรมกับจุดหักมุมเป็นไฮไลท์สำคัญ แต่กับแมร์ไม่ใช่อารมณ์แบบนั้นเลย มีแค่การได้นักแสดงดังรุ่นเก่าเคทมาเล่น ซึ่งก็เป็นส่วนดีสุดของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้

สิ่งที่แมร์เน้นหนักมากคือ เรื่องราวดราม่าชีวิตต่างๆ ของเธอที่ต้องไปพัวพันกับคนในชุมชนที่อาจจะเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีที่เธอกำลังสืบ ซึ่งแค่ไปแตะเค้นสืบใครก็กลายเป็นการทำร้ายคนรู้จักในชุมชนไปซะทั้งหมด นอกจากนี้ช่วงเวลาที่เกิดคดี เธอก็ยังมีปัญหาทางบ้าน ทั้งความไม่เข้าใจกันกับลูกสาว แม่ก็มีปัญหาไม่ลงรอยกันมาตลอด หลานก็กำพร้าเพราะลูกชายคนโตฆ่าตัวตายโดยการแขวนคอในห้องใต้หลังโดยไม่รู้สาเหตุ ลูกสะใภ้ก็ติดยาทำให้เลี้ยงลูกไม่ได้ แต่ก็ยังพยายามขอสิทธิไปเลี้ยงดูแลเอง ซึ่งแมร์เองก็ไม่ยอมปล่อยหลานคนนี้ไป จนถึงขั้นต้องทำเรื่องผิดกฎหมายเพื่อจัดการลูกสะใภ้ตัวเอง แค่นี้ยังไม่พอ จากการตายของลูกชายทำให้เธอมีปมซึมเศร้าตลอดเวลา จนคบหาใครไม่ได้ แม้จะมีคนใหม่ๆ พยายามเข้ามาในชีวิตของเธอก็ตาม แถมสามีที่พึ่งเลิกกันไปก็เตรียมแต่งงานใหม่กับสาวในเมืองที่อยู่หลังบ้านเธอนี่เอง ต้องเจอหน้าทั้งคู่กันทุกวัน กลายเป็นปมซ้ำให้เธอไม่มีความสุขในชีวิตมากเข้าไปอีก

ต้องบอกเลยว่าตัวเรื่องดราม่าเหล่านี้กินเวลาของเรื่องมากกว่าส่วนของสืบสวนมากมาย ขนาด 70/30 กลายเป็นซีรีส์ดราม่าหลัก สืบสวนคือน้อยนิด และยิ่งฉากไล่ล่าอะไรแบบนี้แทบไม่มีเลย (มีแค่สั้นๆ ช่วงกลางเรื่องนิดนึงเท่านั้น) ตัวซีรีส์เอาเวลาแทบทั้งหมดจมลึกลงไปกับปัญหาดราม่าต่างๆ ที่ส่วนใหญ่ก็แทบไม่เกี่ยวข้องกับคดีเลย มีเพียงความเชื่อมโยงน้อยนิดบางอย่างภายหลังเท่านั้น ซึ่งจุดนี้ถ้าใครคาดหวังการแกะปมตามรอยสืบสวนเข้มๆ ต้องบอกเลยว่าหาแทบไม่ได้ในเรืองนี้ แม้แต่ไคลแม็กซ์ของเรื่องแนวนี้ที่ควรจะมีฉากลุ้นระทึกกับฆาตกร แต่แมร์ก็ไม่ได้เป็นไปตามสูตรสำเร็จแบบนั้นเลย

แต่ก็ต้องอธิบายให้เข้าใจเพิ่มว่า จุดประสงค์หลักที่ซีรีส์เรื่องนี้ใส่ดราม่าเข้ามามากมายเพื่อให้เดินเรื่องไปในธีมสมจริงของแนวสืบสวนในเมืองเล็ก ที่แมร์เป็นประหนึ่งฮีโร่ชุมชนที่คนควาดหวังเสมอ แต่ตัวแมร์เองคือปถุชนคนธรรมที่ไม่ได้คิดว่าตัวเองพิเศษอะไรแบบนั้น ยิ่งดูจากดราม่าชีวิตของเธอก็รู้เลยว่า มีทั้งดำทั้งขาวหรือเทาๆ ปนกันไปหมด แม้ตัวแมร์เองจะเป็นผู้รักษากฎหมาย แต่ก็ไม่ได้ซื่อตรงไปซะทั้งหมด ซึ่งบทของซีรีส์แนวสืบสวนส่วนใหญ่ก็มักจะเขียนบทมาให้มีเรื่องราวเว่อร์ๆ รุนแรง น่าติดตามเกินจริง มีฉากหักมุมเว่อร์ๆ ในการสืบสวน ทำนองคนร้ายซ่อนตัวเองอย่างแยบยล แต่กับเรื่องนี้คือมาในแนวเดียวกับซีรีส์ ทรูดีเทคทีฟของ HBO เองที่ขึ้นหิ้งแนวสืบสวนไปแล้วใน SS1 (แต่ทรูเองก็ยังมีฆาตกรกรต่อเนื่องที่เว่อร์วังกว่าความเป็นจริง) ซึ่งการสืบสวนของแมร์คือเป็นไปตามที่ควรจะเป็นจริงทุกอย่าง เริ่มจากการปะติดปะต่ออะไรเล็กๆ น้อยๆ จากการไล่ถามผู้คน ตรวจสอบข้อสงสัยต่างๆ ไปจนเจอคนร้ายโดยบังเอิญอย่างไม่ตั้งใจ และก็มีจุดที่หักมุมสำคัญอยู่กลางเรื่อง เชื่อมโยงกับดราม่าความรักของเธอที่พึ่งก่อตัวขึ้นมา ซึ่งถ้าใครดูมาถึงจุดนี้ได้ที่ EP5 หลังจากนี้คือช่วงที่ซีรีส์เริ่มเดินเครื่องในแนวสืบสวนที่ดีขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่ได้หวือหวาอะไร แต่เชื่อว่าผู้ชมที่มาถึงจุดนี้จะเริ่มเข้าใจแล้วว่า ความธรรมดาเรียบๆ ของเรื่องนี้คือการเดินเรื่องแบบแนวสืบสวนเรียลๆ สมจริง เพราะตัวเรื่องไม่ได้พยายามเว่อร์อะไรมากไป แต่เล่นเรื่องสืบสวนแบบพอดีๆ ลงตัวเหมาะสมกับธีมของเรื่องที่เป็นคดีฆาตกรรมในเมืองเล็กที่คนรู้จักกันดีหมด

เรื่องนี้ไม่มีฉากโหดหรือแหวะอะไรมากไปกว่านี้แล้ว (มีแค่ฉากนี้ฉากเดียว)

ตัวคดีนี้ในเรื่องนี้แบ่งเป็นสองทาง นั่นคือคดีฆาตกรรมเด็กสาวในตอนจบ EP1 โดยที่ระหว่างนั้นเราจะได้รับรู้ว่าแมร์ไขคดีเด็กสาวหายตัวไปเมื่อปีก่อนไม่ได้ และก็เป็นความกดดันซ้ำสองเพราะคนในเมืองเริ่มไม่เชื่อในการทำงานของตำรวจ ตัวเรื่องจะค่อยๆ สืบคดีฆาตกรรมไปเรื่อยๆ จนมาบรรจบกับคดีเด็กสาวหายตัวไปในเส้นทางหนึ่ง แล้วก็ไปต่อกันกับคดีที่เหลือ พร้อมทั้งการตามปิดข้อสงสัยทั้งหมดตามแบบนักสืบที่ละเอียดรอบคอบของแมร์ โดยมีข้อสังเกตุจากหมอจิตวิทยาที่เธอปรึกษาอยู่ว่า การที่เธอหมกหมุ่นสืบคดีแบบนี้เพื่อให้ลืมความเจ็บปวดจากที่เธอเสียลูกชายไป และใน EP สุดท้ายมีการหักมุมใหญ่สุดของเรื่อง แต่ก็ยังเป็นไปแบบเรียบๆ ไม่ได้หวือหวาอะไรแม้แต่นิดเดียว แต่ก็ให้อารมณ์สอดรับกับดราม่าปัญหาการสืบคดีในชุมชนที่คนรู้จักกันหมดเป็นอย่างดี

กาย เพียซ ในบทนักเขียนที่มาจีบแมร์ ทำเอาจำไม่ได้เลย

ตัวเคท วินสเลตเองในวัย 46 ปีแม้จะมีริ้วรอยบนใบหน้าเพิ่มขึ้นมาก แต่เธอก็ยังเป็นนักแสดงที่สวยดูดี มีเสน่ห์ล้นเหลือแบบดารารุ่นใหญ่ และจุดนี้เองคือความเหมาะเจาะในการรับบทแมร์ ที่ต้องเป็นนักสืบสาวเนื้อหอม มีคนมาจีบมาชอบพอสองคนคือ ริชาร์ด ไรอันนักเขียนหนังสือดังในช่วงสูงวัยและย้ายมาอยู่อาศัยที่เมืองนี้ (เล่นโดย Guy Pearce )กับอีกคนคือนักสืบหนุ่ม เซเบล ที่ถูกส่งมาจากเมืองใหญ่เพื่อช่วยเธอไขคดี และก็กลายมาเป็นคู่หูที่แอบมีใจให้แมร์ (เซเบลเล่นโดย Evan Peters นักแสดงที่เล่นบทคลิกซิลเวอร์ใน X-Men) ซึ่งบทเซเบลเองเรียบๆ แต่มีเสน่ห์มากจากการพยายามทำความเข้าใจแมร์ที่ต่อต้านการเข้ามาของเขาในตอนแรก เพื่อช่วยเธอสืบคดีแบบไม่ต้องการผลงาน แต่ก็แอบชอบแมร์และพยายามจีบนุ่มๆ อยู่ตลอดเวลา แต่แมร์เองกลับอยู่ในช่วงที่ไม่สามารถรักใครได้ แม้จะพยายามเปิดใจให้แล้วก็ตาม ซึ่งเคทแสดงได้อย่างไร้ที่ติ เรียกว่าเธอเป็นทุกอย่างของแมร์โดยสมบูรณ์แบบทำให้คนดูเชื่อสนิทใจ ในบทที่โดนดราม่ารุมเร้าชีวิต แต่ก็ยังต้องพยายามไขคดีในชุมชนเล็กๆ แห่งนี้ให้ได้ ในเรื่องจะไม่ได้เห็นเธอยิ้มเลยจนกระทั่งเรื่องราวทั้งหมดคลี่คลายลง ซึ่งคนดูเองถ้าอินกับชีวิตของแมร์ก็จะชอบเรื่องนี้มากๆ เหมือนเป็นคนเอาใจช่วยให้เธอพบกับความสุขสมหวัง ซึ่งเรื่องราวดราม่าทั้งหมดที่ปูมาจะถูกคลี่คลายลงทั้งหมดอย่างสวยงาม แม้จะไม่ใช่แฮปปี้ทั้งหมด แต่คนดูเองก็ต้องรู้สึกว่าตัวเรื่องจบได้แบบอิ่มเอมลงตัวมากจริงๆ ซึ่งนี่เป็นจุดแข็งของเรื่องนี้เลยก็ว่าได้

เซเบล

MARE OF EASTTOWN ซีรีส์มีทั้งหมด 7 ตอน และเป็นลิมิเต็ดซีรีส์จบเลย แนะนำว่าถ้าใครรับแนวดราม่ามากมายได้ ก็สามารถดูเรื่องนี้ได้สนุก และชื่นชอบแน่ๆ แต่ถ้ามองหาแนวสืบสวนลุ้นระทึกทุกตอน ก็ต้องข้ามไปเลยดีกว่าครับ (แต่จริงๆ ก็แนะนำให้ลองดูสักสองตอนก่อน ถ้าโอเคก็น่าจะดูที่เหลือได้หมดครับ)

อ่านรีวิวซีรีส์ HBO เรื่องอื่นเพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!