playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Moon Knight ซูเปอร์ฮีโร่จากมาร์เวลที่โดดเด่นด้วยตัวเองอย่างแท้จริง!

สรุป

ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลแบบสแตนด์อโลนเรื่องแรกเลยที่ไม่ใช้ความเชื่อมโยงของเรื่องไหนมาช่วย นับว่ามาร์เวลทำสำเร็จกับการสร้างซีรีส์ที่โดดเด่นเป็นเอกเทศของตัวเองได้อย่างน่าจดจำจากตัวเอกโรคหลายบุคลิก ซึ่งเรื่องก็ใช้จุดขายตรงนี้ให้น้ำหนักลงลึกสำรวจจิตใจตัวละครความเป็นมนุษย์ออกมาในหลายๆ มิติ เน้นการแสดงของทั้งตัวเอกตัวร้ายในร่างความเป็นมนุษย์ที่ยึดติดกับอุดมการณ์สีเทาๆ  มากกว่าฉากแอ็กชั่นเว่อร์วังของมาร์เวล ซึ่งถ้าคนชอบแนวทางนี้ก็ถูกใจเลยแแต่ถ้าใครชอบสายเอนเตอร์เทรนฉากบู๊ตามสูตรก็อาจจะไม่โดนใจมากนัก แต่เรื่องก็ไม่ได้มีจุดด้อยตรงไหนให้น่าตำหนิ ยกเว้นพวก CG ที่ไม่เนี๊ยบนักในระดับสเกลซีรีส์ ที่คนดูหนังโรงมาร์เวลมาอาจจะคาดหวังมาตรฐานไว้สูงลิบครับ

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
4.5 (2 votes)

Pros

  • ตัวเอกเป็นโรคหลายบุคลิกภาพที่ตัวตนแฝงจากเทพอียิปต์
  • ซีรีส์ซูเปอร์ฮีโร่มาร์เวลแบบสแตนด์อโลน
  • ปมอุดมการณ์ตัวร้ายดูสีเทาๆ น่าสนใจ
  • เลิฟไลน์ของเรื่องดูโรแมนติกเบาๆ น่ารัก
  • ฉากแอ็กชั่นแนวผจญภัยหาของอียิปต์โบราณ
  • มีพากย์ไทย

 

Cons

  • CG ไม่เนี๊ยบมาก
  • บางช่วงบทดูอ่อนไม่เมคเซนส์
  • ฉากสู้กับบอสตอนท้ายตัดจบง่ายไป

 

Moon Knight  Disney+ Hotstar มินิซีรีส์ 6 ตอนจบเรื่องราวซูเปอร์ฮีโร่จากอียิปต์ที่โดดเด่นด้วยตัวเองแบบสแตนด์อโลน ผ่านเรื่องราวตัวเอกหลายบุคลิกแบบที่ไม่เคยมีซูเปอร์ฮีโร่เรื่องไหนทำมาก่อน

 Moon Knight (2022) on IMDb

ตัวอย่าง Moon Knight

มีสปอยล์เนื้อหาบางจุด แต่ไม่ใช่ส่วนสำคัญร้ายแรง

เรื่องย่อ

ซีรีส์มาร์เวลที่เป็นเอกเทศแยกออกมาจากเรื่องอื่น โดยไม่ต้องติดตามเรื่องไหนในมาร์เวลมาก่อน เล่าเรื่องราวของ สตีเว่น แกรนท์ (นำแสดงโดยออสการ์ ไอแซค) ชายหนุ่มผู้เป็นโรคหลายบุคลิก ในเวลาปกติเขาคือคนขายของที่ระลึกในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์อียิปต์ แต่อีกร่างหนึ่งเขาเป็นทหารรับจ้างที่มีชื่อว่า มาร์ค สเปคเตอร์ และมาร์คยังเป็นร่างอวตารของเทพคอนซู เทพเจ้าอียิปต์เก่าแก่ที่คอยลงทัณฑ์ผู้กระทำความผิดชั่วช้าสามานย์ให้ถึงแก่ความตาย โดยมีเป้าหมายหยุดยั้งเทพอัมมิตที่ตัดสินโทษแตกต่างจากคอนซู  โดยที่สตีเว่นไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนว่าตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นเช่นนี้

รีวิว Moon Knight

ตัวซีรีส์เรื่องนี้แตกต่างจากซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นของมาร์เวลค่อนข้างมาก อย่างที่เห็นชัดเลยคือการสำรวจเจาะลึกแบบเข้มข้นกับตัวเอกของเรื่องมากกว่าเรื่องไหนๆ ซึ่งผู้กำกับ Doug Moench เองก็เคยมีผลงานก่อนนี้เป็นอนิเมชั่น Harley Quinn ของค่าย DC มาก่อน ซึ่งก็เหมือนงานลองเชิงก่อนมาเป็นซีรีส์คนแสดงจริงเรื่องนี้ ซึ่งเป็นการสำรวจจริงจังลงลึกไปยังก้นบึ้งตัวละครนี้ที่เป็นโรคหลายบุคลิกโดยตรง โดยยังไม่ต้องเอาเรื่องของความเป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่ได้พลังจากเทพอียิปต์มาเกี่ยวเลยก็ได้ ความน่าสนใจของตัวพระเอกในยามเป็นมนุษย์ที่มีหลายร่าง สตีเว่นผู้ใสๆ ซื่อบริสุทธิ์จริงใจกับทุกอย่างกับมาร์คที่เป็นทหารรับจ้างฆ่าคนมานับไม่ถ้วน แถมยังทำงานรับใช้คอนซูฆ่าคนที่ตัวเองก็ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องด้วยอีก นอกจากนั้นยังมีร่างอื่นที่จะเปิดเผยตามมาอีก ซึ่งก็ยิ่งโหดกว่า นองเลือดกว่า ตั้งแต่ EP แรก มูนไนท์ก็ถ่ายทอดตรงนี้ออกมาให้คนดูได้รู้แล้วว่าเรื่องนี้ไม่ใช่ธีมบันเทิงล้วนๆ แบบที่มาร์เวลเรื่องอื่นเป็น แต่ก็ไม่ใช่ว่าเรื่องราวจะเครียดมาก เรื่องสามารถผ่อนหนักเบาลงได้ตามจังหวะลงตัวมาก และความน่าสนใจจากการเป็นบุคลิกซ้อนในเรื่องที่ไอแซคแสดงก็มีเสน่ห์ดึงดูดให้คนดูสนใจเรื่องราวความแตกต่างของ 2 ตัวละครนี้ในคนเดียวกันได้มากกว่าเนื้อหาส่วนอื่นๆ ซึ่งผู้ชมจะได้ค่อยๆ รู้จักทั้ง 2 ตัวตนลึกลงเรื่อยๆ แล้วค่อย หลงรักตัวละครนี้ไปอย่างไม่รู้ตัวได้เลย

ในขณะเดียวกันร่างมูนไนท์ที่เป็นซูเปอร์ฮีโร่ก็ไม่ได้ออกมาในแนวช่วยเหลือผู้คน แต่เป็นการตามล่าล้างปิดบัญชีโหดกับฝ่ายของตัวร้ายที่มีเป้าหมายปลุกเทพอัมมิตขึ้นมา กึ่งๆ เป็นแอนตี้ฮีโร่ก็ว่าได้ โดยมีชุดรบสีขาวที่ได้จากเทพมาใช้ทั้งในร่างของมาร์คกับสตีเว่นแยกขาดจากกันทั้งความสามารถพิเศษที่ชุดมูนไนท์ของมาร์คจะครบเครื่องกว่าสตีเว่น ที่ออกแนวต๊องๆ ตลกๆ แต่ก็มีความสามารถจริงจังในระดับหนึ่ง ด้วยความที่เป็นซีรีส์ทุนจึงไม่ได้สูงมากแบบหนัง ในส่วนนี้จึงไม่ได้ถูกใส่มาแบบแอ็กชั่นเว่อร์วังอะไรมาก แต่ก็มีฉากให้เราได้ลุ้นสนุกไปกับการใช้ร่างนี้ทุกตอนอยู่ เป็นแนวต่อกรกับลูกกระจ็อกมอนสเตอร์อียิปต์กับแนวผจญภัยหาสุสานแบบอินเดียน่าโจนส์  ซึ่ง CG ก็ไม่ได้เนียนกริ๊บอะไรมาก แต่ก็ไม่ได้ถึงกับเห็นชัดแล้วเสียอารมณ์อะไร ถ้าเป็นคนดูซีรีส์มาจะเข้าใจระดับ CG ของซีรีส์อยู่แล้ว แต่สำหรับคนที่ติดดูหนังโรงมาก็อาจจะรู้สึกว่า CG เรื่องนี้ไม่ดีพอ ซึ่งก็ไม่ผิดแล้วแต่มุมมองความคาดหวังส่วนตัวครับ

นอกจากนี้แล้วตัวละครอื่นอย่าง เลย์ล่าในบทบาทนางเอก (รับบทโดย May Calamawy) ก็มีความสำคัญกับเรื่องไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน มูนไลท์นำเสนอเรื่องราวความรักของคนเป็นโรคหลายบุคลิกออกมาได้โรแมนติกแบบไม่ต้องเน้นฉากเลิฟซีนหวานชื่นอะไร เลย์ล่าผู้แต่งงานกับมาร์ค ล่วงรู้ความลับเรื่องมูนไนท์ของมาร์ค และทิ้งเธอไปอย่างไม่มีเหตุผล จนมาพบกับสตีเว่นที่บุคลิกทุกอย่างตรงข้ามกับสามีเธอหมด เรื่องราวนำเสนอความโรแมนติกแบบเบาๆ ให้คนคาดเดากันเองว่าเธอมีใจให้กับใครกว่ากัน และตัวละครนี้ยังมีเซอร์ไพรซ์ปิดท้ายในตอน 6 ที่ว้าวกว่าตัวมูนไนท์ที่มีบทบาทมาทั้งเรื่องเลยทีเดียว

ในส่วนตัวร้ายของเรื่องได้พระเอกรุ่นเก๋าอย่างอีธานฮอว์คมาเล่นในบท แฮร์โรว์ อวตารของอัมมิตเทพคู่อริคอนซู บทบาทนี้เป็นตัวร้ายมาร์เวลในแบบเจ้าลัทธิที่บงการชี้นำคนด้วยอุดมการณ์สีเทาๆ ของตัวเอง โดยใช้แนวทางของเทพอัมมิตที่ตัดสินคนจากการหยั่งรู้ว่ามีความผิดในชีวิตทั้งในอดีต ปัจจุบัน อนาคต เข้ามาเกี่ยว ซึ่งเป็นตัวร้ายที่ดูมีมิติแตกต่างออกไปอย่างน่าสนใจ ซึ่งคนดูส่วนหนึ่งก็อาจจะรู้สึกเข้าข้างอุดมการณ์ของเขาไปเลยก็ได้ แม้ในเรื่องจะแสดงให้เห็นว่ามันไม่ถูกต้อง แอบสะท้อนสังคมโซเชียลในปัจจุบันที่คนเป็นศาลเตี้ยโซเชียล พิพากษาคนจากการรับรู้เรื่องราวด้านเดียว โดยไม่ต้องการรอให้เรื่องนี้กระจ่างในชั้นศาลในแบบเดียวกัน ต่างกับมูนไนท์ที่รอให้ความผิดกระจ่างค่อยเป็นศาลเตี้ยตัดสิน ซึ่งจริงๆ นี่ก็ผิดอีกแบบเช่นกัน เรื่องนี้จึงเป็นการปะทะกันของความเชื่ออุดมการณ์ส่วนตัวของเทพทั้งสององค์ ซึ่งตัวอีธานเองก็สวมบทบาทตัวร้ายนี้ได้อย่างมีคลาส เขาดูสูงส่งแบบชั่วร้ายไปพร้อมกัน และนอกจากนี้ยังมีอีกบทบาทในตอนหลังเป็นตัวตนที่ต่างออกไปจากปกติ ซึ่งอีธานก็เล่นบทบาทนั้นโดยยังเชื่อมโยงกับบทเจ้าลัทธินี้ได้อย่างเนียนๆ

จุดด้อยของเรื่องนี้นอกจาก CG ที่ไม่ได้เนี๊ยบอย่างที่บอกไป โดยรวมก็ไม่ถึงกับมีตำหนิอะไรมาก  เรื่องดูเพลินๆ แต่ด้วยความที่เรื่องไม่ได้เน้นแอ็กชั่นแต่ไปทางดราม่าจิตใจตัวละคร เรื่องราวก็อาจจะดูเรื่อยๆ ไปบ้างไม่ถึงกับสนุกกับฉากแอ็กชั่นสุดๆ ในแนวซูเปอร์ฮีโร่ ตอนจบก็รวบรัดตัดจบง่ายๆ แอบรู้สึกเหมือนงบไม่พอสร้างฉากตูมตามมากไปกว่านี้ บางจุดก็อาจจะมีอะไรแปลกๆ อย่างตอนหลังที่นางเอกสวมผ้าคลุมปิดครึ่งหน้าเดินติดตามตัวร้ายไปทุกที่แบบจำกันไม่ได้ พวกนี้อาจจะดูบทอ่อนง่ายๆ แต่ถ้าไม่ได้คิดอะไรมากก็หยวนๆ มองข้ามได้ครับ

เรื่องนี้ถูกวางไว้เป็นมินิซีรีส์ 6 ตอนจบในตอนแรก แต่ในตอนท้ายของเอนด์เครดิตก็มีเรื่องราวที่ทิ้งค้างไว้ทำต่อ ซึ่งก็ต้องรอมาร์เวลยืนยันว่าจะไปต่อในรูปแบบไหนต่อไป หนังโรงหรือซีรีส์ซีซั่น 2 ครับ แต่ที่แน่ๆ คือนี่เป็นซีรีส์ที่ใครที่โหยหาเรื่องแนวเอกเทศแบบที่มาร์เวลไม่ยอมทำออกมาเพราะขายความเชื่อมโยงมาตลอดสิบปี ถือได้ว่ามาร์เวลทำได้ถึงในตัวเองเลยโดยไม่ต้องพึ่งบุญเก่า และก็อยากให้มีเรื่องสแตนด์อโลนเล่าเรื่องราวเดี่ยวแบบเข้มๆ แบบนี้เพิ่มมาอีกครับ

ติดตามอ่านรีวิวเรื่องอื่นในดิสนีย์+ ได้ที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!