playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว กาลครั้งหนึ่งกับคดีปริศนา (Once Upon a Crime) Netflix สนุกซับซ้อนกับคดีฆาตกรรมในโลกเทพนิยาย!

กาลครั้งหนึ่งกับคดีปริศนา

Summary

นี่คือผลงานที่สร้างจากนิยายที่ดีอยู่แล้วมาเป็นภาพยนตร์ Original Netflix ได้อย่างลงตัวในสไตล์งานบันเทิงญี่ปุ่น นำเทพนิยายมาดัดแปลงให้เป็นคดีฆาตกรรมได้อย่างลงตัวไปกับเรื่องราวเดิม และพลิกผันแนวทางเรื่องใหม่แทรกลงไปได้อย่างทันยุคสมัย เต็มไปด้วยมุกตลกเสียดสีที่แพรวพราว แม้จะจบด้วยรูปแบบสูตรสำเร็จมากไปหน่อยก็ตาม

 

Overall
7.5/10
7.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • ดัดแปลงเทพนิยายให้กลายมาเป็นคดีฆาตกรรม
  • สร้างจากนิยายชื่อดังของญี่ปุ่น
  • ตลกเสียดสีรูปแบบเทพนิยายยุคเก่า
  • คดีทำออกมาได้ซับซ้อนน่าติดตาม
  • นักแสดงญี่ปุ่นกลมกลืนไปบทบาทตะวันตกได้ดี
  • มีพากย์ไทย

 

Cons

  • มีฉากน้อยมาก
  • ตอนจบยังใช้สูตรสำเร็จทั่วไป

กาลครั้งหนึ่งกับคดีปริศนา (Once Upon a Crime) ภาพยนตร์ Original Netflix ญี่ปุ่นจาก Netflix ติดตามเรื่องราวของหนูน้อยหมวกแดงที่กลายมาเป็นนักสืบไขคดีลับลวงพรางในโลกเทพนิยาย
Once Upon a Crime (2023) on IMDb

 

รีวิว กาลครั้งหนึ่งกับคดีปริศนา (Once Upon a Crime) (ไม่มีสปอยล์)


หนูน้อยหมวกแดง (คันนะ ฮาชิโมโตะ) ออกเดินทางจนบังเอิญได้พบกับซินเดอเรลลาสุดกระเซิง (ยูโกะ อารากิ) หลังจากที่แม่มดเนรมิตเสื้อผ้าของทั้งคู่ให้กลายเป็นเดรสแสนสวย ทั้งคู่ก็เดินทางไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเต้นรำ ระหว่างทาง รถฟักทองดันขับไปชนชายคนหนึ่งจนตาย นี่คือจุดเริ่มต้นของคดีฆาตกรรมปริศนาในโลกเทพนิยายสวยงามสุดเพ้อฝัน

นี่คืองานสร้างจากหนังสือลึกลับสุดคลาสสิกของผู้เขียน Aito Aoyagi (อาโอยากิ อาอิโตะ) (มีฉบับแปลไทยด้วยคลิกที่นี่) ที่มีเรื่องราวอยู่ในโลกแห่งนิทานและเทพนิยายที่ทุกคนรู้จัก โดยมีหนูน้อยหมวกแดงที่มีความสามารถนักสืบ ตามล่าอาชญากรที่ก่ออาชญากรรมในโลกเทพนิยาย ซึ่งเรื่องนี้ก็คือเรื่องแรกในโลกของซินเดอเรลล่า ที่เล่าเรื่องราวตามลำดับนิทาน แต่เปลี่ยนแปลงให้มีคนตายแทรกเข้ามาระหว่างนั่งรถม้าไปงานเต้นรำของเจ้าชาย และในงานเต้นรำนั้นก็คือฉากหนึ่งในการไขปริศนา และก็ยังเดินเรื่องเชื่อมต่อมาถึงรองเท้าแก้วตามลำดับ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าไอเดียนี้มันสุดยอดมากในการวางเรื่องตามนิทานให้กลายเป็นฉากหลังคดีฆาตกรรมที่ซับซ้อนมาก มีการไล่ต้อนคนร้ายด้วยทฤษฎีต่างๆ ให้จนมุมตามหลักฐานที่เนื้อเรื่องวางปมไว้ทั้งหมด ซึ่งหนูน้อยหมวกแดงก็เหมือนคินดะอิจิหรือโคนันนั่นเอง แต่แค่อยู่ในรูปลักษณ์ของหนูน้อยหมวกแดงที่มีนิสัยชอบเดินทางแสวงหาการผจญภัย ซึ่งจริงๆ ก็คือคดีอาชญากรรมต่างๆ ในโลกเทพนิยายนี่แหละครับ

แต่นอกจากฉากสืบสวนที่น่าติดตามแล้ว สิ่งที่โดดเด่นมากของเรื่องนี้คือ มุกตลกเสียดสีโลกของนิทานในยุคสมัยเก่า ที่มักมีความนิยมในยุคนั้นครอบไว้ อย่างการที่ซินเดอเรลล่าชอบเจ้าชายตั้งแต่แรกแม้ไม่ได้รู้จักกันเลยก็ตาม แม่มดที่มาเสกสิ่งต่างๆ ให้ก็ดูตลกขบขันกับจุดบกพร่องของคาถาที่มีเวลาจำกัด เจ้าชายที่แอบมีคนรักอยู่แล้วแต่หายตัวไป โลกของเทพนิยายที่สวยงามเกินจริง เน้นแต่คนสวยงามเท่านั้นถึงเข้าไปงานเต้นรำได้ ซึ่งมุกตลกเหล่านี้ทำออกมาได้เจ็บแสบและเรียกเสียงฮาได้ทุกครั้ง และก็ฉุกให้ผู้ชมชวนคิดตีความตามได้อย่างคมคายตามไปด้วย  

 

ตัวนักแสดงเองแม้เป็นชาวญี่ปุ่นก็เล่นเรื่องนี้ได้อย่างลงตัว แม้จะเป็นชาวเอเชียแต่ก็ใส่ชุดเดรสสวยๆ ของตะวันตกได้อย่างไม่ขัดเขินอะไร คันนะ ฮาชิโมโตะ แสดงเป็นหนูน้อยหมวกแดงที่ดูซื่อๆ ในภายนอก แต่ก็แอบมีมุมร้ายๆ อยู่หลายครั้ง ซินเดอเรลล่าที่แสดงโดย ยูโกะ อารากิ ก็เป็นคนสวยในคราบสาวปอนๆ ตามแบบฉบับได้ดี แม้จะมีติดจริตโอเวอร์แอ็กติ้งตามแบบฉบับสื่อบันเทิงญี่ปุ่นอยู่บ้างก็ตามที

กาลครั้งหนึ่งกับคดีปริศนา
กาลครั้งหนึ่งกับคดีปริศนา

 

ฉากงานโปรดักชั่น CG ในฉากแฟนตาซีก็ทำได้เหมาะสมดีกับภาพยนตร์สตรีมมิ่ง โดยเป็นบทสนทนาตามแนวหนังนักสืบแทบทั้งเรื่องจึงไม่ได้ใช้ฉากใหญ่โตมาก และด้วยความที่ทุนไม่เยอะฉากในเรื่องจึงมีจำกัดไม่กี่ฉาก หลักๆ คือฉากในงานเต้นรำ นอกนั้นคือส่วนประกอบย่อยๆ 

 

จุดด้อยของเรื่องก็มีในช่วงท้ายที่รีบสรุปจบเรื่องราวทั้งหมดในแนวนักสืบ คือเป็นการร่ายยาวรวดเดียวจนจบว่าใครคือคนร้าย แม้จะมีเซอร์ไพรส์อยู่บ้าง แต่มันก็เป็นฉากจบแบบสูตรสำเร็จทั่วไป ทั้งๆ ที่ทั้งเรื่องฉีกแนวได้หมดแล้ว

 

สรุปนี่คือผลงานที่สร้างจากนิยายที่ดีอยู่แล้วมาเป็นภาพยนตร์ Original Netflix ได้อย่างลงตัวในสไตล์งานบันเทิงญี่ปุ่น นำเทพนิยายมาดัดแปลงให้เป็นคดีฆาตกรรมได้อย่างลงตัวไปกับเรื่องราวเดิม และพลิกผันแนวทางเรื่องใหม่แทรกลงไปได้อย่างทันยุคสมัย เต็มไปด้วยมุกตลกเสียดสีที่แพรวพราว แม้จะจบด้วยรูปแบบสูตรสำเร็จมากไปหน่อยก็ตาม

 

including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!