playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Operation Christmas Drop ภารกิจของขวัญจากฟ้า หนังรัก PR ฐานทัพอากาศสหรัฐ

Operation Christmas Drop

สรุป

นี่เป็นเหมือนหนัง PR ภารกิจของทหารสหรัฐอเมริกาในรูปแบบหนึ่งมากกว่าหนังจริงๆ แต่เรื่องก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เรียกว่าดูเพลินๆ ได้รู้จักเรื่องราวเชิงลึกของฐานทัพอากาศแอนเดอร์เซนที่มีตัวตนจริง ซึ่งถ้าใครชอบดูเรื่องราวของทหารอเมริกาก็เรียกว่าน่าสนใจ แต่ถ้าจะดูในเชิงหนังรักให้อินในอารมณ์นี่คงข้ามเลยดีกว่าครับ

 

Overall
5.5/10
5.5/10
Sending
User Review
5 (1 vote)

Pros

  • รายละเอียดเชิงลึกของภารกิจด้านมนุษย์ธรรมของทหารอเมริกาในมหาสมุทรแปซิฟิก
  • รายละเอียดภารกิจ Operation Christmas Drop ที่มีจริงๆ มายาวนาน
  • ใช้สถานที่และโลเกชั่นของฐานทัพแอนเดอร์เซนจริง

Cons

  • เรื่องราวความรักในเรื่องเบาบางจนแทบไม่มีความสำคัญเลย
  • ดูเป็นหนัง PR ภารกิจทหารอเมริกามากกว่าหนังจริงๆ

Operation Christmas Drop ภารกิจของขวัญจากฟ้า หนังช่วงเดือนคริสมาสต์ของ Netflix ที่เล่าเรื่องราวของฐานทัพอากาศอเมริกาแห่งหนึ่งในมหาสมุทรแปซิฟิกที่กำลังถูกเพ่งเล็งสั่งปิดเพื่อตัดงบประมาณทางการทหารลง โดยที่คนในรัฐบาลไม่เข้าใจเลยว่าภารกิจประจำฐานทัพแห่งนี้มีค่าต่อเพื่อนมนุษย์ในเกาะแถบนี้ยังไง

นี่เป็นหนังที่สร้างโดยอิงจากภารกิจจริงๆ ของฐานทัพอากาศแอนเดอร์เซน (ลิ้งข้อมูลเว็บไซต์ฐานทัพคลิกที่นี่) ที่มีมาตั้งแต่ปี 1952 ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐ จุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือด้านมนุษย์ธรรมแก่ชาวเกาะเล็กน้อยมากมายในละแวกมหาสมุทรแปซิฟิก ให้ได้รับสิ่งของเครื่องใช้ในการดำรงชีวิต เป็นเหมือนของขวัญจากซานต้ามาแจกในทุกปีๆ พร้อมทั้งเป็นการฝึกบินระดับต่ำไปในตัว

ตัวเรื่องนี้เป็นหนังรักเบาๆ ปนมานิดหน่อย ไม่ได้มีดราม่าหรือบทหักมุมอะไรนัก โดยเรื่องเริ่มจากนางเอก Erica ทำหน้าที่ช่วย สส. ในสภาที่มีหน้าที่คัดกรองงบประมาณกระทรวงกลาโหม และเบื้องบนกำลังหาทางตัดงบไม่จำเป็นออก ซึ่งนางเอกก็บังเอิญไปเห็นข่าวภารกิจจากฟากฟ้าของฐานทัพนี้ เป็นรูปพระเอก Andrew ตำแหน่งนักบินขนส่งสินค้าของกองทัพถืออูคูเลเล่ แบบชิลๆ โปรโมทภารกิจนี้อยู่บนปกข่าว เธอเลยคิดว่ากองทัพแห่งนี้น่าจะเข้าข่ายถูกตัดงบโดยการสั่งปิด จึงเสนอให้หัวหน้าจัดการ แต่เธอกลับได้รับภารกิจมาตรวจสอบอีกครั้งด้วยตัวเองว่าที่นี่ใช้งบสิ้นเปลืองจริงๆ หรือไม่ ก็กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการพบรักกับพระ พร้อมกับได้รู้จักภารกิจส่งของขวัญนี้ด้วยตัวเองจริงๆ

หนังเรื่องนี้แทบจะไม่ได้เรียกว่ามีบทเดินเรื่องอะไรให้ตลก หรืออินไปกับความรักของทั้งคู่ได้ เพราะตัวเรื่องแทบไม่ได้มีฉากบิ้วไปทางนั้นโดยตรง แต่เรื่องกลับไปเน้นหนักที่รายละเอียดการทำงานของฐานทัพแอนเดอร์เซนแบบยิบๆ ละเอียดมาก จนรู้สึกนี่เป็นหนังที่น่าจะได้ทุนจากฐานทัพมาร่วมด้วยเป็นแนว PR ไปในตัวแน่ เพราะทั้งเรื่องนำเสนอรายละเอียดไปในเชิงบวกล้วนๆ กับการที่ทหารในฐานทัพแห่งนี้ที่ดูภายนอกเหมือนที่พักตากอากาศ ไม่ได้ไปรบกับใคร แต่กลับมีภาระหน้าที่ประจำวันช่วยเหลือชุมชนชาวเกาะในหลายรูปแบบ โดยไม่ต้องถึงคริสมาสต์พวกเขาก็เหมือนเป็นทหารรับใช้ประชาชนในโซนนี้ไปในตัว และก็ได้เห็นชีวิตของทหารที่ห่างไกลครอบครัวแม้ในยามคริสมาสต์ก็กลับบ้านไม่ได้ มาให้คนดูเห็นใจกับการเสียสละทำภารกิจนี้ ซึ่งคงไม่ได้เติมแต่งอะไรมาก เพราะเป็นเรื่องจริงที่มีรายละเอียดพิสูจน์ได้ แต่หนังหยิบเรื่องราวการช่วยเหลือพวกนี้มาใส่ไว้ในเรื่องให้นางเอกในเรื่องได้เห็นข้อเท็จจริงอีกด้านที่ตัวเธอเองตั้งอคติไว้ในตอนแรก ก่อนจะมาสัมผัสกับของจริงและเข้าใจในที่สุด

แต่ในเรื่องก็มีปมขัดแย้งกับหัวหน้าที่ส่งนางเอกมาใส่ไว้นิดหน่อย พอให้รู้สึกว่าเป็นตัวร้ายของเรื่องที่ส่งนางเอกมาเพื่อให้เขียนรายงานปิดฐานทัพแห่งนี้ให้ได้ ซึ่งนางเอกก็ต้องเลือกระหว่างข้อเท็จจริงด้านมนุษย์ธรรมที่เธอสัมผัสมาจริงๆ ว่าฐานทัพแห่งนี้ช่วยเหลือคนมากมาย หรือจะยอมขัดแย้งกับหัวหน้าที่ทำให้เธออาจจะสูญเสียตำแหน่งงานเลขาธิการ สส. ที่เธอหมายตาไว้ แต่ปมนี้ตอนหลังก็เคลียร์แบบง่ายๆ จนรู้สึกว่าแค่ตั้งใจใส่มาประดับเรื่องเท่านั้น

ในส่วนความรักของทั้งคู่ ตัวหนังใช้ช่วงเวลาที่นางเอกตรวจฐานทัพมาเป็นช่วงทำความรู้จักตัวตนของกันและกัน ที่ในตอนแรกต่างตั้งแง่กับอีกฝ่าย แต่พอเวลาผ่านไปนางเอกก็เริ่มเห็นตัวตนที่แท้จริงของพระเอกที่ใสบริสุทธิ์ดีเว่อร์มากๆ ฝ่ายพระเอกก็ได้เห็นแง่มุมอีกด้านของผู้หญิงที่ตั้งหน้ามาปิดฐานทัพเขาเปลี่ยนไป และก็กลายมาเป็นความรักเบาๆ ในบางฉากอย่างชวนไปดำน้ำกัน จัดงานคริสมาสต์ด้วยกัน แล้วก็ปิ๊งกันง่ายๆ ไม่ต้องมีดราม่าอะไรประกอบเรื่องเลย

อย่างที่บอกนี่เป็นเหมือนหนัง PR ภารกิจของทหารสหรัฐอเมริกในรูปแบบหนึ่งมากกว่าหนังจริงๆ แต่เรื่องก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เรียกว่าดูเพลินๆ ได้รู้จักเรื่องราวเชิงลึกของฐานทัพอากาศแอนเดอร์เซนที่มีตัวตนจริง ซึ่งถ้าใครชอบดูเรื่องราวของทหารอเมริกาก็เรียกว่าน่าสนใจ แต่ถ้าจะดูในเชิงหนังรักให้อินในอารมณ์นี่คงข้ามเลยดีกว่าครับ

อ่านรีวิวหนัง Netflix ในเว็บไซต์เพิ่มเติมคลิกที่นี่

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!