playinone.com
รีวิว บทความ หนัง ซีรีส์ Netflix สตรีมมิ่งทุกระบบ

รีวิว Orion and the Dark ไอเดียหลักดี แต่เล่าเรื่องไม่สนุก จบแบบเด็กๆ ปาหมอน

Orion and the Dark

Summary

แอนิเมชั่นที่แก่นเนื้อหาไอเดียของเรื่องดีมาก แต่เล่าเรื่องด้วยภารกิจที่คิดมาไม่ดีพอจนทำให้ออกมาจืดชืด มีดีแค่ตอนสลับกลับมาโลกความจริงเท่านั้น แต่ก็จบไม่ดีจนน่าผิดหวัง แต่ถ้าเปิดให้เด็กลูกหลานดูก็คงได้ความน่าสนใจ เพราะประเด็นการเอาชนะความกลัวที่มืดของเด็กๆ ก็ยังนับว่าเป็นสิ่งดีที่เรื่องนี้พยายามทำมันออกมาครับ

Overall
5.5/10
5.5/10
Sending
User Review
0 (0 votes)

Pros

  • การกลัวความมืดของเด็ก
  • ช่วงโลกความจริงอธิบายความกลัวในทางวิทยาศาสตร์+จิตวิทยาได้ดี
  • มีพากย์ไทย

Cons

  • เล่าเรื่องแบบจืดๆ
  • ตัวละครไม่มีเสน่ห์
  • งานแอนิเมชั่นธรรมดาพื้นๆ
  • ตอนจบหาทางลงแบบเด็กมากๆ

Orion and the Dark โอไรออนท่องแดนมหัศจรรย์รัตติกาล แอนิเมชั่น Netflix จากค่าย DreamWorks Animation เรื่องราวของเด็กน้อยโอไรออนที่ชีวิตเขากลัวทุกอย่างโดยเฉพาะความมืด จนความมืดได้ออกมาทักทายเขาในค่ำคืนหนึ่งและพาเขาไปท่องโลกความมืดเพื่อขจัดความกลัวนี้ให้หมดไป

Orion and the Dark (2024) on IMDb

รีวิว Orion and the Dark

แอนิเมชั่นที่ไอเดียหลักดูดีมากกับการเล่าเรื่องการกลัวความมืดของเด็กน้อยที่ใครๆ ก็เป็นกัน โดยเป็นการเล่าเรื่องในแบบแฟนตาซี ความมืดคือตัวละครที่ปรากฎออกมาในห้องของเขาและก็ตัดพ้อชีวิตแสนรันทดให้ฟังว่าใครๆ ก็กลัวเขามาตลอด ไม่มีโอกาสได้ผูกมิตรเพราะผู้คนติดภาพลักษณ์ความมืดเป็นสิ่งที่น่ากลัวและไม่ดีอยู่เสมอ โดยเรื่องได้นำเสนอไอเดียให้ความมืดได้พาโอไรออนไปท่องโลกยามค่ำคืนรอบโลก 24 ชั่วโมง เพื่อให้เขาได้เห็นภารกิจของความมืดว่าต้องทำอะไรบ้าง โดยมีตัวละครเสริมเป็นความฝัน ความเงียบ นอนไม่หลับ ฯลฯ ที่เป็นมิตรสหายใต้เงาความมืดมาทำภารกิจนี้ร่วมกัน โดยที่มีแสงสว่างเป็นขั้วตรงข้ามที่ความมืดต้องเดินทางหนีไปตลอด นิสัยของทั้งคู่ก็ตรงข้ามขัดแย้งกันจนเหมือนพระเอกกับผู้ร้ายตลอดกาล 

ไอเดียเหล่านี้มันดีมากจริงๆ แต่ปัญหาคือเรื่องกลับทำได้ไม่สนุก เพราะภารกิจที่เด็กได้ไปเจอมันค่อนข้างธรรมดามาก อย่างการพยายามทำให้คนนอนด้วยไอเทมวิเศษ พยายามทำเสียงแปลกๆ ในตอนกลางคืน ฯลฯ ช่วงภารกิจเหล่านี้มันดูพื้นๆ ทั่วไปมากจนขาดความน่าสนใจ แล้วตัวละครเพื่อนๆ ของความมืดก็ดีไซน์ไม่ดี มีแสงสว่างวิบวับกันทุกคนจนดูขัดแย้งกับความมืด แต่ก็พยายามบอกว่าพวกนี้ไม่เคยเห็นแสงสว่าง แต่กลับจุดไฟได้ ในเมืองที่เดินทางไปก็มีความสว่างจากหลอดไฟอยู่ทั้งนั้น ซึ่งไอเดียมันค่อนข้างสวนทางกับความจริง เหมือนผู้สร้างคิดมาไม่ดีพอ แต่นำมาเล่าเป็นเรื่องราวที่ไม่ลงตัวเท่าไหร่ และก็ไม่มีพัฒนาการลงลึกกับตัวละครที่ดีพอเลย ทั้งๆ ที่สร้างตัวละครแสงกับความมืดได้น่าสนใจ มีแต่ฉากก้าวกระโดด อยู่ๆ ตัวละครก็เปลี่ยนไปเพื่อเป็นช่วงขัดแย้งของเรื่องแบบง่ายๆ แล้วก็กลับมารวมพลังใหม่แบบง่ายๆ อาจจะเพราะด้วยเวลาในเรื่องวันเดียวก็เลยทำให้เรื่องไม่สามารถพัฒนาตัวละครได้อย่างที่ควรจะเป็น

แต่สิ่งดีของเรื่องนี้กลับอยู่ที่จุดหักมุมเล็กๆ ที่เรื่องเล่าไปสักพักก็เฉลยมาว่าทั้งหมดที่ดูไปคือนิทานก่อนนอนของตัวเอกโอไรออนตอนโตที่เล่าให้ลูกสาวฟัง ซึ่งลูกสาวแม้กลัวความมืดตามประสาเด็ก แต่กลับเป็นคนที่เข้าใจชีวิตมากกว่าด้วยการหาข้อมูลว่าทำไมคนกลัวความมืด ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงจิตวิทยาตั้งแต่อดีตเพื่อป้องกันตัวยามกลางคืนบลาๆ โดยเนื้อหาตรงนี้จะสลับกับช่วงแฟนตาซีที่โอไรออนเล่าว่าเดินทางไปกับความมืด โดยที่ลูกสาวของเขาจะแย้งแล้วก็เป็นฉากตัดภาพกลับมาโลกปกติพร้อมคำถามหรือคำอธิบายที่ดูดีกว่าที่พ่อเล่า ซึ่งเนื้อเรื่องช่วงนี้ทำได้น่าสนใจกว่าช่วงแฟนตาซีแบบชัดเจน แต่ก็ยังไปมีปัญหาที่ตอนจบหลุดโลกจบแบบปาหมอนไปเลย กลายเป็นตอนจบแบบเด็กมากๆ แม้จะเป็นการลำดับเรื่องเพื่อให้เข้าช่วงธีมการเล่านิทานสืบทอดกันมาในตระกูลก็เช่นกันครับ


งานแอนิเมชั่นของเรื่องก็ธรรมดาพื้นๆ แม้จะขายว่าเป็นของดรีมเวิร์ค แต่งบน่าจะน้อยเพราะตัวละครดีไซน์ไม่ดี ไม่โดดเด่นน่ารัก ภาพค่อนข้างธรรมดาทั่วไป ซึ่งน่าจะเพราะผู้สร้าง Sean Charmatz ก็เป็นมือใหม่เครดิตผลงานกำกับเล็กๆ แค่ 4 เรื่องที่ไม่ได้น่าจดจำสักเท่าไหร่ครับ

สรุปเป็นแอนิเมชั่นที่แก่นเนื้อหาไอเดียของเรื่องดีมาก แต่เล่าเรื่องด้วยภารกิจที่คิดมาไม่ดีพอจนทำให้ออกมาจืดชืด มีดีแค่ตอนสลับกลับมาโลกความจริงเท่านั้น แต่ก็จบไม่ดีจนน่าผิดหวัง แต่ถ้าเปิดให้เด็กลูกหลานดูก็คงได้ความน่าสนใจ เพราะประเด็นการเอาชนะความกลัวที่มืดของเด็กๆ ก็ยังนับว่าเป็นสิ่งดีที่เรื่องนี้พยายามทำมันออกมาครับ

including other English reviews

The Devil’s Hour ช่วงเวลาปีศาจ ตี 3.33 นาที ที่เต็มไปด้วยเรื่องเซอร์ไพรส์เกินคาด!