รีวิว Our Beloved Summer ร้อนนั้นเรารักกัน (Netflix) สารคดีคู่กัดวัยใสที่ชวนให้หวนคิดถึงอดีตในวัยเรียน

Our Beloved Summer ร้อนนั้นเรารักกัน ซีรีส์เกาหลีแนวรอมคอม ของ Netflix เรื่องราวช่วงเวลาวัยรุ่นของหนุ่มสาวต่างขั้วที่ต้องมาถ่ายสารคดีร่วมกัน ก่อนที่วันเวลาจะผ่านไปทำให้ทั้งคู่ต้องหวนกลับมาทำมันอีกครั้ง

ตัวอย่าง Our Beloved Summer ร้อนนั้นเรารักกัน

ซีรีส์เกาหลีเรื่องใหม่ที่มีต้นเรื่องจากเว็บตูน (อีกแล้ว) ในชื่อเดียวกัน แต่ตัวเว็บตูนที่แปลไทยก็ยังไม่จบ (ดูเวอร์ชั่นเว็บตูนคลิกที่นี่)  เรื่องนี้ออนแอร์ฉายทุกวันจันทร์ อังคาร หลัง 4 ทุ่มไป ได้ ชเว อู-ชิก จากดาราหนุ่มชื่อดังจากภาพยนตร์ Parasite Train To Busan และ Time to Hunt มารับบท “ชเวอุง” หนุ่มสายศิลป์นิสัยต๊องๆ อินดี้ๆ ที่ต้องมาพบกับ คิม ดา-มี หรือน้องหมวยจากซีรีส์อีเทวอนคลาส ซึ่งสลัดภาพสาวผมสั้นเปรี้ยวๆ มาเป็น “กุกยอนซู” เป็นสาวเรียนดีตัวท็อปของโรงเรียน แต่มีนิสัยหยิ่งๆ มีโลกส่วนตัวเข้ากับใครไม่ค่อยได้ ซึ่งทั้งคู่ต้องมาเจอกันตั้งแต่สมัยเรียนไปจนถึงวันทำงานหนีกันไม่พ้นสักที กลายเป็นเรื่องราวสุดป่วยชุลมุนวุ่นวายที่กลายมาเป็นเรื่องทั้งรักทั้งเศร้าไปพร้อมกัน

เนื้อเรื่องเริ่มจากทั้งคู่ต้องมารับหน้าที่เป็นตัวแสดงในสารคดีที่ทางสถานีติดต่อมา โดยมีคอนเซ็ปต์เป็นการจับคู่ของสาวเรียนดีท็อปสุดของโรงเรียนกับนักเรียนที่ได้คะแนนสอบบ๊วยสุดของโรงเรียน เพื่อดูผลว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับทั้งคู่ ซึ่งกลายเป็นว่าทั้งสองคนเริ่มรู้สึกดีๆ จนกลายมาเป็นแฟนกันในที่สุด แต่หลังจากเวลาผ่านไปทั้งคู่ก็แยกทางกัน ก่อนที่วันเวลาผ่านไปสิบปีทั้งคู่กลับต้องมาเจอกันอีกครั้งจากโปรเจ็กต์งานที่ทั้งคู่ต้องมาร่วมกันทำ และในเวลาเดียวกันนั้นเองสารคดีที่เคยถ่ายไว้สมัยก่อนก็ได้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง จนเป็นเหตุทำให้ทั้งคู่ต้องหวนกลับมาถ่ายสารคดีภาคต่อในช่วงเวลาที่ทั้งคู่ไม่อยากเจอหน้ากันอีกแล้ว

ซีรีส์เรื่องนี้พล็อตอาจจะดูธรรมดาทั่วไป แต่พอได้ดูแล้วกลับพบว่าในความธรรมดาของพล็อตพระเอกนางเอกไม่ถูกกันนั้นกลับเต็มไปด้วยเรื่องราวที่สนุกสนาน ได้อารมณ์สดใส จากช่วงวัยเรียนที่หวนชวนให้คิดถึงอดีตของตัวเราเองมากมาย ซึ่งบทถูกวางไว้อย่างฉลาดด้วยการเล่าเรื่องทั้งคู่ผ่านสารคดีในวัยเรียนมัธยมปลาย ที่เผยแพร่ไปบนโลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งเป็นการเก็บความทรงจำนั้นไว้ตลอดไป แล้วนำจุดนี้กลับมาใช้ในการเล่าเรื่องราวย้อนหลังกลับมาทีละนิดๆ ว่าสารคดีนี้เปลี่ยนชีวิตวัยรุ่นของทั้งคู่ไปมากแค่ไหน ซึ่งแต่ละครั้งที่ตัวเรื่องย้อนอดีตก็จะใช้มุมมองจากในสารคดีมาเป็นเรื่องเล่าน่ารักสนุกๆ และมีช่วงที่นอกจอเบื้องหลังสารคดีมาเพิ่มด้วย อย่างการหันหน้ามาคุยนอกบทกับกล้อง แต่ก็ถูกทำให้กลมกลืนไปกับตัวสารคดีเหมือนปกติไปด้วย ซึ่งผู้ชมเองจะได้รับรู้อารมณ์แบบเดียวกับที่เรื่องบิ้วไว้ว่าสารคดีเรื่องนี้เป็นไวรัลสนุกสานของคู่กัดวัยรุ่น ที่ต่างมีนิสัยกับการเรียนต่างกันสุดขั้วก็ยังแมตชิ่งลงตัวเข้าคู่กันสุดๆ

นอกจากนี้ตัวนักแสดงเองแม้อายุเกินเด็ก ม.ปลาย แล้ว พระเอก ชเว อู-ชิก อายุ 31 ปี นางเอก คิม ดา-มี อายุ 26 ปี แต่ต้องชมทั้งฝ่ายคอสตูม แต่งหน้าทำผม กับตัวนักแสดงเองด้วยที่ลดอายุผ่านการแสดง เล่นออกมาได้เหมือนเป็นเด็กในช่วงวัยนั้นจริงๆ เรียกว่าเหมือนมากจนจับผิดแทบไม่ได้เลย ตัว คิม ดา-มี เองก็ใสกิ๊งมากๆ ตาโตน่ารักมีเสน่ห์เป็นจุดเด่นมากของซีรีส์เรื่องนี้เลย (ขนาดผู้เขียนไม่ชอบเธอในอีเทวอนคลาสยังมาชอบเธอในบทนี้ได้ทันที) ตัว ชเว อู-ชิก ก็เล่นในบทลูสเซอร์ประจำโรงเรียนได้เหมือนมาก คือหน้าตาดูดี แต่ดูหัวทึบโง่ๆ ตามบทเป๊ะ ซึ่งพอเรื่องเปลี่ยนช่วงวัยไปปัจจุบันทั้งคู่ก็กลายเป็นผู้ใหญ่วัยทำงานได้เหมือนจริงในทันที โดยที่ทั้งเรื่องจะมีการตัดสลับไปมาสองวัยตลอด แต่ก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนจนแทบไร้ที่ติในเรื่องนี้เลยจริงๆ ครับ

นอกจากการใช้สารคดีเล่าเรื่องสนุกๆ ที่เกิดขึ้นแล้ว ยังใช้จุดนี้มาเป็นจุดเริ่มดราม่าของเรื่องราวความรัก ความผิดหวังในเวลาต่อมา ซึ่งเรื่องถูกนำเสนอจากปัจจุบันย้อนกลับไป ทำให้เห็นว่าอดีตทั้งคู่กลายมาเป็นแฟนกันได้ยังไงหลังจากถ่ายทำสารคดีจบลง ซึ่งปัจจุบันทั้งคู่แยกทางกไปแล้วกว่า 5 ปี ตัวเรื่องจะค่อยๆ เผยให้เห็นช่วงเวลาของความรักกับการบอกเลิกสลับกันไปมา ไม่ได้เรียงลำดับตามไทม์ไลน์ โดยมีแง่มุมที่เรื่องยังซ่อนความลับไว้เล็กๆ หลายอย่าง เป็นมุมมองที่ต่างกันของทั้งคู่ในช่วงเวลานั้น อย่างการที่ ชเวอุง ไม่เคยตอบว่ารักกลับไปเลย จนทำให้ ยอนซู ต้องบอกเลิกในที่สุด และก็ตัดเขาขาดสะบั้นแบบไม่อธิบายเหตุผลให้เขาเข้าใจ จนกลายเป็นชีวิตของชเวอุงต้องพังทลายลงต่อจากนั้น ซึ่งตัวเรื่องก็กั๊กส่วนนี้ไว้เล่าทีหลัง เรียกว่าเรื่องแม้จะดูพล็อตธรรมดาเหมือนเดาได้ แต่ก็ยังมีการซ่อนความลับไว้นิดๆ ชวนให้น่าติดตามตลอดเวลา

ถึงเนื้อเรื่องช่วงอดีตจะเป็นความลับสำคัญของเรื่อง แต่ช่วงเวลาปัจจุบันคือเนื้อเรื่องหลักที่ซีรีส์นำเสนอมากกว่า ซึ่งเวลาที่ผ่านไป 5 ปีจากที่แยกทางกัน ทั้งคู่ได้กลับมาพบกันและหนีกันไม่พ้นอีกครั้ง โดยยอนซูต้องจำใจใช้ชเวอุงในการทำงานโปรเจ็กต์โฆษณาชิ้นใหญ่ ซึ่งชเวอุงได้กลายมาเป็นนักวาดภาพสถาปัตย์สิ่งก่อสร้างที่กำลังมีชื่อเสียงในปัจจุบัน แต่เขากลับทำตัวเรียบง่ายไม่ออกสื่อ จนทำให้ยอนซูต้องปวดหัวกับการตื้อเขาให้รับงานนี้ และเรื่องก็ผูกโจทย์การกลับมาของสารคดีภาคต่อที่ทุกคนอยากเห็นว่าพวกเขาทั้งคู่เปลี่ยนไปแค่ไหน แถมโปรดิวเซอร์งานนี้เป็น “คิมเจอุง” (รับบทโดย คิมซังชอล) เพื่อนของทั้งคู่เอง และเขายังแอบชอบยอนซูมาตลอดด้วย ซึ่งเรื่องในช่วงวัยผู้ใหญ่จะเป็นแนวกวนๆ มีความตึงเครียดปนตลกจากการไม่ยอมกันของทั้งคู่ พร้อมกับความรู้สึกในอดีตที่สูญเสียไปหวนกลับมาแบบลึกๆ แล้วทั้งคู่ก็ยังมีใจให้กัน แต่แค่ทิฐิของทั้งคู่ขวางไว้ไม่ให้แสดงออกมา และก็เป็นปัญหาของการถ่ายทำสารคดีนี้ในปัจุบันที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่เพื่อนพระเอกวางไว้ด้วย

 

ตัวสารคดีในปัจจุบันก็จะทำหน้าที่เล่าเรื่องย้อนกลับไปยังสิ่งที่เกิดขึ้นจากการถ่ายทำสารคดีในอดีตด้วย เป็นการใช้สารคดีซ้อนสารคดีเล่าเรื่องจากมุมมองที่ต่างกันในวัยผู้ใหญ่ย้อนกลับไปเป็นเด็กในตอนนั้น ตรงนี้จะมีแทรกมาตลอดเรื่องเป็นการยิงคำถามตอบกลับให้ทั้งคู่ตอบ และก็จะมีเพิ่มในช่วงท้ายทุกตอนเป็นช่วงพิเศษแทรกมาด้วย ซึ่งสำคัญมากกับเรื่องยังไงห้ามพลาดเด็ดขาดครับ

 

ซีรีส์ยังมีตัวละครเสริมเรื่องอีก 2 คน เป็น NJ (รับบทโดย โนจองอี) ไอดอลชื่อดังที่ชอบผลงานวาดภาพของพระเอก จนมาชอบพระเอกไปด้วย เธอเป็นตัวละครที่นึกอยากทำอะไรก็ทำ เป็นคนตรงไปตรงมา และก็พยายามมาหว่านเสน่ห์ใส่พระเอก ซึ่งเขาก็ซื่อบื้อเหมือนไม่รู้ตัว (หรือว่ารู้ก็ได้?) ตัวละครนี้ช่วยมาทำให้เรื่องราวความรักของคู่หลักซับซ้อนขึ้นไปอีก ส่วนอีกคนคือ Nu-A รับบทโดย ควัก ดง-ย็อน ประธานบริษัทคนน้องในเรื่อง Vincenzo เปิดตัวมาเป็นคู่แข่งผลงานของพระเอก และทั้งสองคนนี้ยังมีความหลังบาดหมางใจกันบางอย่างที่ยังไม่ถูกเปิดเผยออกมา

งานภาพในเรื่องนี้ออกแนวสดใสตามชื่อเรื่องซัมเมอร์เลย แล้วก็มีการใส่ฟิลเตอร์สีน้ำลงไปตามขอบในบางครั้งให้ดูฟุ้งๆ ชวนฝัน ตรงนี้ก็เพื่อให้สอดคล้องกับงานภาพวาดของพระเอกที่เป็นสไตล์เดียวกัน  ซึ่งทำให้ภาพเรื่องนี้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวมากขึ้น

Our Beloved Summer ตอนนี้ซีรีส์ฉายไป 4 ตอน เรตติ้งเกาหลีไม่ได้ดีมากแค่ 3% กว่า แต่ที่ไทยติดอันดับต้นๆ ของยอดคนดูรวมแล้ว ก็เป็นเรื่องที่แนะนำกันเลยว่าต้องลองรับชมกันดูครับ

อ่านรีวิวซีรีส์เกาหลี Original Netflix เรื่องอื่นคลิกที่นี่